วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime Special 5 : พลังนุ่มนิ่มไทยในมาครอส マクロスにタイのソフトパワーについて

 สวัสดีครับ ต่อเนื่องการพูดคุยเรื่องของ Soft Power แล้วก็พาลนึกไปถึงอนิเมะเรื่องโปรดของผมนั่นคือซีรี่ย์มาครอส ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านที่เคยดูซีรี่ย์มาครอสรู้ตัวหรือเปล่าว่าในเนื้อเรื่องเหมือนว่าจะมีพลังนุ่มนิ่มของไทยแทรกอยู่ด้วย วันนี้ผมจะลองมาชี้จุดให้ดูกันครับ

*** Spoiler Alert !! : จะมีการอ้างอิงเนื้อหาจากซีรี่ย์มาครอสเกือบทุกภาค ใครยังไม่ได้ดูแล้วยังไม่อยากจะถูกสปอยล์ก็ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ

 

1. ชาวมายัน = คนไทย ?

เริ่มจากภาคมาครอสเซโร่ก่อนเลยแล้วกัน ผมพบว่าท้ายเครดิตมีการเขียนถึงการเก็บข้อมูลที่เกาะพีพีในประเทศไทยแล้วถ้าดูบรรยากาศชาวเกาะในเรื่องท่านก็พอจะทราบว่ามันถือเกาะในประเทศไทยชัดๆ ในเรื่องก็มีการใช้ภาษาไทยในภาพข่าว โฆษณาต่างๆ (ถึงจะเป็นภาษาไทยที่เขียนผิดๆเพี้ยนๆไปหน่อยก็เหอะ) แล้วเรือที่มาโอะพาชินไปดูสมบัติใต้ทะเลของเธอมันก็คือเรือหางยาวหาปลาบ้านเรานี่แหละ เรียกได้ว่าชาวมายัน มาโอะ ซาร่านี่ก็คือคนไทยนะแหละครับ 


 

2. บาซาร่าเป็นลูกครึ่งคนไทย ?

จากทฤษฎีที่ผมเคยบอกว่าพ่อแม่ของบาซาร่าก็คือชินกับซาร่า(อ่านได้ตรงนี้) แล้วซาร่าก็เป็นชาวมายันซึ่งจริงๆแล้วมีต้นแบบเป็นคนไทย หลักฐานเพิ่มเติมก็คือบาซาร่านี่ถ้าดูดีๆแล้วเขาผิวไม่ได้ขาวเหมือนคนญี่ปุ่นแต่จะออกสีแทนๆหน่อยๆ หน้าก็ออกจะคมๆเข้มๆ(สาวๆในเรื่องถึงได้กรี๊ดกร๊าดกันอะนะ)แถมยังไม่เคยตรงต่อเวลาไปคอนเสิร์ตสายตลอด(นิสัยคนไทยชัดๆ) แล้วพอไปดูโปรไฟล์จะพบว่าบาซาร่าชอบกิน "แกงกระหรี่เผ็ดๆ กิมจิ และต้มยำกุ้ง"ซึ่งก็แปลกดีเพราะในเรื่องไม่เห็นเขากินอะไรแบบนี้เลย(เห็นกินพิซซ่า กาแฟ น้ำเลมอนเน็ดแล้วก็ใบไม้!?) อาจจะเป็นโปรไฟล์ที่มาเขียนขึ้นทีหลังเพื่อจะบอกใบ้ว่าจริงๆแล้วบาซาร่าเป็นลูกครึ่งไทยเลยชอบกินอะไรเผ็ดๆเหมือนกับแม่ซาร่า(ที่เป็นคนไทย)ก็เป็นได้ เฮอๆ 


 

3. เอลม่าขับรถกบ ?

ในOVAของมาครอสเซเว่น Macross 7 Dynamite ตัวสาวน้อยจอมป่วนเอลม่าที่อยากจะเป็นลูกศิษย์ของบาซาร่าเธอจะขับรถสามล้อคล้ายๆกับรถกบบ้านเรา(รถตุ๊กตุ๊กแถวๆอยุธยาหรือจังหวัดตรังน่ะนะ) ตอนแรกผมก็คิดว่าอาจจะมีต้นแบบจากรถสามล้อไดฮัทสุของญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่พอในเรื่องมันขับลงน้ำได้เนี่ยมันก็เหมือน"กบ"ใช่มัยละ ก็น่าจะเป็นรถกบบ้านเราละนะ แถมเสื้อคลุมของบาซาร่านี่ก็ครบสามสีธงไตรรงค์อีกต่างหาก (หรือดาวโซล่านี่จะมีต้นแบบมาจากจังหวัดตรังหรือแถวๆทะเลไทยภาคใต้ก็ได้ สังเกตุว่าเมืองที่บาซาร่าไปอยู่นี่จะเปิดวิทยุตลอด เอลม่าก็พกวิทยุติดตัวคล้ายๆกับมาโอะที่ชอบฟังวิทยุในภาคเซโร่น่ะแหละ)


 

4. วัลคิวเร่นั่งรถสองแถว ?

    ข้ามมาที่มาครอสเดลต้า(ภาคมาครอสฟรอนเทียร์มีการถ่ายหนังที่จำลองบรรยากาศเกาะในภาคเซโร่ซึ่งจะนับว่าเป็นบรรยากาศเกาะในไทยก็คงจะได้อยู่แหละ) จะมีอยู่ตอนนึงที่พวกวัลคิวเร่ต้องไปสอดแนมที่ดาวคนหูแมว จะมีฉากที่หน่วยของเฟรย่าฮายาเตะต้องนั่งรถไปสมทบกับคนที่เหลือ ซึ่งดูยังไงๆมันก็คือรถสองแถวบ้านเรานี่แหละ เพราะนั่งแล้วหันหน้าชนกันละนะ แถมยังมีตอนที่เขาจัดเทศกาลแมงกระพรุนซึ่งดูๆไปแล้วก็คล้ายๆเวลาเราลอยโคมลอยยี่เป็ง ตอนที่ลอยเครื่องบินจำลองของเมเซอร์ให้วิญญาณไปผุดไปเกิดเป็นแมงกระพรุนก็ดูคอนเซปคล้ายๆลอยกระทงหรือลอยอังคารบ้านเราอยู่เหมือนกัน (คาดว่าคนเขียนบทมาครอสเดลต้านี่น่าจะมาเที่ยวแถวๆเชียงใหม่แล้วได้ไอเดียไปเขียนบทนี่แหละนะ)

 
 
 กล่าวโดยสรุป ผมว่ามาครอสภาคแรกนี่ได้อิทธิพลตะวันตกมาเยอะแหละ ก่อนที่จะมีเรื่องขัดแย้งกันเรื่องลิขสิทธิ์อะไรกัน มาครอสในภาคต่อๆมาอย่างมาครอสเซเว่นก็จะเริ่มเห็นความเป็นเอเชียในเนื้อเรื่องมากขึ้น (โดยเฉพาะความเป็นไทยที่แทรกๆเข้ามา) ผมเดาว่าทางคณะผู้จัดทำน่าจะเคยมาเที่ยวเมืองไทยแล้วด้วยความประทับใจเขาเลยเอาไปใส่เอาไว้ในมาครอสซะเยอะเลยละครับ น่าเสียดายที่ด้วยปัญหาลิขสิทธิ์ที่เป็นเรื่องเป็นราวสมัยก่อนเลยทำให้คนไทยไม่สามารถดูมาครอสภาคหลังๆมาครอสเซเว่นอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้(เขาห้ามฉายนอกประเทศญี่ปุ่นน่ะ) ไม่งั้นผมว่าแฟนๆมาครอสอาจจะมากกว่าที่มีอยู่ก็เป็นได้นะครับ 
 
สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No.22 : Laid-Back Camp ゆるキャン

 สวัสดีครับ ต่อเนื่องจากเรื่องของ Soft Power และอากาศช่วงนี้ก็เริ่มเย็นขึ้นแล้ว เป็นช่วงที่เหมาะกับการไปตั้งแคมป์กัน ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลยครับ Laid-Back Camp ゆるキャン ชื่อภาษาไทย"แคมป์สบายสไตล์สาว ๆ " เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 

    


Ataya's Star :    ★★★★☆ 

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของสาวน้อย นาเดะชิโกะ คากามิฮะระ ที่พึ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนโมโตสุ(น่าจะแถวๆจังหวัดยามานะชิ) ระหว่างที่เธอได้มาดูภูเขาไฟฟูจิที่บริเวณที่ตั้งแคมป์ก็ได้เผลอนอนหลับไป ระหว่างนั้นเอง ริน ชิมะ สาวน้อยผู้ชื่นชอบการเข้าแคมป์เดี่ยวก็ได้มาตั้งแคมป์บริเวณนั้นพอดี เมื่อนาเดชิโกะตื่นขึ้นเธอก็พบว่ารอบๆมืดลงแล้ว จึงตื่นตกใจกลัวเพราะไม่คุ้นกับที่ทาง แต่โชคดีที่รินได้ช่วยเหลือเธอไว้ ด้วยการได้พูดคุยกันทำให้นาเคชิโกะสนใจการเข้าแคมป์ขึ้นมาและเมื่อไปที่โรงเรียนจึงตัดสินใจเข้าชมรมกิจกรรมกลางแจ้ง เรื่องราวการเข้าแคมป์ของสาวๆจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉนี้นี่เอง


ความคิดเห็น :

    โดยรวมต้องถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้เรื่อยๆ มีความสนุกสนานพอสมควร ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ นอกจากนี้ก็จะได้รับความรู้ในการเข้าแคมป์กลางแจ้งว่าควรจะต้องเตรียมหรือทำอะไรบ้าง เวลาเจอเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาควรจะรับมือยังไง แล้วก็มีเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาก็เอามาจากสถานที่จริง ของกินต่างๆก็คิดว่าน่าจะมีอยู่จริงด้วย ถ้าใครอยากตามรอยก็จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นได้เลยจ้า

ข้อด้อย :

    มุกบางอย่างมันต้องมีความรู้เกียวกับญี่ปุ่นพอสมควรถึงจะรู้เรื่องขำออกละนะครับ ถ้าให้คนต่างชาติดูก็อาจจะงงๆว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ อีกอย่างในเนื้อหาก็ดูเหมือนเป็นการตั้งใจขายอุปกรณ์ตั้งแคมป์กลายๆนะแหละ(น่าจะมีสปอนเซอร์แฝงแหละ) พอดูไปสักสองซีซันก็เริ่มจะจับทางได้ว่ามันก็คงเป็นแพทเทิร์นประมาณว่าทำงานเก็บตังค์แล้วไปตั้งแคมป์กันที่ไหนสักแห่งนี้ละนะ

