วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Anime No. 38 : Long Riders ! ろんぐらいだぁす!

 สวัสดีครับ หลังจากความร้อนระอุอันแสนยาวนานในที่สุดฝนก็ตกลงมาสักทีนะครับ คุณภาพอากาศก็ดีขึ้นบรรยากาศก็ดีเหมาะกับการไปปั่นจักรยานเล่นเสียเหลือเกิน ว่าแล้วก็นึกถึงอนิเมะแนวสาวๆปั่นจักรยานขึ้นมานั่นก็คือเรื่อง Long Riders ! ろんぐらいだぁす! มาลองดูกันครับว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร



Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของสาวน้อย อามิ คุราตะ นักศึกษามหาลัยปี1 จอมซุ่มซ่ามผู้ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร ด้วยความประทับใจในจักรยานซึ่ง อาโออิ นิกาคิ เพื่อนสนิทของเธอขี่มามหาลัยบ่อยๆ เธอจึงตัดสินใจจะลองซื้อจักรยานพับได้ราคาถูกมาลองขี่ดู ทั้งคู่ได้ลองไปปั่นในที่ปั่นจักรยานรอบๆแม่น้ำแต่ด้วยการที่อามิไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอประกอบกับไม่ได้กินข้าวเช้ามาก็เลยเกิดอาการชนกำแพง(น้ำตาลตก) จนหมดเรี่ยวหมดแรง โชคดีที่มีสองสาวนักปั่นผ่านมาพอดีเลยได้ให้เจลลี่พลังงานมาให้อามิกินก็เลยรอดไปได้ ทั้งสี่คนจึงพากันไปที่ร้านอาหารใกล้ๆและกินไอติมด้วยกัน อามิิได้รับรู้ถึงความสนุกในการปั่นจักรยานเป็นครั้งแรกจึงอยากจะปั่นจักรยานต่อไปนั่นเอง 

 



ความคิดเห็น :

     เรื่องนี้มีตัวเอกเป็นสาวๆนักปั่นซึ่งก็ไม่ใช่อนิเมะแนวกีฬาจ๋าขนาดนั้น ออกจะเป็นแนวปั่นชมวิวแวะกินอาหารขนมระหว่างทางเสียมากกว่า มันก็เลยไม่มีคู่แข่งหรือการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนอนิเมะแนวกีฬาเรื่องอื่นๆ ก็พูดได้ว่าเป็นแนวกีฬาบวกการท่องเที่ยวและแนะนำของกินแบบที่ดูได้เรื่อยๆเอื่อยๆไม่เครียดเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะว่าแปลกก็แปลกดีละครับ

ข้อด้อย :

     ตัวละครดูเป็นสไตล์การ์ตูนยุคเก่าๆหน่อยเพราะวาดตาโตกว่าอนิเมะยุคหลังๆนี่แหละ ตัวเนื้อเรื่องเองจริงๆมีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับจักรยานเข้ามาด้วยแต่ดูเหมือนจะไม่ละเอียดเท่าไร ยกตัวอย่างเช่นมีฉากที่ยางแตกแล้วต้องเปลี่ยนยาง ก็จะตัดฉากเป็นเปลี่ยนเสร็จแล้วซะงั้น ทั้งๆที่น่าจะนำเสนอวิธีการเปลี่ยนยางที่ถูกต้องให้ชมดูไว้เป็นความรู้ซะหน่อยก็คงจะดีกว่านี้นะแหละครับ

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้เป็นอนิเมะแนวกีฬาปั่นจักรยานท่องเที่ยวที่ดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้เน้นการแข่งขันเหมือนเรื่องอื่นๆ ใครที่ดูแล้วก็อาจจะอยากลุกขึ้นมาซื้อจักรยานมาตั้งก๊วนปั่นเที่ยวเหมือนกับอามิจังก็เป็นได้ (แต่เมืองไทยนอกจากจะร้อนแล้วก็ยังต้องคอยหลบสิบล้อ มอไซค์ที่ขี่สวนเลน คนเมาแล้วขับ คนเมากัญชา แถมต้องระวังวัยรุ่นหัวร้อนด้วย ผมคนหนึ่งแหละคงขอบายดีกว่านะขอรับ เฮอๆ ) 

Official Anime Website -> https://anime-longriders.com



ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->



 

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Anime No.37 : Frieren: Beyond Journey's End 葬送のフリーレン

 สวัสดีครับ ช่วงนี้อนิเมะที่มีเอฟล์เป็นตัวเอกดูเหมือนกำลังจะมา หนึ่งในเรื่องที่หลายๆคนยกย่องให้เป็นอนิเมะแห่งปีเลยที่เดียวก็คือเรื่อง  Frieren: Beyond Journey's End  葬送のフリーレン (ชื่อภาษาไทย ฟรีเรนคำอธิษฐานในวันที่จากลา) ซึ่งผมเองก็พึ่งไล่ดูจนจบก็เลยมาเขียนรีวิวไล่ตามหลังชาวบ้านทีหลัง เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ดีอย่างที่เขาว่ากันจริงหรือไม่ มาลองดูกันครับ

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มจากการที่กลุ่มผู้กล้าอิมเมลได้ปราบจอมมารได้สำเร็จ หลังการเฉลิมฉองเสร็จสิ้นทุกคนกล่าวคำลากันโดยสัญญาว่าจะมาดูดาวตกกันอีกรอบในอีก 50 ปีให้หลัง ฟรีเรน เอลฟ์จอมเวทในปาตี้ผู้กล้าก็ออกไปหมกตัวอยู่จนถึงเวลาที่นัดหมายกันจึงกลับมารวมตัวกลุ่มผู้กล้าอีกครั้งแต่คนอื่นๆที่เป็นคนธรรมดาทั้งตัวผู้กล้าอิมเมล นักบวชไฮเตอร์ ต่างก็แก่ตัวกันหมดแล้ว แม้แต่นักรบคนแคระไอเซนเองก็แก่ขึ้นมาก(เทียบกับอายุขัยของคนแคระในเรื่อง) จะมีก็แต่ตัวฟรีเรนเองที่ไม่แก่ไม่ตาย หลังจากที่ได้ดูดาวตกได้ไม่นานผู้กล้าอิมเมลก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ฟรีเรนเองกลับรู้สึกเศร้าโศกที่ไม่ได้ทำความรู้จักไม่ได้ทำความเข้าใจอิมเมลให้มากกว่านี้ตอนที่ยังมีโอกาส การเดินทางในการตามหาความทรงจำและทำความเข้าใจมนุษย์ให้มากขึ้นจึงเริ่มต้นขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น:

    หลังจากดูจนจบแล้วต้องบอกเลยว่า นี่น่าจะเป็นอนิเมะที่เขียนบทได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ผมเคยดูมาเลยก็ว่าได้ บทพูดของตัวละครไม่ได้มีมากมายอะไรเลยพูดน้อยแต่คำพูดกลับกินใจลึกซึ้งมากจนบางทีผมก็เผลอน้ำตาไหลร้องไห้ตามอยู่หลายครั้งอยู่เหมือนกัน บทบาทตัวละครมีทั้่งข้อดีข้อด้อยไม่ได้มีใครเฟอร์เฟคไปทุกอย่าง มุกตลกที่ใส่เข้ามาก็ขำได้แบบอมยิ้มได้แหละ แล้วก็ไม่ได้ขายฉากเซอร์วิสเหมือนเรื่องอื่นๆด้วย คิดๆแล้วน่าจะนับให้เรื่องนี้เป็นแนวปรัชญาชีวิตมากกว่าแนวแฟนตาซีทั่วไปด้วยซ้ำไป โดยรวมแล้วถ้าจะให้5ดาวเต็มๆก็คงไม่เกินไปสำหรับเรื่องนี้ครับ

ข้อด้อย:

    ถ้าจะมีข้อด้อยก็อาจจะที่เนื้อเรื่องที่อาจจะดูอืดๆไปนิด(แต่คงเพราะตัวเอกไม่แก่ไม่ตายก็ไม่รู้จะรีบไปไหนอะนะ) สำหรับคนที่ชอบดูฉากแอคชันต้องบอกว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากแต่ฉากแอคชันก็ไม่ได้มาบ่อยๆ จะมีมากหน่อยในช่วงท้ายๆเรื่องแหละ สำหรับคนดูที่ยังเป็นเด็กเป็นวัยรุ่นอยู่ก็อาจจะไม่อินกับความลึกซึ้งของคำพูดของตัวละครเพราะประสบการณ์อารมณ์ร่วมของหนูๆคงจะยังน้อยอยู่แหละ(แต่สำหรับลุงที่ผ่านชีวิตมาเยอะแถมเหลือเวลาอยู่น้อยนิดแล้วนี้อินกับบทจนแทบจะบ่อน้ำตาจะแตกตาย เฮอๆ)

     กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมแนะนำให้ทุกท่านได้ลองรับชมดู ท่านจะได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าคนที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า ในเวลาที่ฟรีเรนนึกถึงผู้กล้าอิมเมลที่จากไปแล้วมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่เรามีคนรักสักคนแล้วจู่ๆเขาก็หายไปจากชีวิตเรา พอเราไปเจอเหตุการณ์บางอย่างมันก็อดนึกถึงความดีงามของเขาขึ้นมาไม่ได้   นั่นแหละครับ คนเรากว่าจะรู้จักคุณค่าของอะไรสักอย่าง ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วนี่เอง

     

    หลังจากดูเรื่องนี้จบแล้วก็นึกคึกลองเอาไม้ไอติมมาทำของชอบของฟรีเรนนั่นคือหีบสมบัติขึ้นมา ลองดูรายละเอียดได้ครับ -> https://lemongrass-figure.blogspot.com/2024/03/handmad-treasure-box.html

    


 

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Anime Special 9 : เพลงเพราะๆที่ตัวเอกมาครอสไม่ได้ร้อง マクロス主人公の歌ではないいい曲

 สวัสดีครับ วันนี้ก็กลับมาเขียนเกี่ยวกับอนิเมะเรื่องโปรดของผมอีกครั้ง นั่นก็คือซี่รี่ยมาครอสนั่นเอง ช่วงนี้ก็นั่งฟังเพลงจากมาครอสอยู่หลายๆเพลง มันก็เลยคิดสนุกลองคิดดูดีๆว่ามีเพลงที่ตัวเอกไม่ได้ร้องแต่เป็นเพลงที่ไพเราะบ้างหรือเปล่า ว่าแล้วก็ลองรวบรวมมาดูลองมาฟังกันดูนะครับ

*** Spoiler Alert : มีการสปอยล์เนื้อหาจากซี่รี่ย์มาครอสอยู่บ้างนะครับ ใครยังไม่ได้ดูไปดูมาก่อนก็ได้นะครับ


1. Macross ภาคแรก : Runner

มาครอสภาคแรกนี่มีนักร้องอยู่คนเดียวก็คือลินน์มินเมย์ ก็น่าจะมีเพลงของเธอคนเดียวแต่จริงๆแล้วเพลงเปิดและเพลงปิดของมาครอสร้องโดยนักร้องชาย เพลงเปิด "超時空要塞マクロス" มีคุณมาโกโตะ ฟุจิฮาระ เป็นคนร้อง อารมณ์เพลงเหมือนเพลงปลุกใจทหารหน่อยๆแหละ ก็ว่าเป็นแนวที่ชอบแต่งให้อนิเมะหุ่นรบยักษ์สมัยยุค 70-80 สำหรับเพลงปิดเป็นเพลงบัลลาดเศร้าๆ ランナー Runner ขับร้องโดยคุณมาโกโตะ ฟุจิฮาระเช่นกัน เนื้อหาเป็นการบอกว่าขอยอมแพ้ไม่วิ่งตามเงาของเธอผู้ห่างไกลไปเสียแล้ว ซึ่งก็เข้ากับความรู้สึกของฮิคารุที่คิดว่ามินเมย์กลายเป็นไอดอลที่เขาไม่อาจจะเอื้อมมือไปถึงแล้ว เพลงไพเราะเนื้อหากินใจมาก สำหรับภาพประกอบก็เป็นมือของคนจริงๆคนหนึ่งกำลังเปิดอัลบัมรูป(ซึ่งจริงๆเป็นอัลบัมรูปของฮิคารุที่เก็บรูปของลินล์มินเมย์ในเนื้อเรื่องน่ะแหละ) เรียกได้ว่ามันกลายเป็นแนวเพลงปิดสำหรับซี่รี่ย์มาครอสไปเลย คือจะต้องเอาภาพจริงๆเข้ามาประกอบ อาจจะเป็นฉากหลังในชีวิตจริง สิ่งของจริงๆหรือภาพนักร้องตัวจริงมาใส่ มาครอสภาคหลังๆก็จะทำเพลงปิดตามแนวนี่ละนะ