    กล่าวโดยสรุป สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอนิเมะแนวเรื่อยๆเปื่อยๆดูได้เพลินๆไม่มีดราม่าอะไรให้เครียด ตัวละครก็น่ารักสดใสสมวัยทีน เพลงประกอบก็ไพเราะฟังได้สบายๆหู ตอนนี้มีข่าวว่ากำลังทำซีซันสามอยูู่ ถ้าเข้าฉายก็ว่าจะดูต่อละนะครับ สำหรับคนที่สนใจสถานที่ท่องเทียวและการตั้งแคมป์(ในประเทศญี่ปุ่น)ก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้เลยครับ แต่ที่ไทยคงไม่ไหวเพราะออกนอกบ้านทีนี่ยุงรุ่มกัดกันจะเป็นไข้เลือดออกตายกันอยู่แล้วนิ เฮอๆ 

Official Anime Website -> https://yurucamp.jp/

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No. 21 : Deaimon であいもん

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ดูข่าวอะไรก็มีแต่คนบอกว่าอันนั้นคือ Soft Power บ้างละ อันนี้คือพลังนุ่มนิ่มบ้างละ จนรู้สึกเริ่มจะเอือมๆแหละ จริงๆถ้าถามว่าอะไรคือ Soft Power ส่วนตัวผมว่ามันคืออะไรก็ตามที่คนต่างชาติเขาดั้นด้นหรือพยายามมาหาของๆเราไปครอบครอง บริโภคหรือใช้งานน่ะแหละ เช่น ฝรั่งที่เขาบินมากินอาหารไทยมาท่องเที่ยวตามวัดวาอาราม หรือ นักชกต่างชาติที่ทิ้งบ้านเกิดข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนมวยไทย คนจีนที่บินมาซื้อยาดมยาหม่อง อะไรประมาณนี้ละนะครับ มันก็ทำให้นึกถึงอนิเมะญี่ปุ่นที่เขามักจะใส่อะไรที่เป็น Soft Power ของเขามาในเรื่องด้วย เช่น สถานที่ท่องเที่ยวหรืออาหารญี่ปุ่น ก็เลยทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา Deaimon  であいもん (ชื่อภาษาไทย "สิ่งที่พบพาน") เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

Source : https://deaimon.jp/

Ataya's Star :    ★★★★★ 

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเกิดขึ้นที่เกียวโตเมืองแห่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่น  เมื่อ นากุโมะ อิริโนะ ชายหนุ่มที่ทิ้งบ้านซึ่งเป็นร้านขายขนมญี่ปุ่นไปตามความฝันที่จะเป็นนักดนตรีอยู่หลายปีได้กลับมาบ้านเกิดเพราะได้ยินว่าพ่อป่วยหนัก ที่สถานีเกียวโตเขาได้พบกับ อิซึกะ ยูคิฮาร่า สาวน้อยที่เข้ามาทักเพราะจำคนผิด ไปๆมาๆกลายเป็นว่าอิซึกะเป็นคนที่มาอาศัยอยู่กับทางบ้านของนากุโมะ(เพราะถูกพ่อของเธอมาทิ้งเอาไว้)และดูเหมือนคุณพ่อของนากุโมะเจ้าของร้านจะถูกใจความขยันขันแข็งของเธอจึงจะยกให้เป็นผู้สืบทอดการทำขนมญี่ปุ่นแทนที่นากุโมะที่ไม่เอาไหนเอาซะเลย เรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวขนมญี่ปุ่นจึงเริ่มต้นตรงนี้นี่เอง


 


ความคิดเห็น :

    โดยรวมดูแล้วต้องบอกว่าเป็นอนิเมะที่สนุกดี เรื่องราวไหลลื่นมีดราม่านิดหน่อยมีมุกตลกเล็กๆ เป็นชนิดที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ  นอกจากนี้คุณยังได้สัมผัสการทำขนมญี่ปุ่นที่มีวิธีการละเอียดอ่อนพิถีพิถันและถือว่าเป็นศิลปะกินได้อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นก็ว่าได้ จะทราบถึงชนิดต่างๆของขนมญี่ปุ่นและช่วงเวลาที่เขาจะทำขาย(เขาตามฤดูกาลละนะ) เรียกได้ว่าดูแล้วแทบจะอยากจองตั๋วเครื่องบินไปกินขนมญี่ปุ่นที่เกียวโตกันเลยทีเดียว

ข้อด้อย :

    ข้อด้อยอาจจะมีนิดหน่อยตรงที่ตัวละครประกอบดูจะคล้ายๆกันไปนิด ตอนแรกผมสับสนพ่อของนากุโมะกับคุณลุงที่เป็นผู้ช่วยเพราะเขาวาดคล้ายๆกัน แต่พอพ่อแกถอดหมวกก็เลยเลยจำได้แหละ(แกหัวล้านอะนะ เฮอๆ) นอกนั้นก็อาจจะเป็นที่ว่าจบเร็วไปนิด แต่คาดว่าคงจะมีซีซันสองตามมาทีหลังละครับ

    กล่าวโดยสรุปต้องถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้สบายๆไม่หนักอะไรเท่าไร อารมณ์เหมือนละครหลังข่าวของญี่ปุ่นเขาละนะครับ แล้วถ้าคุณเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วละก็คุณจะได้เรียนสำเนียงคันไซสไตล์เกียวโตจากในเรื่องด้วยละนะครับ(ผมเองรู้สึกว่าคนเกียวโตจะลากเสียง"สึ"ท้ายคำยาวกว่าคนคันไซในจังหวัดอื่นๆละนะ เช่น 行ってきます Ittekimasu ถ้าคนเกียวโตพูดก็จะได้ยินเป็น 行ってきます~ Ittekimasuuuu อะไรประมาณนั้นละครับ) แล้วอีกอย่างผมว่าวิธีการนำเสนอ Soft Power ที่ถูกต้องมันก็ควรจะแทรกไปในสื่อหรือในภาพยนต์แบบเนียนๆแบบนี้ละครับ คือถ้าไปยัดเหยียดหรือประเภทไปเอาข้าวเหนียวมะม่วงกินให้ดูบนคอนเสิร์ตมันก็ดูเป็นการสร้างกระแสหรือไวรัลแบบชั่วครั้งชั่วคราวเสียมากกว่าละนะครับ ยังไงรบกวนคณะกรรมการ Soft Power มาลองดูอนิเมะเรื่องนี้ดูบ้างก็น่าจะไม่เสียหายอะไรละนะ เฮอๆ 

Official Website -> https://deaimon.jp/    

 

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะของผม(มี Soft Power แบบไทยๆอยู่ในเรื่องด้วยนะจ๊ะ) ->

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime Special 4 : ของมันต้องมีในซีรีย์มาครอส マクロスシリーズによくあるあるもの

 สวัสดีครับ วันนี้ก็วนเวียนกลับมาคุยกันเรื่องของมาครอสซี่รี่ย์อีกจนได้ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้เขาสร้างกันเป็นรุ่นๆยาวนานกันมาเกือบ 40 กว่าปีแล้ว มันก็มีแง่มุมอะไรหลายๆอย่างที่ให้พูดถึงมากพอสมควร คนที่ดูมาครอสก็จะทราบได้ว่ามันเป็นเรื่องราวของสงคราม รักสามเศร้า และเสียงเพลง เป็นของที่ทุกภาคจะต้องมี(แล้วแต่ว่าภาคไหนจะเน้นอะไรมากกว่ากัน)แต่หลังจากที่ผมกลับไปดูย้อนหลังมาทุกภาคแล้วพบว่านอกจากเรื่องเหล่านี้แล้วยังมี"ของมันต้องมี"ในเนื้อเรื่องป่นๆอยู่ด้วย วันนี้เราจะมาลองพูดถึงกันนะครับ

*** Spoiler Alert : มีการอ้างอิงเนื้อหาจากมาครอสทุกภาคอยู่พอสมควร สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูและไม่อยากถูกสปอยล์ก่อนก็ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้นะครับ


1. ต้องมีฉากที่ตัวเอกต้องขี่หรือนั่งยานพาหนะอะไรสักอย่าง

นอกจากตัวเอกจะขับยานวัลคีรี่ได้เก่งกาจในเกือบจะทุกๆภาคแล้ว จะต้องมีฉากบางฉากที่ให้ตัวเอกเหล่านั้นขี่ยานพาหนะหรือกิจกรรมผาดโผนอะไรสักอย่างอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น

พระเอกภาคแรก ฮิคารุ อิจิโจ มีฉากโดดเวรปั่นจักรยานไปดูมินเมย์ประกวดมิสมาครอส  แล้วก็เป็นนักบินผาดโผนที่มาป่วนงานเปิดตัวมาครอสตั้งแต่ตอนเแรกอีกต่างหาก



พระเอกภาคมาครอสเซเว่น บาซาร่า เนคคิ มีฉากเปิดตัวห้อยหัวแล้วโดดร่มลงมาเล่นคอนเสิร์ต มีฉากแย่งมอเตอไซค์สาวแว้นมาขับโชว์สกิล แถมตอนท้ายๆมีฉากใช้พาราไกลเดอร์โดดเข้าไฟร์เออวัลคีรี่ด้วยอีกต่างหาก (น่าจะเล่นกีฬาเอ๊กซ์ตรีมเป็นงานอดิเรกละนะ) ส่วนนางเอก มิเลน จีนัส นี่ก็ไม่น้อยหน้า มีฉากขับรถซิ่งอยู่หลายฉาก(จริงๆแกพึ่งจะอายุ 15 ได้ใบขับขี่ได้ไงฟะ?) แอบแม่มิเรียไปขับวัลคีรี่ตัวโปรดของแม่ก็ทำมาแล้วด้วย



พระเอกนางเอกภาคมาครอสฟรอนเทียร์ อัลโต ซาโอโตเมะ กับ เชอริล โนม กับ รันกะ ลี มีฉากที่ขี่ซิกเวย์ในภาคหนังใหญ่ มีการนั่งรถรางออกเดตกันด้วยอะนะ ตัวอัลโตเองก็บินผาดโผนด้วยชุดเจ็ตนักบินตั้งแต่ตอนแรกด้วย

    


 

 ในภาคเดลต้าก็เหมือนมีฉากที่พวกวัลคิวเร่ได้นั่งรถสองแถว(ผมดูว่ามันเป็นรถสองแถวบ้านเรานี่แหละนะ)ในตอนที่แอบเข้าไปสืบข่าวในดาวคนหูแมว มีฉากที่ทั้งวงต้องโดดดิ่งพสุธามาเล่นคอนเสิร์ตเปิดตัวเฟรย่า ตัวพระเอกฮายาเตะเองก็ขับหุ่นขนของไปเต้นไปในตอนแรกอีกด้วย


 

2. นางเอกต้องอายุ 15 และมีฉากงานฉลองวันเกิดปีที่ 16

ไม่รู้ทำไมคนเขียนบทถึงชอบให้นางเอกที่เป็นไอดอลเริ่มเรื่องตอนอายุ 15 ปี (ส่วนตัวผมวิเคราะห์ว่าผู้หญิงคงดูน่ารักสุดๆตอนอายุ 15-16 นี่แหละ เป็นอายุที่ผู้หญิงไม่เด็กไม่แก่เกินไปกำลังพอดี ถ้าอายุต่ำกว่านั้นก็ดูจะเป็นเป้าหมายพวกโลลิคอนไปหน่อย ถ้าเยอะกว่านั้นก็เริ่มจะเป็นชะนีร้องหาผัวกันแหละ เฮอๆ) ดังนั้นในซีรีย์มาครอสก็เลยจะมีฉากที่พวกพระเอกไปฉลองวันเกิดให้เหล่านางเอกตอนอายุ16กันด้วยละนะ (รู้สึกจะมีภาคฟรอนเทียร์นี่แหละที่กลายเป็นรันกะตามไปแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้อัลโตแทน หรือแกจะเป็นนางเอกตัวจริงกันแน่ละหว่า?)

 

 

3. ต้องมีฉากไปถ่ายทำภาพยนต์กัน

อนิเมะสมัยก่อนจะมีตอนเยอะมาก(บางเรื่อง30กว่า40กว่าตอน เทียบกับอนิเมะสมัยนี้ที่มีประมาณ12-13ตอน) เขาก็เลยมีการใส่อะไรที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่เข้ามาพอสมควร เช่น เรื่องสมัยก่อนของตัวประกอบ ความเป็นมาของตัวร้าย พวกตัวเอกไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งรู้ไปก็เท่านั้นแหละ แต่มันก็ช่วยให้เห็นความลึกขึ้นของตัวละคร เช่นเดียวกันในมาครอสที่จะต้องมีฉากที่พวกตัวเอกต้องไปถ่ายหนังกัน เริ่มตั้งแต่ลินมินเมย์ต้องไปถ่ายหนังกังฟู Shao Pai Long (ไอ้หนุ่มมังกรขาวน้อย) มิเลนกับบาซาร่าต้องไปถ่ายหนังเรื่องของลินมินเมย์กับฮิคารุ(Minmay Story) รันกะต้องไปถ่ายหนังเรื่องของมาครอสเซโร่  (จะมีแค่มาครอสเดลต้าที่เปลี่ยนเป็นไลฟ์คอนเสิร์ตแทน)


4. จะต้องมีรุ่นพี่ใจดีที่สุดท้ายก็มักจะมีอันเป็นไป

เรียกได้ว่าใครได้เป็นรุุ่นพี่พระเอกนี้เหมือนกับโดนคำสาปให้มีอันเป็นไปอย่างแน่นอนก็ว่าได้  เริ่มจากฟอล์กเกอร์ก็โดนยิงตาย คินริวหัวหน้าไดมอนฟอร์ซก็สละตัวเองระเบิดคายานศัตรู มิเชลก็โดนดูดออกนอกยานตาย(ยังดีที่ออสมาแค่เกือบตาย ผู้กำกับคงพยายามหลอกคนดูว่าออสมาเป็นรุ่นพี่ต้องตายแน่นอน แต่จริงๆบทรุ่นพี่ดันไปตกที่มิเชลละนะ เพราะมิเชลจริงๆก็เข้าหน่วย S.M.S มาก่อนอัลโตแหละ) เมสเซอร์นี่ก็สู้กับคิสจนโดนยิงเข้าหัวใจตายอีก (แถมให้อีกสองคน แอรีสรุ่นพี่ของฟอล์กเกอร์จากมาครอสซี่โร่ คนนี้ก็โดนของทับตาย อีกคนก็เดนนีสจากมาครอสทู คนนี้ก็โดนแรงกระแทกจากระเบิดตาย) โดยทั่วไปพวกรุ่นพี่ทั้งหลายก็มักจะมีบทเป็นคนเหมือนจะเข้มงวดแต่จริงๆแล้วเป็นคนใจดีเป็นห่วงรุ่นน้อง บางคนก็เสียสละจนตัวตาย สงสัยคงเป็นบทเรียกน้ำตาคนดูละครับ

5. ยังไงๆก็ต้องมีคนตาย
สำหรับมาครอสที่ต้องการสะท้อนภาพอันโหดร้ายของสงครามและความขัดแย้งแล้วละก็ยังไงๆก็ต้องมีคนตาย ต่อให้เป็นพวกของพระเอกที่เก่งกาจแค่ไหนก็ตาม (ซึ่งอนิเมะแนวสงครามหรือหุ่นยนต์รบบางเรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้นะ แค่คุณเลือกอยู่ฝ่ายพระเอกยังไงๆก็รอดตายจนจบเรื่องอยู่จนครบทีมกันก็มี) เริ่มตั้งแต่ คาคิซากิ ลูกน้องในฟูงบินของฮิคารุ ฟิสิก้า รุ่นน้องของแกมลิน(เมียมีชู้อีกต่างหากน่าสงสารสุดๆ) เนเน่กับลาลาเนีย คนในหน่วยพิกซี่ของคุรางคุรางก็ไม่รอด ส่วนมาครอสเดลต้านี่ก็หนักเลยเพราะสุดท้ายนางเอกนี่แหละที่ไปไม่กลับซะเอง (ภาคหนังใหญ่ Zettai Live)
 
6. นางเอกที่เป็นไอดอลหรืออายุน้อยกว่ามักจะแห้วเสมอ 
 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้กำกับหรือคนเขียนบนโดนไอดอลหลอกเอาเงินหรือโดดหักอกสมัยเป็นหนุ่มๆหรือเปล่าถึงได้เขียนบทแบบนี้ เพราะกี่ภาคๆนางเอกที่อายุน้อยกว่าก็แห้วตลอดศก (โดยเฉพาะในภาคหนังใหญ่จะเป็นงั้นตลอด ในซีรี่ย์อาจจะแตกต่างไปบ้าง) เริ่มจากลินน์มินเมย์ก็เสียฮิคารุให้ป้ามิสะ บาซาร่าก็ไม่สนใจมิเลน รันกะก็โดนปฎิเสธ เฟรย่าก็ตายตอนจบ นี่ยังไม่นับภาคย่อยๆอย่าง มาโอน้องสาวซาร่าก็แห้ว อิชทัลก็จากไปอย่างงงๆ (จะมีมิงภาคมาครอสพลัสที่ดูเหมือนจะไม่ได้แห้วแต่แกก็ไม่ได้เป็นไอดอลสาวๆแล้วเลยไม่นับละนะ)
 
 เท่าที่พอจะโยงได้ก็มีประมาณนี้ จริงๆยังมีประเด็นยิบๆย่อยๆที่อยากจะพูดถึงแต่ก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไรเลยเก็บไว้ก่อนดีกว่า เอาไว้วันหลังผมจะมาวิเคราะห์เนื้อหาจากมาครอสอีกแล้วกันนะครับ

ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ ->


 


วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No. 20 : Darling In The Franxx ダーリン・イン・ザ・フランキス

 สวัสดีครับ วันนี้ก็จะขอรีวิวอนิเมะแนวไซไฟแบบต่อเนื่อง ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ความรักของวัยรุ่น และหุ่นยนต์รบขนาดยักษ์ นั่นคือเรื่อง Darling In The Franxx ダーリン・イン・ザ・フランキス ครับ เรื่องราวจะเป็นยังไงไปดูกัน


 

 

Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ:

    เรื่องราวในโลกอนาคตเมื่อมนุษย์เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์เรียกขานกันว่าเคียวริว ในการจะต่อสู้กับมันได้จำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์ยักษ์แฟรงซ์ Franxx ซึ่งต้องอาศัยนักบินชายหญิงสองคนในการบังคับ ฮิโร่ หนึ่งในนักบินเกิดอาการไม่สามารถจะซิงโครไนส์กับพาร์ทเนอร์ได้ ทั่งคู่จึงถูกให้ปลดประจำการ ตอนนั้นเองเคียวริวก็เข้ามาโจมตีแพลทที่เขาอยู่เป็นเหตุให้ฮิโร่ต้องจำเป็นไปเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ ZeroTwo นักบินหญิงผู้เก่งกาจแต่มีข่าวลือว่าถ้าใครได้เป็นพาร์ทเนอร์ด้วยจะต้องมีอันเป็นไปทุกรายเพื่อจัดการกับเคียวริวที่เข้าจู่โจม เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงได้เริ่มขึ้นณ.จุดนี้นี่เอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ดูๆไปผมรู้สึกว่าเหมือนเอาหนังไซไฟดังๆมาผสมกันยังไงชอบกล มีความเป็นอีวานแกเลี่ยนเยอะอยู่เหมือนกัน ในส่วนของเหล่าตัวเอกที่เป็นวัยรุ่นวัยว้าวุ่นกำลังเริ่มมีความรัก มีความสับสนในตัวเอง บางตอนก็จับผิดฝาผิดคู่กว่าจะลงตัวก็ท้ายๆเรื่องนู้นแหละ ถ้าชอบแนววัยรุ่นวุ่นรักเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์ประมาณนั้นมากกว่าจะเน้นเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ละนะ

ข้อด้อย :

    ในส่วนของพาร์ทไซไฟผมว่าพล็อตมันดูจะหลวมๆไปหน่อย เหตุผลดูจะไม่ค่อยสมจริงสมจังเท่าไร ตัวหุ่นยนต์ยักษ์แฟรงซ์ก็ดูตลกๆ(ไม่เข้าใจว่าจะทำให้มันมีสีหน้าไปทำไมเหมือนกัน)เรื่องเหตุผลที่ต้องเป็นชายหญิงขับในท่าแบบนั้นก็ยิ่งประหลาดไปใหญ่ ยิ่งท้ายๆเรื่องดูไปแล้วเขาเฉลยว่าเรื่องราวเป็นมายังไงก็รู้สึกว่า"อิหยังวะ"ซะมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าดูในแง่ของความรักเรื่องความโรแมนซ์ติกก็คงจะถือว่าโอเคละครับ แต่ส่วนของไซไฟนี่สำหรับผมคงไม่ให้ผ่านเท่าไร

    เรื่องนี้ก็ถือว่าดังพอสมควรแหละต่อที่ออกฉาย มีมีมเกียวกับ ZeroTwo ออกมาเยอะแยะในช่วงนั้น (ผมก็มาดูเพราะว่าเห็นมีมนี่แหละ) สำหรับคนที่ชอบอนิเมะแนวๆไซไฟคล้ายๆอีวานแกเลี่ยนก็ลองหามาดูได้นะครับ แต่สำหรับผมแล้วยอมรับว่าดูแล้วปวดตับซะมากกว่า เฮอๆ


ส่งท้ายขายของครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Anime No.19 : Macross Plus マクロスプラス

 สวัสดีครับ ว่าถึงยุคสมัยที่ตอนนี้อะไรๆก็ใช้ AI ทำงานแทนกันหมด ตั้งแต่ให้เขียนเรียงความยันวาดภาพสวยๆให้ อนิเมะเรื่องที่จะพูดถึงในวันนี้ก็มีการกล่าวถึงอันตรายจากการใช้งาน AI อยู่เหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มาก่อนกาลก็ว่าได้ ว่าแล้วก็มาดูกันครับ Macross Plus マクロスプラス 