 


 

2. Macross 7 : Galaxy

    มาครอสเซเว่นเป็นภาคที่มีเพลงประกอบหลากหลายมากที่สุด ไม่เฉพาะเพลงของวง Fire Bomber  แต่มีเพลงของนักร้องอื่นๆที่อาจจะไม่ได้มีบทอะไรเท่าไรก็มี สำหรับเพลงที่ผมประทับใจก็คือเพลง Galaxy ของ Alice Holiday (ผมไม่ทราบว่านักร้องตัวจริงชื่ออะไรอะนะ) ซึ่งในเนื้อหาของมาครอสเซเว่นอลิสจะเป็นนักร้องที่มิเลนชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากจะเป็นนักร้องนักดนตรีด้วย ในอนิเมะจะเห็นอลิสร้องอยุ่แค่ประโยคท้ายๆ "Hmm~ Again~" น่ะแหละนะ แต่พอไปหาฟังทั้งเพลงดูปรากฎว่าเป็นเพลงที่ไพเราะมาก เนื้อหาประมาณว่าคิดถึงคนรักที่ห่างไกลจากกันและหวังว่าเราจะได้มาเจอกันอีกครั้ง มาลองฟังกันดูนะครับ


 3. Macross Frontier : Ninjin Love You Yeah !

        มาครอสฟรอนเทียร์นี่มีไอดอลอยู่สองคนคือเชอริลกับรันกะ เรียกได้ว่าสองคนนี้ก็เหมาร้องเพลงประกอบหมดทั้งเรื่องแหละ ไม่มีนักร้องคนอื่นโพล่มาในเรื่องเลย (จะมีเพลงของบาซาร่ามาเปิดประกอบบ้างนิดหน่อย เพราะฮอสม่าชอบวง Fire Bomber อะนะ)  ผมเลยเลือกเพลงที่ไม่ใช่เพลงหลักมาให้เพลงหนึ่งนั่นก็คือเพลง Ninjin Love You Yeah ! (人参 Ninjin = แครอท ร้องโดยคุณเมกุมิ นากาจิมะ คนพากษ์คนร้องเป็นรันกะนะแหละครับ) เป็นเพลงที่รันกะร้องตอนเป็นไอดอลฝึกหัดแล้วต้องมาขายแครอทเจ็ดสีแต่ก็ไม่มีใครอยากจะกินแครอทเลยสักคน เนื้อหาเป็นเหมือนเพลงเด็กว่าแครอทดียังงั้นยังงี้กินแล้วจะมีพลัง ผมก็ว่ามันก็น่ารักดีละนะ ว่าแล้วก็มาลองฟังกันดูนะครับ


4. Macross Delta : AXIA

    สำหรับมาครอสเดลต้าก็มีนักร้องอยู่แค่วงเดียวนั่นก็คือวงวัลคิวเร่(ถ้าไม่นับองค์ชายที่เป็นนักร้องแห่งสายลมอะนะ) ดังนั้นถ้าให้เฟรย่ากับมิกุโมะเป็นนักร้องหลักแล้วละก็ผมจะขอเลือกเพลงที่ไม่ใช่นักร้องหลักเป็นคนร้อง นั่นก็คือเพลง AXIA ของคานาเมะสมาชิกชุดสีเหลืองผู้อาวุโสสุดในวง(ขับร้องโดยคุณคิโยโนะ ยาสุโนะ) เนื้อหาเป็นการคิดถึงคนรักที่ทำให้ทั้งรักทั้งเกลียด เป็นเพลงโซโล่ของคานาเมะและเพลงโปรดของเมเซอร์ด้วย ยิ่งมาร้องประกอบตอนที่เมเซอร์ตายด้วยแล้วยิ่งมีความหมายกินใจเข้าไปใหญ่ ลองฟังกันดูนะครับ 


     หลักๆก็คงจะประมาณนี้ ผมไม่ได้รวมเพลงจากภาคพิเศษหรือภาคหนังใหญ่เพราะว่าพอเพลงมันฟังแค่รอบเดียวแล้วเวลาเปิดเพลงมันก็น้อยกว่าภาคซีรี่ย์ก็เลยทำให้ติดหูยากหน่อยละครับ (ถ้าฉากประกอบมันไม่อลังการแล้วเปิดเพลงนานๆเหมือนเพลง 愛おぼえていますか Do you remember love แล้วละก็) ไว้โอกาสหน้าผมจะมาเขียนเกี่ยวกับมาครอสอีกนะครับ หวังว่าจะยังไม่เบื่อกัน

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

Anime No.36 : Otaku Elf 江戸前エルフ

 สวัสดีครับ ช่วงนี่มีซีรีย์แนวอิงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยเอโดะเรื่อง Shogun ออกฉายในเน็ตสตรีมมิ่งชื่อดัง พอพูดถึงสมัยเอโดะก็เลยนึกถึงอนิเมะแนวต่างโลกแบบกลับด้าน(Reverse Isekai)ที่เอาเอลฟ์จากต่างโลกมาอยู่ในญี่ปุ่นแทน เรื่องนั้นคือ Otaku Elf  江戸前エルフ (ชื่อภาษาไทย "คุณเอลฟ์โอตาคุ") เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

Source : https://edomae-elf.com/

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของสาวน้อย โคอิโตะ โคกาเนะอิ ผู้ได้รับตำแหน่งมิโกะ(ผู้ดูแลศาลเจ้าผู้หญิง)รุ่นที่ 15 แห่งศาลเจ้าทากะมิมิ(ศาลเจ้าหูยาว) ต่อจากคุณแม่ที่เสียชีวิตไป ตำแหน่งมาพร้อมๆกับการที่ต้องดูแล เอลด้า เอลฟ์สาวอายุหกร้อยกว่าปีที่ถูกอัญเชิญมาจากต่างโลกโดย โทกุกาวะ อิเอยาสุ ตั้งแต่สมัยเอโดะเพื่อเป็นตัวแทนของเทพเจ้า เรื่องน่าปวดหัวก็คือเอลด้านั้นพออยู่มานานเข้าก็กลับกลายเป็นพวกฮิคิโคโมริ(พวกเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง)แถมยังเป็นโอตาคุตัวแม่ วันๆเอาแต่เล่นเกม ต่อพลาโมเดล กินขนมกรุบกรอบดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นอาจิน โคอิโตะจะสามารถดูแลเอลด้าได้ดีหรือไม่ต้องคอยลุ้นไปด้วยกันครับ