 

Ataya's Star :    ★

เรื่องย่อ:

     ในปี 2040 รัฐบาลร่วมได้ทำการทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่สองรุ่นคือ YF-19 และ YF-21 ที่ดาวเคราะห์อีเดน กลายเป็นว่านักบินทดสอบ YF-21 กัลโก โกล โบแมน ดันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนักบินทดสอบ YF-19 อิซามุ อัลวา ไดสัน ทั้งคู่ดูเหมือนจะมีเรื่องขัดแย้งอะไรกันบางอย่างในอดีต จึงทำให้มีเรื่องกันชนิดไม่ลดลาวาศอกกันเลยทีเดียว ระหว่างนั้น หมิง ฟาง หลง โปรดิวเซอร์ของนักร้องไอดอล AI "Sharon Apple" ที่กำลังโด่งดังก็ได้กลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่ดาวอีเดน เมื่อทั้งสามคนได้พบกันก็เหมือนกับได้เปิดแผลในอดีตให้กลับมาอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยมามีใครบางคนหรืออะไรบางอย่างกำลังสร้างสถานการณ์อยู่เบื้องหลัง


 



ความคิดเห็น:

        มาครอสพลัสเป็น OVA ในซี่รี่ย์มาครอสที่นำมาออกฉายใกล้ๆกับมาครอสเซเว่น(น่าจะประมาณปี 1997นั่นแหละครับ) ความล้ำก็คือมันเหมือนเป็นการทำนายเทคโนโลยี AI ที่จะมาในอนาคตโดยเฉพาะในด้านธุรกิจบันเทิงได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่นักร้องไอดอล AI อย่างชารอนแอ็ปเปิลที่มาก่อนการกำเนิดของ Vocaloid อย่างฮัทซึเนะมิคุอยู่หลายปี การใช้เทคโนโลยี่โฮโลแกรมในคอนเสิร์ตก่อนการนำมาใช้พาแอลวิสแพลสลี่หรือใครต่อใครที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมาแสดงคอนเสิร์ตสดได้ในปัจจุบัน รวมถึงพวก Virtual Idol เอย Vtuber เอยที่โด่งดังกันในยุคสมัยนี้ก็ตาม สำหรับเนื้อหาในมาครอสพลัสก็ค่อนข้างเป็นแนวให้ผู้ใหญ่ดูมากกว่า (ผมว่าเขาทำมาครอสเซเว่นให้เด็กดูแล้วก็เลยทำมาครอสพลัสให้ผู้ใหญ่ดูละมั้ง) ส่วนของเครื่องยนต์กลไกการออกแบบเครื่องบินทั้งสองรุ่นก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวเมื่อคิดถึงสมัยนั้นที่ยังไม่มีเทคโนโลยี่การทำCGที่ดีเท่าไรนัก

ข้อด้อย : 

    จุดด้อยของเรื่องอาจจะมีแค่ความสัมพันธ์รักสามเศร้าของทั้งสามตัวเอกที่มันดูแล้วก็ยังงงๆว่าตกลงมันเป็นยังไงก็แน่ แล้วตอนเฉลยว่าทำไมถึงทะเลาะกันมันก็ดูจะเป็นเหตุผลที่อ่อนไปหน่อย(หรือจะว่าง่ายไปหน่อยก็ได้) ส่วนเทคโนโลยี AI ในซีรี่ย์มาครอสหลังจากจบมาครอสพลัสไปก็ดูเหมือนจะไม่มีการใช้งานในเนื้อเรื่องเท่าไร(อาจจะเพราะเหตุการณ์ของชารอนแอ็ปเปิลในท้ายเรื่องก็เลยอาจจะโดนแบบเทคโนโลยี่AIไปก็ได้) แต่ก็ดูเหมือนจะเอากลับมาในภาคเดลต้าที่เครื่องวาลคีรี่ VF-31 จะมีระบบAIช่วยซับพอร์ทนักบินอยู่ด้วยละนะ

    สำหรับแนวเพลงในมาครอสพลัสของชารอนแอ็ปเปิลจะเป็นแนวแทรนซ์(Trance แนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ฟังแล้วหลอนๆประสาทหน่อยน่ะแหละ)แต่ที่ติดหูจริงๆกลับเป็นเพลงที่นางเอกหมิงร้องให้ฟังเพราะๆตอนจบเสียมากกว่า สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งแต่ก็ให้ผู้ใหญ่ดูจะดีกว่านะครับ เด็กๆเอาไว้โตก่อนค่อยกลับมาดูเน้อ

 

ปิดท้ายขายของ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จังครับ ->


     

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Anime Special 3 : ทำไมชิซุกะถึงแต่งงานกับโนบิตะ ? どうしてしずかちゃんがのびたくんと結婚したでしょう?

 สวัสดีครับ วันนี้ก็ขอมาแตะประเด็นที่ผมเองก็คาใจมานานว่าทำไมผู้หญิงที่ดูจะเพรียบพร้อมอย่างชิสุกะถึงตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เอาไหนเลยอย่างโนบิตะได้ ถ้าคิดว่าเพราะโนบิตะเป็นคนดีมีเมตตาสาวๆเลยชอบ ผมก็คงว่าคุณช่างมองโลกสวยซะเหลือเกิน (ในชีวิตจริงไม่มีผู้หญิงคนไหนแต่งงานกับผู้ชายเพราะเขาใจดีหรอกครับ) หลังจากนั้นคิดนอนคิดมาแล้วก็ลองมาสรุปดูสั้นๆแล้วกันนะครับ

Source : https://loveinterest.fandom.com/wiki/Shizuka_Minamoto


    สำหรับการ์ตูนญี่ปุ่นระดับคลาสสิกอย่างโดราเอม่อน จริงๆแล้วโนบิตะจะต้องแต่งงานกับไจโกะน้องสาวของไจแอนท์แล้วก็ต้องเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายหลายอย่าง จนโดราเอม่อนกับเหลนของโนบิตะ(โนบิอะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้แล้ว)ต้องย้อนเวลากับมาเพื่อให้โนบิตะทำตัวซะใหม่จะได้แต่งงานกับชิสุกะจังและมีชีวิตที่มีความสุข

    เราจะข้ามประเด็นพาราดอกซ์ที่ว่าถ้าโนบิตะแต่งงานกับชิสุกะแล้วเหลนที่เป็นลูกหลานของโนบิตะกับไจโกะก็ต้องหายไปในอนาคตแล้วแกจะนั่งไทม์แมชชีนกับมากับโดราเอม่อนได้ยังไงกันฟะ เอาเป็นว่าเพราะโดราเอม่อนมาเปลี่ยนแปลงอดีตจึงทำให้โนบิตะได้แต่งงานกับชิสุกะก็แล้วกัน ประเด็นคืออะไรทำให้ชิสุกะเปลี่ยนใจ แทนที่จะแต่งงานกับเดคิซุงิที่ทั้งหล่อทั้งเรียนเก่งมีอนาคตเป็นระดับประธานบริษัทหรือเป็นนายกก็ยังได้(ดูน่าจะหาเงินได้ใช้เงินเป็นละนะ) มาเลือกผู้ชายที่สุดท้ายก็ยังขี้เกียจยังไม่เอาไหนอย่างโนบิตะได้ คิดแบบดาร์กๆเลยผมก็สรุปได้ว่า

1. เพราะโนบิตะมีโดราเอม่อน  ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยมีเงินกินเงินใช้ตลอดชีพสบายๆอย่างซุเนโอะ หรือผู้ชายที่มีอำนาจใช้กำลังบังคับใครก็ได้อย่างใจแอนท์ ก็ยังสู้ไม่ได้กับผู้ชายที่มีหุ่นยนต์แมวจากอนาคตอย่างโนบิตะ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรม่อนก็บันดาลให้ได้หมด เป็นผมผมก็คงเลือกโนบิตะแหละ อย่างๆน้อยก็ยังถามโดราเอม่อนได้ว่าเอ็งมาจากอนาคตนี่รู้ใช่ไหมว่าหวยงวดหน้าจะออกอะไร เฮอๆ 

2. เพราะโนบิตะไม่เอาไหนนะแหละ  ผู้ชายที่เก่งๆฉลาดๆอย่างเดคิซุงิ เขามีชอยส์มีทางเลือกมากมาย เขาไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับชิสุกะก็ได้ หรือถ้าแต่งงานกันไปแล้วคิดหรือว่าชิสุกะจะคุมเดคิสุงิได้ ผมว่าก็เป็นไปได้สูงที่เดคิสุงิจะไปมีสาวๆมีเล็กมีน้อยนอกบ้านได้สบายๆ แต่กับโนบิตะผู้ชายที่ไม่เอาไหน หน้าตามันก็เห่ยๆใส่แว่นตาหนาเตอะ มันง่ายกว่ามากที่ชิสุกะจะควบคุบผู้ชายแบบนี้ให้อยู่ในโอวาทได้ ให้โนบิตะทำงานทำโอทีแทบตายแล้วเอาเงินเดือนทั้งหมดมาให้เธอใช้จ่ายเหมือนแม่บ้านญี่ปุ่นทั่วๆไป ถ้าคุณลองไปถามสเป็คผู้ชายที่ผู้หญิงญี่ปุ่นอยากจะแต่งงานด้วย มันไม่มีเรื่องหน้าตาเรื่องนิสัยใจคอเท่าไรนักหรอก ส่วนใหญ่ที่จะเลือกก็คือเรื่องงานที่ทำมั่นคงหรือเปล่าหรือไม่ก็ยอมให้ควบคุมเงินในบ้านหรือเปล่านะแหละนะ

3. เพราะชิสุกะเป็นเด็กผู้หญิงแปลกๆ ประเด็นนี้ไม่รู้มีใครเคยคิดถึงหรือเปล่าว่าชิสุกะที่เป็นเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเด็กผู้ชาย ทำไมถึงไม่ไปเล่นกับกลุ่มเด็กผู้หญิงด้วยกัน ? แต่เธอกลับมาสุ่มหัวเล่นกับกลุ่มของโนบิตะ ขณะที่ไจโกะนี่กลับไม่ค่อยได้เห็นมาเข้ากลุ่มเท่าไร คาดว่าเธอก็คงไปเล่นกับกลุ่มเด็กผู้หญิงธรรมดาๆมากกว่า ถ้าให้เดาผมก็คงเดาว่าเพราะในกลุ่มมีเด็กที่รวย(ซูเนโอะ) เด็กที่มีอำนาจ(ไจแอนท์) เด็กที่ยอมเป็นเบ้ให้เธอ(โนบิตะ) สัตว์เลี้ยงที่ทำอะไรให้ก็ได้(โดราเอม่อน) ... คุณจะอยากได้เพื่อนอะไรมากไปกว่านี้อีกละ จริงมัย ? สุดท้ายถ้าเธอจะเลือกแต่งงานกับใครสักคนในกลุ่ม หวยก็อาจจะไปออกที่โนบิตะเพราะความอินดี้ของเธอเองก็คงจะไม่แปลกอะไรมั้ง

 

สุดท้ายนี้ ผมว่าคุณ Fujiko F. Fujio ท่านผู้แต่งผู้ล่วงลับก็คงไม่ได้คิดอะไรมากหรอก คงอยากให้ตัวเอกได้สมหวังในท้ายที่สุดแหละ แต่คนอ่านที่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วรู้ว่าโลกมันไม่สวยงามเหมือนในการ์ตูนที่อ่านตอนเด็กๆ บางครั้งเรื่องที่ดูสวยงามก็อาจจะซ่อนเหตุผลเบื้องหลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเรื่องที่ทำไมชิสุกะถึงแต่งงานกับโนบิตะ... ก็เป็นได้ !! เฮอๆๆ


ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->



 

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Anime No.18 : BOCCHI THE ROCK! ぼっち・ざ・ろっく!

 สวัสดีครับ คราวก่อนมีแตะๆเรื่องราวของเจนแซดไปหน่อย วันนี้เลยอยากจะแนะนำอนิเมะที่นำเสนอเรื่องราวตัวแทนของคนเจนแซด เรื่องราวสาวน้อยขี้อายแต่อยากดัง ぼっち・ざ・ろっく!BOCCHI THE ROCK! มาลองดูกันครับ

Source : https://bocchi-the-rock.fandom.com/wiki/Bocchi_the_Rock!_(anime)

 

Ataya's Star :    ★★★★☆ 

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ฮิโตริ โกโท สาวน้อยอินโทรเวิร์ตผู้หวาดกลัวการเข้าสังคมสุดๆ ตอน ม.ต้นเธอคิดว่าถ้าเล่นกีต้าเก่งๆก็จะทำให้มีเพื่อนๆมากขึ้นได้แต่จนแล้วจนรอดก็หาเพื่อนไม่ได้สักคน จนด้วยเหตุการณ์นำพาเธอได้พบกับ นิจิกะ อิจิจิ หนึ่งในสมาชิกวงเคสโซคุแบนด์( 結束バンド แปลว่าวงสามัคคีหรือวงสายสัมพันธ์ก็ได้ หรือจะแปลว่าสายรัดอเนกประสงค์ก็ได้ เป็นการเล่นคำอะนะ) ที่กำลังเดือดร้อนเพราะมือกีต้าที่รับปากว่าจะมาเล่นให้ดันเบี้ยวงานเฉย ฮิโตริเลยจับพลัดจับผลูได้มาเล่นเปิดตัวให้กับวงของนิจิกะ สุดท้ายเธอก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของวงไปโดยปริยาย ทุกคนเลยตั้งฉายาให้ฮิโตริว่า"โบจจิ"(มาจากคำว่า ひとりぼっち ฮิโตริโบจจิ ที่แปลว่าคนเดียวเดียวดาย เพราะนางเอกชื่อฮิโตริอยู่แล้ว(ひとり = คนเดียว หรือหนึ่งคน)ก็เลยเติมคำว่าโบจจิให้ละนะ)



 ความคิดเห็น :

    เป็นอนิเมะแนวดนตรีที่ทำให้นึกถึงสมัยมัธยมที่ตอนนั้นใครๆก็อยากจะตั้งวงดนตรีกัน เพียงแต่เรื่องนี้จะอัพเดทตัวเอกให้เป็นเด็กผู้หญิงที่เก็บเนื้อเก็บตัวและกลัวการเข้าสังคม ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นลักษณะเฉพาะของเด็กเจนแซดยุคนี้(จะว่าเป็นเพราะเด็กยุคนี้ติดเกมติดมือถือหรือสังคมมันโหดร้ายขึ้นก็ไม่รู้ละนะ) เอาเป็นว่าไม่ค่อยมีคาแร็คเตอร์แบบนี้ในอนิเมะสมัยก่อนก็แล้วกัน เรื่องของแนวดนตรีก็บอกได้ว่าเป็นแนวร็อคที่ฟังได้สนุกดี ดูเข้ากับเนื้อหาและความสับสนของวัยว้าวุ้น(ที่ว่าเป็นคนเก็บตัวแต่ก็อยากดังอยากเป็นที่ยอมรับละนะ) ผมว่าแก่นของเรื่องจริงๆก็คือการเปิดใจลองเข้าหาผู้คนและการเดินตามความฝันนะแหละนะ

ข้อด้อย:

    เพราะว่ามันเป็นเรื่องยุคของเด็กเจนแซด มุกบางอย่างให้ลุงดูก็ไม่ค่อยเก็ตเท่าไร(อย่างมุกโบจจิตัวละลายอะไรเงี้ย) จำนวนตอนดูจะน้อยไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าจบได้พอดีไม่มีอะไรค้างคาใจ จริงๆก็อยากจะให้ต่อไปอีกสักซีซันนึงก็น่าจะดีนะ อยากเห็นตอนที่โบจจิ(ฮิโตริ)ได้แสดงเวทีใหญ่บ้างเหมือนกัน อย่างได้ไปแสดงที่บูโดกันอะไรแบบนี้

    กล่าวโดยรวม ถือได้ว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้สนุกดีไม่มีเรื่องให้เครียดอะไรมากมาย (ดูแล้วคุณอาจจะเข้าใจเด็กวัยเจนแซดมากขึ้นก็ได้) สามารถฟังเพลงร็อคของโบจจิได้อย่างเพลิดเพลิน มุกตลกก็ฮาได้พอสมควร ถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ  (ปล.ไม่รู้เหมือนกันว่าคนรุ่นผมเห็นโบจจิใส่เสื้อวอร์มสีชมพูผมสีชมพูกับเล่นกีต้าร์แบบนั้นแล้วรู้สึกนึกถึง Hide แห่งวง X-Japan เหมือนกันหรือเปล่า หรือผมเองไปคนเดียวละหว่า)   

 ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->




วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Anime Special 2 : พระเอกนางเอกกับเจนเนอเรชันที่แตกต่างในมาครอส マクロス主人公の世代について

 สวัสดีครับ วันนี้ก็มาเขียนวิเคราะห์เกี่ยวกับมาครอสอีกเช่นเคย (ไม่ต้องสงสัยเพราะผมเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของมาครอสน่ะแหละ หวังว่าคงจะยังไม่เบื่อกัน) หลังจากดูมาครอสจนจบทุกภาคแล้ว ผมพบว่าผู้สร้างมักจะสร้างซีรีย์มาครอสใหม่ทุกๆประมาณ 10 ปี (ไม่รวมพวกOVAหรือภาคหนังใหญ่ภาคพิเศษ) ภาคแรกสุดออกฉายปีค.ศ. 1982 หลังจากนั้นก็เป็น Macross 7 ฉายในปี 1997 Macross Frontier ก็ประมาณปี 2006 ภาคล่าสุด Macross Delta ก็ปี 2016 อะนะ จะเห็นได้ว่ามันล้อยุคสมัยเจนเนอเรชันต่างๆ ในชีวิตจริงด้วย ซึ่งผมก็พบว่าตัวพระเอกนางเอกเองก็จะมีลักษณะตามเจนเนอเรชันในปีที่ออกฉายด้วย(ไม่รู้ว่าผู้สร้างเขาจงใจหรือเปล่าแต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ) มาลองดูรายละเอียดกันครับ

*** Spoiler Alert *** ใครยังไม่ได้ดูมาครอสจบทุกภาค อย่าพึ่งอ่านต่อนะครับ จะมีการอ้างอิงเนื้อหาอยู่พอสมควร


1. Macross (1982) - Generation Baby Boomer

    ปีนี้เป็นปีของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ในยุคหลังสงคราม ถ้าดู Macross ภาคแรกจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสงครามโลกครั้งที่สองที่จบไปก่อนหน้าได้ไม่กี่สิบปี(รวมถึงบรรยากาศของสงครามเย็นที่คุกรุ่นอยู่ในช่วงนี้ด้วย) หากวิเคราะห์ดูแล้วจะพบว่าพระเอก ฮิคารุ อิจิโจ จะมีลักษณะของคนในเจนนี้คือเป็นคนจริงจังคิดมาก หัวโบราณหน่อย(ยังเชื่อว่าผู้หญิงต้องทำครัวทำงานบ้านผู้ชายสิต้องออกรบ) เคารพผู้อาวุโสกว่า(รุ่นพี่ฟอกเกอร์ ยกเว้นมิสะที่เรียกป้าตลอด) แล้วถ้าได้กับใครแล้วก็จะรับผิดชอบแต่งงานกับคนนั้นแหละ(แม้ใจจริงจะรักคนอื่นมาก่อนก็ตาม) ส่วน ลินน์ มินเมย์ นี่ก็จะเป็นนางเอกที่มีนิสัยผู้หญิ้งผู้หญิง รักสวยรักงาม หวงเนื้อหวงตัว ขยันทำงาน(ในร้านอาหารจีนเนียเนีย) ชอบให้เอาอกเอาใจ ขี้งอน แต่ถ้ารักใครแล้วรักจริงไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆหรอก ผู้หญิงเจนเบบี้บูมเมอร์ก็จะประมาณนี้เหมือนกัน


 


2. Macross 7 (1997) - Generation X

    ปีนี้นับว่าเป็นปีของเจนเนอเรชันเอ๊กซ์ ลักษณะโดยรวมของคนยุคนี้คือไม่ชอบตามกฎเกณฑ์ ชอบแนวเพลงตรงๆอย่างเพลงร๊อคหรือแหวกแนวอย่างแนวเอาเธอมาถีบ เอ๋ย!! แอลเทอเนทีฟ เรียกได้ว่ามันเป็นยุคที่แตกต่างกับยุคเบบี้บูมเมอร์มากแต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นแหวกขนบประเภณีมากมายอะไรขนาดนั้น ก็ยังขยันขันแข็งจริงจังเหมือนเจนเบบี้บูมเมอร์ ถ้าดูที่พระเอก บาซาร่า เนคคิ จะเห็นได้ว่าเขาเป็นตัวแทนของเจนเอ๊กซ์เลยก็ว่าได้ ด้วยนิสัยไม่ชอบทำตามใคร เกลียดสงคราม มีจุดยืนของตัวเอง  รักใครไม่ชอบใครก็แสดงออกตรงๆ แต่เขาก็ยังเคารพผู้หลักผู้ใหญ่(อย่างเรย์ อากิโกะ ดร.ชิบะ) ส่วน มิเลน จีนัส นี่ก็เป็นนางเอกที่เชื่อมั่นในตัวเอง ขี้วีน ปากจัด ไม่ชอบทำตามที่พ่อแม่บอก ไม่ชอบให้ใครบังคับ(ไปดูตัว) ถึงจะดูโลเลในเรื่องความรักไปหน่อยแต่ก็คงเพราะยังเป็นเด็กละนะ ผู้หญิงเจนเอ๊กซ์ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆแบบนี้แหละ (ผู้หญิงเจนเอ๊กซ์นี้ในตอนนี้ก็คือคนที่พวกเราเรียกว่า"เจ๊"นู้นเจ๊นี้นะแหละ สังเกตุว่าปากจัดเหมือนมิเลนแทบทุกคนน่ะแหละนะ)