 


ความคิดเห็น:

    สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวชีวิตประจำวันบวกกับการให้เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆจากสมัยเอโดะ โดยเอลด้าจะเล่าเรื่องราวเปรียบเทียบสมัยปัจจุบันกับสมัยเอโดะ เช่น วันฝนตกคนสมัยนี้ใช้ร่ม คนสมัยเอโดะจะใส่เสื้อฟางหมวกฟางกัน อะไรประมาณนี้ เรียกได้ว่านอกจากความฮาแล้วก็จะได้ความรู้ไว้ประดับหัวสมองไปด้วยกันเลยทีเดียว นอกจากนี้เรื่องราวก็จะเน้นความอบอุ่นสายสัมพันธ์ของเพื่อนๆและครอบครัว ดูแล้ววัยรุ่นสมัยนี้ก็คงเรียกว่าใจฟูกันละนะ

ข้อด้อย :

    สำหรับข้อด้อยถ้าจะมีก็คงเป็นที่จำนวนตอนมันน้อยไปนิดจบเร็วไปหน่อย ความรู้สมัยเอโดะถ้าสำหรับคนที่ไม่อินไม่สนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็คงเหมือนรู้ไปก็เท่านั้นแหละ แต่โดยรวมถือว่าเป็นอนิเมะน้ำดีที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ

    คิดๆไปคนเราถ้าผ่านชีวิตไปนานๆเหมือนเอลด้าก็คงจะกลายเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวแหงๆ เพราะโลกนี้มันโหดร้ายละนะ ว่าที่จริงคนเขียนเขาก็อาจจะประชดประชันพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เวลาไปขอไปไหว้ทีไรเอาก็เอาแต่อยู่แต่ในห้องอยู่แต่ในศาลนั่นแหละ ไม่ได้ออกมาดูออกมารับรู้ความเดือดร้อนของผู้คนประชาชนประชาชีเท่าไรนักหรอก เฮอๆ 

Official Anime Website -> https://edomae-elf.com/


ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

Anime No.35 : Let's Make A Mug Too やくならマグカップも

 สวัสดีครับ หมดเทศกาลสาดน้ำทาแป้งกันไปแล้ว สำหรับคนแก่อย่างผมก็แค่ไปวัดไปพบญาติก็เหนื่อยจะแย่แล้วละครับ วันนี้ก็เลยมานั่งคิดดูว่าจะรีวิวอนิเมะเรื่องอะไรดี จู่ๆก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา やくならマグカップも Let's Make A Mug Too (ชื่อภาษาไทย วัยฝันปั้นแก้วมัค) คงเพราะช่วงสงกรานต์นี่มีการรวมญาติกินเลี้ยง พอเห็นพวกถ้วยโถโอชามก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็เป็นได้ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาดูกันเลยครับ

Source : https://yakumo-project.com

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของสาวน้อย ฮิเมะโนะ โทโยกาวะ ที่ย้ายบ้านกลับมาที่บ้านเกิดของคุณแม่ที่เสียไปซึ่งก็คือเมืองทาจิมิในจังหวัดกิฟุ เมื่อเธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเก่าของคุณแม่เธอก็ได้พบกับ มิกะ คุคุริ และทั่งคู่ก็ได้ไปที่ชมรมเซรามิกของโรงเรียน ที่ชมรมเธอได้พบกับ นาโอโกะ นารุเสะ สาวน้อยที่ชอบมาเที่ยวเล่นที่ชมรมอยู่บ่อยๆ และ โทโกะ อาโอกิ สาวน้อยผู้ที่มุ่งมั่นจะสร้างผลงานเซรามิกชิ้นเอก ที่ชมรมนี่เองที่ฮิเมะโนะได้รู้ว่าจริงๆแล้วแม่ของเธอเป็นยอดนักปั้นเซรามิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของเมือง เธอจึงอยากจะลองเจริญรอยตามด้วยการลองปั้นเซรามิกดูนั่นเอง 

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้จะนำผู้ชมทุกท่านเข้าสู่โลกแห่งการปั้นเครื่องเคลือบเซรามิก เนื้อหาจะสอนเรื่องการปั้น การเผา การเคลือบน้ำยา การอบ เทคนิคต่างๆนาๆ เรียกได้ว่าสอนรายละเอียดลึกจนถึงขนาดเอาไปทำตามได้กันเลยทีเดียว ตัวละครก็น่ารักสดใส เรื่องราวของสาวๆก็มีแบคกราว์นมีปมต่างๆของตัวเองตามประสาวัยรุ่น เรียกได้ว่าสอดแทรกความรู้ด้านเซรามิกเข้ากับเรื่องราวดราม่าได้ดีพอสมควรทีเดียว

ข้อด้อย :

    เนื่องจากมันเป็นอนิเมะแนวสาวๆทำชมรมอะไรสักอย่าง เรื่องราวเลยไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากการทำเซรามิก คนที่ชอบแนวแอ็คชั้นแฟนตาซีอะไรแบบนั้นก็อาจจะไม่ชอบก็ได้ เนื่อเรื่องก็ดำเนินไปเรื่อยๆเอื่อยๆแบบสโลว์ไลฟนะแหละ ไม่ได้มีดราม่าอะไรมากมาย โดยรวมก็สนุกดีดูได้เพลินๆน่ะ  

    สำหรับเมืองทาจิมิก็เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านเซรามิกจริงๆนะแหละ หลายๆโลเคชันที่อยู่ในอนิเมะก็มีอยู่จริงด้วย ถ้าใครเห็นแล้วอยากจะตามรอยก็สามารถบินไปเที่ยวกันได้เลยนะครับ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ก็มีอยู่สองซีซันแล้วก็มีเทปพิเศษที่สาวๆนักพากย์ไปเที่ยวกันที่ทาจิมิกันด้วย สนใจยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