3. Macross Frontier (2006) - Generation Y

    คนในเจนวายนี้เป็นประเภทที่ครอบครัวเริ่มจะสะบายแล้ว บางคนก็ไม่อยากลำบากเหมือนรุ่นพ่อแม่(พ่อแม่อาจจะเป็นรุ่นเบบี้บูมเมอร์ปลายๆหรือเจนเอ๊กซ์รุ่นแรกๆ) นิสัยส่วนใหญ่ก็เลยรักสะบาย ค่อนค้างจะโลเลหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ (ถ้าในบ้านเราก็จะประมาณรุ่นที่ไม่อยากทำงานเป็นลูกจ้างใคร ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากทำอะไร ทำร้านกาแฟดีกว่านะแหละ) เห็นได้ชัดในตัวของพระเอก อัลโต้ ซาโอโตเมะ เขาไม่อยากสืบทอดกิจการคาบุกิของครอบครัวก็เลยหนีมาเป็นนักเรียนการบิน(จะบอกว่ารักการบินหรืออะไรก็เหอะ) แถมด้านความรักก็ยังโลเลเลือกใครไม่ได้อีกด้วย (ออกมุขพวกเธอสองคนเป็นปีกของฉันไปซะงั้น) ส่วนนางเอก รักกะ ลี ก็เป็นประเภทที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย ต้องมีคนคอยพลักคอยดันถึงจะดังได้ เห็นอัลโตโดนเชอริลตกไปแล้วก็ได้ทำตาปริบๆอยู่หลายรอบ มันก็ดูๆไปคล้ายๆคนเจนวายอยู่ไม่ใช่น้อยละนะ


 


4. Macross Delta (2016) - Generation Z 

    คนเจนแซดนี่จะว่าเป็นขั้นกว่าของคนเจนวายเลยก็ได้ นอกจากจะหาตัวตนของตัวเองไม่เจอแล้ว ยังจะโทษนู้โทษนี่ไปเรื่อย(แนวพ่อแม่รังแกฉันอะนะ) ไม่ค่อยเคารพผู้ใหญ่ บางทีก็ชอบลองอะไรแปลกๆใหม่ๆไปเรื่อย แต่หาสาระไม่ค่อยจะได้(รุ่นที่ชอบเอาเงินเก็บไปซื้อบิตคอยแล้วเจ๊งระนาวต้องไปปล้นร้านทองนะแหละ) เช่นเดียวกับพระเอก ฮายาเตะ อิลเมมัล ที่ในตอนแรกจะเห็นได้เลยว่าเขาหางานทำไปเรื่อยๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบอะไร บางทีขี้เกียจทำก็แอบงีบซะงั้น แถมยังปีนเกลียวรุ่นพี่ตลอด(เมสเซอร์เอย มิราจเอย) ส่วนนางเอก เฟรย่า วีออน นี่ก็จะเรียกว่าเป็นนางเอกที่"ดีด"ที่สุดแล้วในจักวาลมาครอสก็ได้ (จะว่าเพราะเขาเป็นชาววินเดอร์เมียเลยมีพลังเยอะก็แล้วแต่) ชอบเต้น ชอบร้อง อยากเด่นอยากดังเป็นไอดอลเหมือนๆกับเด็กผู้หญิงเจนแซดน่ะแหละนะ (บางทีที่เด็กยุคนี้ดูมาครอสเดลต้าแล้วไม่ค่อยชอบก็อาจจะเป็นเพราะมันสะท้อนตัวตนคนรุ่นของเขามากไปหน่อยก็ได้นะ เฮอๆ)



เป็นไงบ้างครับสำหรับการวิเคราะห์ของผม มีความเห็นว่าอย่างไรก็บอกกล่าวกันได้นะครับ สำหรับภาคต่อไปที่จะสร้าง ถ้าให้เดาผมว่าพระเอกนางเอกคงถอดแบบเจนแอลฟ่า(Generation Alpha) หรืออาจจะชื่อมาครอสแอลฟ่าเลยก็ได้มั้ง พระเอกน่าจะติดเกมส์ไม่เข้าสังคมไม่ก็เป็นฮิคิโคโมริที่อยากไปต่างโลก ส่วนนางเอกก็อาจจะเอาแต่เต้นติกต๊อกเลยโดนเพื่อนที่โรงเรียนบลูลี่หนักเลยต้องไปเป็นนักร้องไอดอล ...  ก็ว่ากันไปอะนะ (จริงๆถ้าให้วิเคราะห์การที่เขาต้องทำซีรีย์ใหม่ทุกๆสิบปีก็อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่มันต้องทำอะไรใหม่ๆออกมาถึงจะต่อลิขสิทธิ์เก่าต่อไปได้ หรือไม่ก็อยากจะทำให้แฟนรุ่นใหม่ๆยังติดตามมาครอสอยู่ก็ได้ เพราะพอผ่านไปสิบปีแล้วคนที่ดูมาครอสภาคก่อนก็กลายเป็นผู้ใหญ่กันหมด ความสนใจก็อาจจะลดลง มันก็เลยต้องทำภาคใหม่ให้เด็กๆในปัจจุบันดูเพื่อสร้างฐานแฟนคลับใหม่ๆก็เป็นได้นะ)

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Anime No.17 : The Two Girls Met in the Ruins of Damaged Dream 白い砂のアクアトープ

สวัสดีครับ ท่ามกลางกระแสโลกร้อน(ตอนนี้ต้องเรียกโลกเดือดแล้วมั้ง) ภัยพิบัติสิ่งแวดล้อมที่เข้าขั้นวิกฤติแล้ว ไมโครพลาสติกที่เต็มท้องน้ำและท้องทะเล มันก็ทำให้นึกถึงบรรดาสัตว์น้ำพวกนั้นจะเป็นยังไงบ้างหนอ อันนำมาสู่อนิเมะที่จะแนะนำเรื่องนี้ The Two Girls Met in the Ruins of Damaged Dream 白い砂のアクアトープ อควาโทปแห่งทรายขาว ชื่อยาวเหลือเกิน เรื่องราวจะเป็นยังไงมาลองดูกัน

Source : https://aquatope-anime.com/

Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ฟูคะ มิยะซาว่า อดีตไอดอลที่ยอมทิ้งความฝันในเมืองใหญ่ ยกงานให้รุ่นน้องแล้วหนีไปเที่ยวพักใจที่โอกินาว่า ที่นั้นเธอได้พบกับท้องทะเลอันสวยงามและ คุคุรุ มิซะกิโนะ ผู้มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ(ชั่วคราว)ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกามะกามะที่กำลังจะเจ๊ง ด้วยการที่ฟูคะได้เห็นภาพมายาอันงดงามที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงตัดสินใจเข้าทำงานเป็นพนักงานแบบเต็มตัว แม้จะมีความหวังอันน้อยนิดในการกอบกู้สถานการณ์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกามะกามะแต่คุคุรุก็ยังคงยืนกรานจะพยายามอย่างเต็มที่โดยได้ฟูคะมาคอยช่วยด้วยอีกแรงหนึ่งนั้นเอง


 


ความคิดเห็น :

    ต้องบอกว่าโดยรวมเป็นอนิเมะที่ภาพสวย เนื้อเรื่องดูสนุก ได้แง่คิดหลายอย่างทั้งการที่ไม่ยอมแพ้ การทำตามความฝัน ร่วมถึงแม้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นตามที่หวังแต่คนเราก็ยังสามารถหาเป้าหมายใหม่ๆเพื่อให้มีชีวิตที่มีความหมายต่อไปได้ นอกจากนี้คุณจะได้เห็นการทำงานเบื้องหลังของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยนัก วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของโอกินาว่า และยังมีความคิดเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเลและสิ่งแวดล้อมใส่ลงไปอีกด้วย

ข้อด้อย :

    สำหรับข้อด้อยก็อาจจะเป็นเรื่องที่มันเป็นแนวยูริแต่ก็ไปไม่สุดเท่าไร (ผมไม่ได้รังเกียจแนวหญิงรักหญิงอะไรหรอก แต่ถ้าคู่นางเอกAกะนางเอกB สุดท้ายไม่ได้สารภาพรักหรือแต่งงานกันมันก็เหมือนกับพล็อตคู่พระเอกนางเอกที่รู้สึกดีๆต่อกันตลอดเรื่องแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นนะแหละ มันเลยรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย) เรื่องนี้ก็เหมือนจะมีพระเอกแต่ก็ไม่มีบทอะไรนอกจากเป็นกระสอบทรายให้คุคุรุต่อยเล่นเท่านั้นเอง ช่วงครึ่งแรกตอนที่ทำงานที่กามะกามะจะมีเทพเจ้าเด็ก(ไม่แน่ใจว่าคือซีซ่าเทพเจ้าที่คนโอกินาว่านับถือหรือเปล่า)โพล่ออกมาบ่อยๆแต่พอครึ่งหลังที่ไปทำงานที่ทิงการ่าแล้วก็เหมือนจะหายไปเลย ก็งงๆอยู่ว่าไปเที่ยวเล่นที่อื่นอยู่หรือเปล่า อีกเรื่องก็คงเรื่องที่ไม่รู้ทำไมกินแต่มะระผัดไข่กันจนนึกไปว่าคนโอกินาว่าที่กินแต่มะระหรืออย่างไร เฮอๆ

    กล่าวโดยสรุป ผมค่อนข้างชอบอนิเมะแนวนี้อยู่พอสมควรเพราะมันจะสะท้อนถึงชีวิตการทำงานจริงๆของคนเรา ความสัมพันธ์ของผู้คนที่ชอบบ้างเกลียดบ้างมีเหตุผลต่างๆนาๆกันไป ในชีวิตคนเราบางทีเราก็สุขสมหวัง บางครั้งแม้เราจะพยายามเต็มที่แล้วมันก็ยังล้มเหลว แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของใคร ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันก็เป็นอนิจจังอย่างงี้นี่เองแหละ  ถ้ารับได้ชีวิตก็จะเบาสบายขึ้นละนะ

Official Anime Website -> https://aquatope-anime.com/


สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Anime Special 1 : ใครคือพ่อแม่ของเนคคิบาซาร่า? 熱気バサラのご両親はだれでしょう?