Official Anime Website -> https://yakumo-project.com/

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567

Anime No.34 : The Hero Is Overpowered but Overly Cautious この勇者が俺TUEEEくせに慎重すぎる

 สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศร้อนๆ เลยอยากจะดูอนิเมะแนวฮาๆเบาสมองดูบ้าง วันนี้ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้เลยครับ Cautious Hero: The Hero Is Overpowered but Overly Cautious この勇者が俺TUEEEくせに慎重すぎる (ชื่อภาษาไทยคือ ผู้กล้าสุดแกร่งขี้ระแวงขั้นวิกฤติ) เรื่องราวจะเป็นยังไงมาลองดูกันครับ

 


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของเทพธิดารีสตาเต้ ผู้ถูกเลือกในภารกิจให้กอบกู้โลกกาแบรนจากจอมมาร เธอจึงเลือกเซยะ ริวกุอิง ผู้มีแววจะเป็นผู้กล้ามากที่สุดเพื่อมาจัดการกับจอมมาร แต่เซยะนั่นแทนที่จะเป็นผู้กล้าแบบทั่วไปแต่กลับเป็นคนที่ขี้ระแวงและไม่ไว้วางใจอะไรสักอย่าง ก่อนจะทำอะไรก็ต้องเตรียมพร้อมแบบสุดๆถึงจะค่อยลุย ทำให้เทพธิดาริสตาเต้ปวดหัวเป็นอย่างมาก เรื่องราวจึงดำเนินไปด้วยความป่วนของทั้งเทพธิดาและผู้กล้าขี้ระแวงนั่นเอง



ความคิดเห็น:

    ดูเรื่องนี้เรียกได้ว่าขำตั้งแต่ตอนแรกกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคาแร็กเตอร์ของเทพธิดารีสตาเต้(ริสต้า)ที่เรียกได้ว่าทั้งรั่วทั้งลามกทั้งตบมุกชนิดไม่ห่วงสวยกันเลยเชียว ส่วนพระเอกก็เรียกได้ว่าเป็นตัวตรงข้ามกับเทพธิดาแบบสุดๆ ทั้งปากร้ายทั้งขี้ระแวงไม่ไว้ใจใครเลย มันก็เลยเหมือนกำลังดูคู่ตลกดูโอ้ยิงมุกกันไปตลอดทั้งเรื่องละนะ

ข้อด้อย :

    ข้อด้อยก็อาจจะเป็นเรื่องที่นางเอกที่พูดเร็วเป็นต่อยหอย บางทีก็ฟังไม่ทันเหมือนกัน ส่วนตัวเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เป็นแนวผู้กล้าไปต่างโลกแบบทั่วๆไปนะแหละ แต่ท้ายๆเรื่องเขาจะเฉลยว่าทำไมพระเอกมันถึงได้ขี้ระแวงซะขนาดนั้นละนะ (ว่าที่จริง พวกผู้กล้าที่โดนอัญเชิญไปต่างโลกก็ควรจะระแวดระวังให้มากๆเหมือนเซยะจะดีกว่าละมั้ง ไม่รู้ทำไปถึงเชื่อใจพวกเทพพระเจ้าเทพธิดาได้ง่ายๆซะเกือบทุกเรื่องสินา)

    กล่าวโดยสรุป สำหรับท่านที่ชอบแนวต่างโลกแบบตลกๆอยากจะดูอนิเมะเพื่อคลายเครียดคลายร้อนก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ รับประกันความฮาได้เลยจ้า

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567

Anime No.33 : Diary of Our Days at the Breakwater 放課後ていぼう日誌

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมหนีควันทางภาคเหนือมาเที่ยวทะเลภาคใต้ (ฝากแช่งถึงคนที่เผาป่าเผานาขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวันเตอะ จะเก็บของป่าจะทำนาไม่ว่าจะเผาทำ*ตุ๊ด*อะไรฟะ) ว่าแล้วก็นึกถึงอนิเมะที่มีเรื่องเกิดขึ้นแถวๆชายทะเลขึ้นมาในบัดดล ซึ่งก็คือเรื่องนี้ 放課後ていぼう日誌 Diary of Our Days at the Breakwater (ชื่อภาษาไทยคือ บันทึกชมรมริมเขื่อนหลังเลิกเรียน) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรลองมาดูกันครับ

Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ : 

    เรื่องราวของ ฮินะ ซึรุกิ สาวน้อยม.ปลายที่พึ่งย้ายบ้านจากโตเกียวกลับมาบ้านเกิดที่เมืองอาชิคิตะจังหวัดคุมะโมโตะในเขตคิวชู ระหว่างที่ไปเดินเล่นริมเขื่อนกันคลื่นทะเล เธอได้พบกับ ยูคิ คุโรอิวะ รุ่นพี่หมวกฟางที่กำลังตกหมึกอยู่ก็เลยได้โอกาสลองตกหมึกด้วย ด้วยเหตุบางอย่างก็เลยโดนชวนเข้าชมรมริมเขื่อนที่กำลังแย่เพราะสมาชิกชมรมไม่พอ แม้ว่าฮินะจังจะเป็นพวกกลัวการสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตแต่ก็ไม่อาจจะทนความสนุกของการตกปลาและความอร่อยของอาหารทะเลที่ตกได้มาแบบสดๆได้จนสุดท้ายก็เข้าชมรมจนได้ เรื่องราวการตกปลาของเหล่าสาวน้อยม.ปลายจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้เอง

 



ความคิดเห็น :

    เนื้อเรื่องก็เป็นแนวชมรมที่กำลังจะโดนยุบเพราะคนไม่พอซึ่งก็เป็นพล๊อตที่นิยมใช้เวลาตัวเอกจะเข้าชมรมอะไรกันสักอย่างละนะ เนื้อหาก็จะเป็นเทคนิคในการตกปลาต่างๆนาๆรวมไปถึงการทำอาหารจากปลาที่ตกมาได้ด้วย เรียกได้ว่าถ้าเป็นคนชอบทำบาปด้วยการตกปลาก็คงจะชอบเรื่องนี้ด้วยแหละ 

ข้อด้อย :

     ตัวเรื่องไม่ได้มีดราม่าอะไรมากไป การดำเนินเรื่องก็จะเอื่อยๆไปเรื่อยๆตามสไตล์แนวสาวน้อยชมรมอะไรสักอย่างละครับ นอกจากการตกปลาแล้วก็แทบจะไม่มีอะไรเลย นางเอกก็โก๊ะๆเอ๋อๆตามแบบพิมพ์นิยมของชาวญี่ปุ่นเขาละครับ