 สวัสดีครับ หลังจากไล่ดูมาครอสมาครบทุกภาคก็ตั้งใจว่าจะทำรีวิวภาคที่เหลือคือ Macross ภาคแรก Macross Plus กับ Macross II แต่มันก็ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่เรื่องหนึ่งคือที่มาที่ไปของ เนคคิ บาซาร่า ตัวเอกจาก Macross 7 ภาคโปรดของผม ประกอบกับพึ่งได้ดู Macross Zero จบไปหมาดๆ หลังจากการนั่งสมาธิใช้หมองคิดไปหลายตลบผมก็บรรลุผล คิดออกมาได้ว่าจริงๆแล้วบาซาร่าเป็นลูกของใคร ?? มาลองดูกันครับ

*** Spoiler Alert !! ใครยังไม่ได้ดู Macross Zero, Macross 7, Macross Frontier,Macross Delta แล้วไม่อยากโดนสปอยล์ก็ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้ครับ จะมีการอ้างอิงเนื้อหาอยู่พอสมควรทีเดียว


1. ในตอนจบของ Macross Zero เนี่ย ชาร่า โนม จะโดนซากมนุษย์ต่างดาวที่คืนชีพโฟลด์(วาร์ป)หายไปที่ไหนสักแห่ง ตอนนั้น ชิน คุโดะ ก็คุมเครื่องVF0ไม่อยู่จนเกือบจะโหม่งทะเลดับแต่ก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่าง(จากซาร่า)มาพาเขาบินหายไปที่ไหนสักแห่งอีกต่างหาก สรุปว่าทั้งสองคนหายไปไหนไม่รู้

 2. ต่อมาในภาค Macross Frontier จะมีการเฉลยว่า เชอริล โนม นักร้องดีวาชื่อดังเนี่ยคือหลานของ มาโอะ โนม น้องสาวของซาร่า แต่ชะตากรรมของซาร่าก็ไม่ได้มีการพูดถึงนอกจากที่เชอริลบอกว่าคุณย่าเคยพูดถึงพี่สาวที่หายสาบสูญไป ก็แสดงว่ามาโอะไม่เคยได้พบกับซาร่าอีกเลยนับแต่ภาคZeroจบ

3. ใน Macross 7 จะเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ระหว่างภาค Zero กับ Frontier การปรากฎตัวของ เนคคิ บาซ่าร่า นักร้องวงร็อค Fire Bomber ที่มีพลังชีวิตมหาศาลแถมเสียงเพลงของเขายังสามารถฟื้นคืนคนที่หมดพลังชีวิตได้อีกต่างหาก 

มันทำให้มาถึงข้อสรุปว่า ... พ่อแม่ของเนคคิบาซาร่านี่ก็คือชินกับซาร่านี่แหละครับ !! เหตุผลที่ผมคิดอย่างงั้นก็คือ

1. Sara -> Basara ชื่อแม่กับชื่อลูก ถ้าแม่ชื่อซาร่าแล้วจะตั้งชื่อลูกตามชื่อแม่ว่าบาซาร่าก็คงจะไม่แปลกอะไร ส่วนนามสกุล nekki 熱気  อาจจะเป็นนามสกุลที่บาซาร่าตั้งขึ้นมาเองก็ได้ หรืออาจะเป็นนามสกุลของคนที่รับเลี้ยงบาซาร่าอีกทีได้

2. สีผมกับสีตา ตามหลักปฎิบัติทั่วๆไปในอนิเมะ เวลาจะดูว่าใครอยู่ตระกูลเดียวกันเนี่ยส่วนใหญ่เขาจะใช้สีผมหรือสีตาเป็นสีโทนเดียวกัน คนดูจะได้ไม่งงว่าคนนี้เป็นพ่อแม่พี่น้องกันหรือเปล่า(แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซนต์นะ อย่างมิเลนยังผมสีชมพูขณะที่พ่อผมสีฟ้าแม่ผมสีเขียว แต่พี่น้องเขาก็ผมสีเขียวสีฟ้าหมดแหละ ยัยนี่ผ่าเหล่าอยู่คนเดียวอะนะ) ถ้าสังเกตุดูบาซาร่าจะมีตาสีเหลืองออกน้ำตาลเหมือนกับซาร่า(บางมุมรูปตาเขาก็ดูเหมือนซาร่าด้วยซ้ำไป) ผมก็จะโทนดำน้ำตาลเหมือนชินด้วย



3. ช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ Macross Zero นี่จะดำเนินเรื่องในปี ค.ศ.2008 ส่วนเหตุการณ์ใน Macross 7 นี่เริ่มในปี 2045 บาซาร่าน่าจะอายุประมาณสัก 21 ตอนเริ่มเรื่อง ถ้าเอา 2045 - 21 ก็จะได้ว่าบาซาร่าเกิดประมาณปี 2024 ถ้าซาร่ากับชินหายไปในปี 2008 เอา 2024-2008 =  16 ปี ถ้าซาร่าอายุ 16 ตอนที่หายไปจะได้ว่า 16+16 = 32 ปีคืออายุตอนที่ซาร่าคลอดบาซาร่าออกมา จะเห็นได้ว่ามันก็พอเป็นไปได้ที่ซาร่าจะเป็นแม่ของบาซาร่าถ้าดูตามไทม์ไลน์หรือช่วงอายุ

4. พลังที่เหมือนกัน ใน Macross Zero จะมีฉากที่ซาร่าแก้ผ้าอาบน้ำแล้วร้องเพลง(ชินแอบถ่ำมอง) ทำให้ก้อนหินหนักๆลอยได้แถมทำให้ดอกไม้ใบหญ้ากลับมาเบ่งบานได้ (รวมถึงเซลล์ในหลอดทดลองก็กลับมามีชีวิต) ส่วนบาซาร่านี่เป็นนักร้องคนเดียวในกองยานมาครอสเซเว่นที่ร้องเพลงแล้วทำให้คนที่ถูกดูดพลังชีวิต(spiritia)ไปกลับมามีชีิวิตชีวาได้อีก แถมตอนสุดท้ายเขายังร้องเพลงจนทำให้ดอกไม้(ที่สาวน้อยช่อดอกไม้ให้มา)กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง คุณว่ามันคล้ายๆกันหรือเปล่าละ ?? ถ้าแม่มีพลังแบบนี้ลูกชายจะมีพลังเหมือนกันก็ไม่น่าแปลกอะไรมั้ง(ใน Macross Zero บอกไว้ชัดเจนว่ามันเป็นพลังที่ถ่ายทอดทางสายเลือดของคนทรงในเผ่ามายัน แล้วในซี่รี่ย์มาครอสนี่ก็ไม่มีใครที่มีพลังเหมือนกับสองคนนี้อีกแล้วด้วย)


 

5. ทัศนคติที่เหมือนกัน ซาร่าเป็นคนที่เกลียดชังสงครามความขัดแย้งเข้ากระดูก ส่วนชินในตอนท้ายๆเรื่องก็เสียใจที่ตัวเองเป็นนักบินที่ยิงเครื่องศัตรูตกตายเป็นผักเป็นปลา ฉนั้นแล้วถ้าพ่อแม่เขาเป็นคนคิดแบบนี้บาซาร่าจะเป็นคนที่เกลียดสงครามเหมือนกันก็คงจะเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นกระมัง(แถมซาร่ายังเป็นคนที่รักสัตว์รักธรรมชาติ ซึ่งบาซาร่าก็เป็นคนแบบนั้นเหมือนกันด้วย)

6. สาเหตุที่บาซาร่าไม่อยากใช้ความรุนแรง ใน Macross Zero เวลาที่ซาร่าโกรธหรือหึงขึ้นมาเรียกได้โลกแทบจะวิบัติแตกดับกันเลยทีเดียว นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมบาซาร่าถึงพยายามจะควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธจนใช้ความรุนแรงขึ้นมาก็ได้ มีอยู่ตอนนึงที่บาซาร่าเผลอชกหน้าคนที่จะเข้ามาทำร้ายมิเลน แต่สุดท้ายก็หันไปว่ามิเลน"เห็นมัย ฉันต้องใช้ความรุนแรงเพราะเธอคนเดียว!!" ซึ่งมันก็แปลกดีว่าทำไมเขาถึงต้องระวังตัวขนาดนั้น หรือเพราะกลัวว่าพลังด้านชั่วร้ายมันจะตื่นขึ้นมาเหมือนแม่ของเขาหรือเปล่า ?

7. เหตุที่บาซาร่าร้องเพลงเก่งแถมขับวัลคีรี่เก่งอีกต่างหาก ตามที่ผมเคยวิเคราะห์ไปในตอนที่รีวิวมาครอสเซเว่น ตอนนั้นแกมลินเคยสารภาพกับมิเลนว่าบาซาร่าร้องเพลงไปขับวัลคีรี่ไปต้องนับว่าเขาเก่งกว่านักบินระดับ Top Pilot อย่างเขามาก ซึ่งตอนนั้นก็มีข่าวซุบซิบข่าวลือว่าบาซาร่าเป็นลูกลับๆของลินมินเมย์กับฮิคารุพระเอกภาคแรก เขาถึงได้ร้องเพลงเก่งเหมือนแม่แถมขับวัลคีรี่เก่งเหมือนพ่อไง แต่บาซาร่าก็บอกว่าไร้สาระ (ซึ่งจริงๆลินมินเมย์กับฮิคารุและมิสะหายไปกับกองยาน Megaroad-1 นานแล้วก็เลยไม่น่าจะเป็นไปได้แหละ) แต่ถ้าสมมุติว่าเขาได้พลังเสียงของแม่ซาร่ากับได้คุณพ่อชินสอนขับวัลคีรี่ตั้งแต่เด็กๆละ ? ชินนี่ก็ระดับ Top Pilot เหมือนกันด้วยละนะ(ขับวัลคีรี่ดำน้ำได้ก็ทำมาแล้วนิ)

8. หลานรู้ว่าลุงอยู่ไหน ถ้าบาซาร่าเป็นลูกของชินกับซาร่าจริงๆ ก็แสดงว่าเขามีศักดิ์เป็นลุงของเชอริล (บาซาร่าคือลูกของพี่สาวของย่าของเชอริล ส่วนเชอริลคือหลานของน้องสาวแม่ของบาซาร่า งงมัย?) ในเรื่อง Macross FB7 ตอนพิเศษที่ให้ทุกคนมาดูวีดีโอเทปเรื่องราวในมาครอสเซเว่น มีคนถามว่าอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้บาซาร่าอยู่ไหนยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า(บาซาร่าออกเดินทางไปทั่วจักรวาลหลังจบเหตุการณ์ในมาครอสเซเว่น) จู่ๆเชอริลก็พูดขึ้นมาว่า"ผู้ชายคนนั้นคงยังร้องเพลงอยู่ที่ไหนสักที่แหละ" พร้อมกับต่างหูที่เปล่งประกายของเธอ ผมว่าคนตระกูลเดียวกันก็อาจจะมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างก็ได้นะครับ