    นอกจากความรู้ด้านการตกปลาแล้ว ในด้านการออกแบบตัวละครสาวๆก็ว่าน่ารักดี มียิงมุขตลกเฮฮาโป๊ะเป๊ะกันไปตลอดเรื่อง เรียกได้ว่าดูได้สนุกดีไม่มีพิษภัยอะไร คิดว่าเด็กๆเล็กๆก็น่าจะดูได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ แถมดูเหมือนเรื่องนี้จะดังจนเขาไปทำเวอร์ชันคนแสดงด้วย สนใจแบบไหนก็ลองหามารับชมได้นะครับ


Official Anime Website -> https://teibotv.com/


ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ  ->


 


วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

Anime Special 8 : พระเอกตัวจริงของซีรี่ย์มาครอส マクロスの本当の主人公

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีข่าวดีว่าทาง Disney+ คว้าลิขสิทธิ์นำมาครอสทุกภาคมาฉายบนบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง(รู้สึกจะยกเว้นมาครอสภาคแรกกับหนังใหญ่ Do you remember love เพราะยังติดลิขสิทธิ์กับทางบริษัทเจ้าปัญหาทางอเมริกาอยู่) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้มีโอกาสดูมาครอสนอกญี่ปุ่นได้แบบถูกลิขสิทธิ์ละนะ ว่าแล้วก็มาคุยกันเรื่องเกี่ยวกับมาครอสกันหน่อยดีกว่า หลังจากที่ผมดูมาครอสครบทุกภาคแล้ว ผมก็รู้สึกว่าจริงๆแล้วพระเอกมาครอสตัวจริงมันไม่ใช่พระเอกประจำภาคที่เป็นหนึ่งในความรักสามเศร้าแต่กลับเป็นผู้ชายคนหนึ่งต่างหาก คนๆนั้นก็คือ ....  Maximilian Jenius เฮียแม็กซ์ของเรานั่นเอง ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้นมาลองดูกันครับ


 

*** Spoiler Alert : จะมีการสปอยล์เนื้อเรื่องของมาครอสหลายภาคอยู่นะครับ ใครยังไม่ได้ดูก็ไปดูกันก่อนก็ได้นะครับ


1. เฮียแม็กซ์หล่อกว่าพระเอกทุกภาคเสียอีก

อย่างแรกเลยคือเฮียแม็กซ์เป็นคนเดียวที่ลินน์มินเมย์ชมว่าหล่อในตอนที่ฮิคารุพาแม็กซ์กับคาคิซากิมาอวดว่าตัวเองมีลูกน้องในสังกัดแล้วในงานวันเกิดของมินเมย์ ซึ่งในซีรี่ย์มาครอสคนที่ถูกสาวๆนางเอกตัวหลักชมว่าหล่อนี่เท่านี่จำได้ก็มีแต่เฮียแม็กซ์คนเดียวนี่แหละ(ยกเว้นอัลโตที่โดนรันกะชมว่าสวยอะนะ!!) แสดงว่าแกต้องหน้าตาดีมากกว่าเหล่าพระเอกประจำภาคเยอะเลยละ ขนาดว่าตอนมีลูกสาวเจ็ดคนอายุน่าจะเกือบๆ60แล้วได้เป็นกัปตันยาน Macross 7 สาวๆบนสะพานเดินเรือก็ยังแอบกรี๊ดเฮียแกอยู่เลย



2.เฮียแม็กซ์ไม่เคยถูกยิงตกเลยสักครั้ง

ไม่ทราบว่าทุกท่านสังเกตุหรือเปล่าว่าตัวเอกในแต่ละภาคจะต้องโดนยิงเครื่องตกสักครั้งนึงแหละ และก็จะเป็นเหตุให้นางเอกมาเยี่ยมดูอาการที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความเป็นนักบินอัจฉริยะของเฮียแม็กซ์แกเลยไม่เคยโดนยิงจนถึงขั้นเครื่องตกโหม่งโลกเลยสักครั้ง ตั้งแต่ภาคแรกที่ถ้าไม่นับตอนที่แอบไปช่วยป้ามิสะออกมาจากการโดนพวกเซ็นทราดี้จับไปแล้วโดนยิงจนเครื่องไม่ทำงานแล้วก็ระเบิดไป แกก็ไม่เคยโดนยิงจนร่วงในการต่อสู้กลางอากาศเลยสักครั้ง แม้แต่ในภาคมาครอสเซเว่นในฉากสุดท้ายที่ทุกคนโดนยิงร่วงกันเป็นว่าเล่นแต่เฮียแม็กซ์ก็ขับเครื่องหลบหลีกได้สะบายๆ ขนาดพระเอกอย่างบาซาร่าที่ว่าขับวาลคีรี่ไปร้องเพลงไปได้ก็ยังโดนเสียบจนเครื่อง VF-19 Fire  Valkyrie ยังระเบิดเป็นชิ้นๆไปด้วยซ้ำ รวมไปถึงภาคเดลต้าหนังใหญ่ Zettai Live ก็มีฉากที่เฮียแม็กซ์(ซึ่งอายุน่าจะเกิน80ไปแล้ว)ซ้อมรบกับพวกหลานๆเจนแซด ก็ยังไม่มีใครยิงแกโดนสักคน เรียกได้ว่าบินให้เด็กมันดูหน่อยละนะ

 