กล่าวโดยสรุป ถ้าบาซาร่าเป็นลูกของซาร่ากับชินจริงๆ มันก็จะตอบคำถามชิ้นส่วนที่หายไปของซีรี่ย์มาครอสได้ว่าบาซาร่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? ชินกับซาร่าหายไปไหน ? ซึ่งเป็นคำถามที่ผมคาใจมาตั้งแต่เด็กๆตอนดูมาครอสเซเว่น พอมาไล่ดูมาครอสจบทุกภาค(ถึงภาคล่าสุด Macross Delta)แล้วก็ยังไม่มีคำตอบ (ไม่รวมคำถามว่ายานมาครอส SDF-1นี่ใครสร้าง ? แล้วมันหล่นมาที่โลกได้ยังไง? ซึ่งคนแต่งเขาคงจะกบไต๋ไว้ทำซีรี่ย์ต่อไปเรื่อยๆละนะ เฮอๆ ) ผมลองหาดูว่าในเว็ปไซต์แฟนดอมของมาครอสหรือในเว็ปบอร์ดต่างๆมีใครว่าชินกับซาร่าเป็นพ่อแม่ของบาซาร่าหรือเปล่าแต่ก็ไม่เห็นมี  อาจจะเพราะมันเป็นอนิเมะที่เก่าไปแล้ว (มาครอสเซเว่นนี่ฉายก่อนอินเตอร์เน็ตจะบูมด้วยซ้ำ พอ Macross Zero ออกฉายคนเลยมักจะเอาไปโยงกับภาค Frontier ที่ใหม่กว่าซะงั้น) เลยไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไรก็เป็นได้ แต่อย่างไรผมก็ว่ามันน่าสนใจอยู่ดีสำหรับแฟนพันธ์ุแท้มาครอสละก็นะ (ซึ่งถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริงก็แสดงว่า Macross Zero จะมีความสัมพันธ์กับ Macross 7 มากกว่าภาค Frontier ซะอีก) เอาเป็นว่าผมมโนให้ชินกับซาร่าถูกดีโฟลด์ไปยังดาวอันห่างไกลที่ไหนสักที่ ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและได้ลูกชายคนหนึ่งเป็นบาซาร่า หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบบาซาร่ากลายเป็นเด็กกำพร้าและระหกระเหินไปทั่ว เขายังจำคำสั่งสอนของแม่ซาร่าได้เป็นอย่างดีและเฝ้าฝึกร้องเพลงหน้าภูเขา หวังว่าสักวันเพลงของเขาอาจจะขยับภูเขาได้(เหมือนที่แม่เขาเคยร้องเพลงจนก้อนหินหนักๆลอยได้มาแล้ว) จนได้มาพบกับเรย์แล้วก็ขึ้นไปยังกองยานมาครอสเซเว่นและตกลงใจจะตั้งวงร็อค Fire Bomber กัน ... แหมะ ก็ว่ากันไป (มีข่าวว่ามาครอสภาคใหม่เขาจะให้ Sunrise สตูดิโอที่สร้างกันดัมเป็นคนผลิต ผมก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ทำเป็นแนวยูริสามเศร้าอวกาศแบบกันดัมแม่มดดาวพุธก็แล้วกันนะ อาจจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆแต่ก็อยากเห็นเขาเอาลุงบาซาร่ากับน้ามิเลนกลับมา จะให้เป็นตัวประกอบก็ยังดี บางทีเขาอาจจะไปร้องเพลงเติมพลังชีวิตให้หลานเชอริลที่นอนเป็นผักฟื้นขึ้นมา หรือไปเติมพลังชีวิตให้เฟรย่าก่อนที่ร่างจะสลายไปก็เป็นไปได้นะ)

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Anime No.16 : A Place Further than the Universe 宇宙よりも遠い場所

 สวัสดีครับ ท่ามกลางข่าวการส่งดาวเทียมเอยส่งยานสำรวจเอยไปอวกาศอย่างเอิกเกริกในช่วงนี้ มันก็ทำให้คิดได้ว่าก่อนจะไปสำรวจอวกาศนี่เราสำรวจโลกของเราดีพอแล้วหรือยัง ? ทำให้คิดถึงอนิเมะน้ำดีเรื่องนี้ขึ้นมา A Place Further than the Universe 宇宙よりも遠い場所 สถานที่อันห่างไกลกว่าไปอวกาศ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรลองมาดูกันครับ

Source : https://a-place-further-than-the-universe.fandom.com/wiki/Sora_yori_mo_Tooi_Basho_Original_Soundtrack

 

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มต้นที่สาวน้อยม.ปลาย มาริ ทามากิ ได้เก็บเงินที่คนทำตกไว้นับได้หนึ่งล้านเยน ปรากฎว่ามันเป็นของ ชิราเซะ โอบุชิซาวะ เพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับเธอนั่นเอง ชิราเซะบอกกับมาริว่าเธอทำงานพิเศษต่างๆนาๆเก็บเงินเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการไปแอนตาร์กติกาทวีปตรงขั่วโลกใต้เพื่อตามหาคุณแม่ของเธอซึ่งเป็นนักวิจัยที่หายสาญสูญไประว่างไปทำการวิจัยที่ฐานตรงขั่วโลกใต้ แม้จะโดนปฎิเสธจากทีมสำรวจอย่างไรเธอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะไปขั่วโลกใต้ให้ได้ ความมุ่งมั้นนี่ทำให้มาริผู้อยากจะเติมเต็มชีวิตวัยรุ่นตัดสินใจจะไปขั่วโลกใต้กับชิราเซะให้ได้นั่นเอง


ความคิดเห็น : 

    ที่ว่าขั่วโลกใต้เป็นสถานที่ไกลกว่าไปอวกาศก็เป็นเรื่องจริงอะนะครับ (เพราะชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกเรามันก็มีระยะทางวัดจากพื้นผิวโลกไปก็ประมาณแค่ 9 -10 กิโลเมตรเองแหละ) ถ้าคุณดูเรื่องนี้คุณจะได้รู้ถึงวิธีการไปสำรวจขั่วโลกใต้และความยากลำบากในการไปถึงที่นั้น การใช้ชีวิตในศูนย์วิจัย เรื่องราวจะพูดถึงความฝัน การใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มค่า ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ เรียกได้ว่าเป็นอนิเมะที่ครบทุกรสชาติก็ว่าได้ 

ข้อด้อย :

    ข้อด้อยคงไม่ค่อยมีเท่าไร ถ้าจะมีก็อาจจะเป็นส่วนของดราม่าของตัวละครบางอย่างมันก็ดูขมๆไปหน่อยสำหรับเด็กๆ ถ้าให้เด็กดูก็คงต้องอธิบายไปด้วยละครับ แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้วก็ดูได้เพลินๆ มีเศร้าบ้างสุขบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรครับ

    สรุปว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นหนึ่งในอนิเมะน้ำดีที่ดูแล้วได้ความรู้และความบันเทิงด้วย ดูแล้วก็ตั้งคำถามว่าเราได้ใช้ชีิวิตเต็มที่แล้วหรือยัง?(แม้จะไม่ใช่วัยรุ่นแล้วก็เหอะ) ได้เติมเต็มความฝันแล้วหรือไม่ ? ผมคิดว่าเป็นอนิเมะอีกเรื่องหนึ่งที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยครับ   

Official Anime Website -> http://yorimoi.com/

 

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ของเฟย์จัง ->


 

วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Anime No.15 : Re-Main リメイン

 สวัสดีครับ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เมืองจีน ผมได้ดูถ่ายทอดสดการแข่งขันโปโลน้ำ ซึ่งเอาเข้าจริงมันเป็นกีฬาที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนไทยเลยก็ว่าได้ ผมคุ้นๆว่ามันมีอนิเมะเกียวกับกีฬาโปโลน้ำอยู่ก็เลยลองหามาดู ก็คือเรื่องนี้เลยครับ Re-Main リメイン เรื่องราวจะเป็นยังไงมาลองดูกันครับ

Source : https://en.wikipedia.org/wiki/Re-Main

 Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ มินาโตะ คิโยมิซึ สุดยอดนักกีฬาโปโลน้ำผู้เป็นแชมป์นักเรียนระดับม.ต้น แต่ระหว่างทางกลับบ้านเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนทำให้เขาต้องนอนสลบอยู่โรงพยาบาลอยู่เกือบปี เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าเขาได้สูญเสียความทรงจำตอนม.ต้นทั้งหมดรวมถึงความสามารถในการเล่นโปโลน้ำไปด้วย มินาโตะที่กลายเป็นเด็กประถมต้องเข้าเรียนโรงเรียนม.ปลายใกล้บ้านแต่เพราะความดังสมัยม.ต้นจึงถูก โจ โจจิม่า ประธานชมรมโปโลน้ำที่พึ่งกลับมาเปิดชมรมอีกครั้งมาทาบทาม แถมยังมี เอทาโร่ โอกะ รุ่นน้องสมัยเรียนม.ต้นมาคอยชักชวนไม่ถอยอีกต่างหาก ทั้งๆที่มินาโตะตัดสินใจจะไม่เล่นโปโลน้ำอีกแล้วแต่ก็เพราะสัญญา(จะเรียกว่าพนันไว้ก็ได้)กับ ชินุ คาวาคุโบะ สาวน้อยชมรมว่ายน้ำก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำ สุดท้ายมินาโตะจึงต้องกลับมาเล่นโปโลน้ำอีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากศูนย์เลยก็ว่าได้ 



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เรียกได้ว่าสนุกมากครับ ดูแล้วจะรู้ว่ากีฬาโปโลน้ำเป็นยังไง กติกาการแข่งขันเป็นเช่นไร การฝึกซ้อมโหดขนาดไหน เรียกได้ว่าดูแล้วจะรู้จักกีฬาชนิดนี้ดีขึ้นมาก(จนบางทีรู้สึกว่าคงไปเล่นด้วยไม่ไหวแหงๆ ให้น้องๆหนูๆลองดูดีกว่า) ปรกติทางญี่ปุ่นเขามักจะทำอนิเมะเกี่ยวกับกีฬาหลักๆอย่างเช่น ฟุตบอล วอลเลย์บอล หรือบาสเกตบอลซะมากกว่า นานๆทีเขาจะหยิบกีฬาไมเนอร์มาทำบ้าง ผมว่าก็ดีนะ คนจะได้รู้จักกีฬาหลากหลายประเภทมากขึ้นด้วย

ข้อด้อย :

    เรื่องราวดูจะจบเร็วไปสักหน่อย ถ้ามีภาคต่ออีกหน่อยก็น่าจะดี ตัวละครอาจจะเยอะไปสักนิดแต่ก็จำเป็นละเพราะโปโลน้ำมันต้องเล่น7คนอะนะ ตัวละครแต่ละตัวจะมีปมมีดราม่าของตัวเองแต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเท่าไหร่นักหรอก ยังพอดูได้ไม่เครียดเกินไป

     กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ถือเป็นอนิเมะที่ดูได้สนุก เรื่องราวก็เขียนมาได้ดี สาวๆก็น่าจะชอบเพราะจะได้เห็นหนุ่มๆหน้าตาดีใส่ชุดว่ายน้ำกันทั้งเรื่อง แนะนำให้ดูอีกเรื่องเลยละครับ 

 ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ของเฟย์จังครับ ->