3. เฮียแม็กซ์เป็นสุดยอดปาป๋า

นอกจากความเป็นนักบินอัจฉริยะแล้วแกยังมีความเป็นแฟมิลี่แมนสูงด้วย ในภาคแรกจะมีฉากที่ฮิคารุกับมิสะจะไปเยี่ยมบ้านของแม็กกับมิเรีย เฮียแกก็ถามว่าหัวหน้าอยากกินอะไรบอกมาได้เลย ผมทำได้หมดแหละ อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่งอิตาลี่อะไรก็ว่ามา จะเห็นได้ว่าแกเป็นผู้ชายที่ทำกับข้าวกับปลาเป็น(รู้สึกเหมือนว่าจะเคยทำงานพิเศษในร้านอาหารมาก่อนด้วยนะ) เรียกได้ว่าใครได้เป็นสามีนี่สะบายไปทั้งชาติแหละ เฮอๆ แถมยังเป็นพ่อลูกดกมีลูกสาวตั้งเจ็ดคน (ตรงนี้ก็มีคนว่าเพราะเลือดพวกเมลทราดี้น่าจะข่มเลือดของมนุษย์โลก ถ้าผู้ชายมนุษย์โลกแต่งงานกับเมลทราดี้ก็จะได้แต่ลูกสาว เท็จจริงประการใดไม่ทราบแต่เท่าที่ดูในเรื่องก็มีลูกๆของแม็กซ์กับมิเรีย7คนเป็นลูกสาวหมด รันกะ มิราจก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น) แถมดูๆไปแล้วลูกสาวคนสุดท้องอย่างมิเลนก็ยังสนิทสนมกับปาป๋าแม็กซ์มากกว่ามาม๋ามิเรียด้วยซ้ำ อย่างตอนที่แอบตามบาซาร่าไปเจอเขากำลังพยายามร้องเพลงปลุกซิวิลอยู่ แทนที่มิเลนจะไปฟ้องแม่ที่เป็นนายกเทศมนตรีแต่กลับไปบอกพ่อแทนอะนะ แถมในภาคเดลต้าเฮียแกก็ยังอุตส่าห์แบกสังขารกลับมาช่วยหลานมิราจตอนกำลังเดือดร้อนด้วย


    ลูกสาวทั้งเจ็ดคน(ก็น่าจะล้อเลียนคนแคระทั้งเจ็ดของสโนไวท์แหละ) ก็จะมีรายชื่อกับปีเกิดดังนี้

   1. Komilia Maria Fallyna Jenius - 2011 (เป็นลูกครึ่งมนุษย์โลกกับเมลทราดี้คนแรก ในซีรี่ย์มาครอสภาคแรกจะได้เห็นตอนยังเป็นทารกอยู่)
   2. Miracle Jenius - 2017
   3. Muse Jenius - 2022 (ฝาแฝด)
   4. Therese Jenius - 2022 (ฝาแฝด)
   5. Emilia Jenius - 2024 (จะโผล่มาในมาครอสเซเว่นภาคหนังใหญ่ The Galaxy is calling me )
   6. Miranda Jenius - 2026 (คนนี้คือแม่ของมิราจครับ ในรูปคือคนที่จับเบาะอยู่มุมล่างซ้ายนะ)
   7. Mylene Flare Jenius - 2031 (ลูกสาวคนสุดท้องนางเอกจอมเหวี่ยงในมาครอสเซเว่น สังเกตุว่าหล่อนแหกคอกผมสีชมพูอยู่คนเดียว ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)

นอกจากนี้ก็ยังมีรับลูกบุญธรรมอีกคนคือ Moaramia Fallyna Jenius (น่าจะเป็นเนื้อหาในเกม) แล้วก็มีหลานที่ทราบชื่ออีกหนึ่งคนคือ Mirage Farina Jenius ลูกสาวของมิรันดาเกิดปี 2049 ขอรับ

(ลูกๆของแม็กซ์กับมิเรียถ้าไม่มีบทในอนิเมะก็จะมีบทบาทในเกมหรือนิยายภาคแยกครับ)

 

4. เฮียแมกซ์เป็นคนรักเดียวใจเดียว

 พระเอกมาครอสนี่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโลเลไม่รู้จะเด็ดบัวตูมบัวบานอยู่นั่นนะแหละ แต่เฮียแม็กซ์ไม่ใช่คนแบบนั้น ตั้งแต่เห็นมิเรียที่ร้านเกมอาเขตแกก็รู้ตัวเลยว่านี่คือรักแรกพบ แล้วก็ขอเดทขอแต่งงานทันทีเลยด้วย(คนเลยมักจะจำว่าแกเป็นมนุษย์โลกคนแรกที่แต่งงานกับมนุษย์ต่างดาว) เรียกได้ว่าไม่ใช่ผู้ชายประเภทเจ้าชู้คบสาวๆไปทั่วจนเลือกไม่ถูกแน่ๆ (ทั้งๆที่แกหล่อเลือกได้อะนะ) ถึงแม้หลังจากนั้นจะมีข่าวลือว่าทั้งคู่ระหองระแหงกันมีข่าวว่าจะหย่ากันไม่รู้กี่รอบ (ทั้งในภาค Macross 7 และภาค Delta แถมมีข่าวว่าแอบมีเมียน้อยในมังงะ Macross 7 Trash ซะอีก) แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ข่าวลือนะแหละ  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าแกนับถือคริสต์คาโทริกก็เลยอาจจะหย่าไม่ได้หรือไม่อยากจะหย่าเองก็ได้อะนะ (อนึ่งถ้านับตามไทม์ไลน์การสร้างซีรี่ย์มาครอส เฮียแมกซ์จะจัดว่าเป็นคนยุคเบบี้บูมเมอร์ซึ่งก็เป็นคนยุคที่มีความอดทนสูง ไม่ใช่เอะอะทะเลาะกันก็หย่ากันง่ายๆเหมือนคนยุคนี้แหละนะ) 

 

ก็เอาเป็นว่าที่ได้กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงคิดว่าเฮียแมกซ์นี่แหละคือพระเอกตัวจริงของซีรี่ย์มาครอส ไม่รู้ว่าภาคที่กำลังจะสร้างใหม่นี่จะยังมีบทของแกอยู่ด้วยหรือเปล่าแต่ก็อยากให้แกยังอยู่อะนะ ว่าที่จริงตอนแรกผมคิดว่าคาแร็คเตอร์ของเฮียแมกซ์น่าจะได้รับอิทธิผลจาก Pete Mitchell จากเรื่อง Top Gun ที่เฮียทอมครุยซ์เล่นหรือเปล่า เพราะก็เป็นคนหล่อใส่แว่นกันแดดขับเครื่องบินรบเก่งเหมือนกัน แต่พอไปดูปีที่หนัง Top Gun ฉายปรากฎว่าหนังเข้าโรงปี 1986 ส่วนมาครอสภาคแรกฉายปี 1982 เลยกลายเป็นว่า Pete Mitchell นั่นแหละที่อาจจะได้อิทธิพลจากเฮียแมกซ์แทน !! (ความเห็นส่วนตัวนะเท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน) สำหรับใครที่อยากรู้จักเฮียแมกซ์ให้มากขึ้น แนะนำให้หามาครอสภาคแรกฉบับที่ฉายทีวีมาดูก็จะรู้ว่าเฮียแกเก่งแกอัจฉริยะขนาดไหนละนะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอขอบคุณสำหรับการติดตามรับชมนะครับ


ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2567

Anime No.32 : Campfire Cooking in Another World with My Absurd Skill とんでもスキルで異世界放浪メシ スイの大冒険

 สวัสดีครับ ต่อเนื่องเรื่องการทำอาหารกันต่อเลยดีกว่า สำหรับวันนี้ก็ขอแนะนำอนิเมะแนวต่างโลกที่เกี่ยวกับการทำอาหารชื่อว่า Campfire Cooking in Another World with My Absurd Skill とんでもスキルで異世界放浪メシ スイの大冒険 (ชื่อภาษาไทยว่า"สกิลสุดพิสดารกับมื้ออาหารในต่างโลก"  ชื่อยาวเฟื้อยอีกตามเคยตามสไตล์แนวต่างโลก) เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาลองดูกันครับ

 


Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ มุโคดะ สึโยชิ ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมายังต่างโลกแต่กลับมีแค่สกิล"เน็ตซูเปอร์"ที่ดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการต่อสู่กับจอมมาร ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจจะขอตัวออกจากปาร์ตี้ผู้กล้าไปใช้ชีวิตสโลไลฟ์ที่ชายแดนแทน ระหว่างทางเขาได้พบกับ เฟล สัตว์เทพในตำนานที่อยากกินอาหารที่มุโคดะทำจนถึงขั้นขอทำสัญญาเป็นอสูรรับใช้ ทั้งคู่จึงออกเดินทางไปแสวงหาวัตถุดิบใหม่ๆในการทำอาหารนั่นเอง



 


ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นสำหรับสกิล"เน็ตซูเปอร์"ที่ว่าก็คือ interNet Supermarket ซึ่งก็หมายถึงการสั่งของออนไลน์นะแหละ พูดง่ายๆเรื่องนี้ก็คือเน้นขายของนะแหละครับ ไทอินทั้งซอสทั้งของกินของหวาน คาดว่าน่าจะได้สปอนเซอร์จากเน็ตซูเปอร์ของห้างอีออนในญี่ปุ่นละครับ พระเอกก็สามารถสั่งของกินของใช้จากโลกของเราไปใช้ในต่างโลกได้ จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าขายของตรงๆเลยมันก็ได้

ข้อด้อย :

     ถ้าไม่นับการขายของตรงๆของสกิลเน็ตซูเปอร์แล้วละก็ เนื้อเรื่องก็แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยนอกจากการไปล่ามอนสเตอร์ของเฟลเพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารโดยใช้ซอสที่สั่งจากเน็ตซูเปอร์นี่แหละ จะว่าออกจะน่าเบื่อไปหน่อยก็คงจะได้

    อย่างไรก็ดี ด้วยที่ว่าเนื้อหามันไม่ได้ยากจนเกินไป มีมุขตลกแทรกสอดอยู่บ้าง ก็เลยอาจจะเหมาะให้เด็กๆดูได้ ไม่มีพิษมีภัยอะไรมากมาย อาหารที่ทำก็วาดออกมาได้น่ากินดี เห็นแล้วก็อาจจะอยากลองสั่งซอสมาลองทำอาหารดูบ้างก็ได้ ก็หวังว่าซีซันสองอาจจะมีอาหารใหม่ๆหรือมีเนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้นก็ได้นะครับ

    

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567

Anime No.31 : Koufuku Graffiti 幸腹グラフィティ

 สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ก็จะมาในทีมของอนิเมะแนวกินแหลกในสไตล์สบายๆชิลๆของเหล่าสาวน้อยจากเรื่อง Koufuku Graffiti 幸腹グラフィティ (ชื่อภาษาไทย สาววัยใสหัวใจนักชิม) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

     เรื่องราวของ เรียว มาจิโกะ สาวน้อยม.ต้นผู้สูญเสียคุณยายไปได้ไม่นาน ทำให้เธอรู้สึกว่าทำกับข้าวกับปลาได้ไม่อร่อยเหมือนเคยจนอาจจะเป็นเจ้าสาวที่ดีในอนาคตไม่ได้ จนกระทั้งวันหนึ่ง คิริน มาริโนะ ลูกพี่ลูกน้องผู้ที่อายุเท่าๆกับเรียวตัดสินใจอยากจะสอบเข้าเรียนม.ปลายโรงเรียนศิลปะที่โตเกียวเลยต้องเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนพิเศษที่เดียวกับที่เรียวเรียนอยู่ทุกวันอาทิตย์ ทั้งคู่จึงได้ทำความรู้จักกันผ่านทางการเรียนรู้การทำอาหารต่างๆนาๆด้วยกันนั่นเอง



 

ความคิดเห็น :

     เรื่องนี้ดูแล้วก็เป็นแนวชีวิตประจำวัน เรื่อยๆเปื่อยๆ ไม่ได้มีแอคชันดราม่าอะไรมากมาย เหมาะสำหรับดูคลายเครียดฆ่าเวลาก็ว่าโอเคละครับ ในเรื่องก็จะเป็นโชว์สกิลการทำอาหารแนวที่คนญี่ปุ่นทำกินกันในบ้านทั่วๆไปของเรียวนั่นแหละครับ ดูแล้วก็อาจจะหิวๆอยากจะลองทำกินดูบ้างก็ได้ คาดว่าเป็นเมนูที่ไม่ยากเกินไปสำหรับคนทั่วไป

ข้อด้อย :

    เนื้่อเรื่องดูจะเอื่อยๆไปสักนิด บางทีก็ใส่ฉากเซอร์วิสเข้ามาทั้งที่ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่โดยรวมก็ว่าเป็นอนิเมะที่ยังถือว่าดูได้สนุกดีละครับ อาหารก็วาดออกมาดูสมจริงน่ากินทีเดียวเลยอาจจะไม่เหมาะกับคนที่กำลังอดอาหารลดน้ำหนักอยู่ก็ได้ เดี๋ยวจะตบะแตกเอา

    โดยรวมก็เป็นอนิเมะแนวใสๆทำอาหารไปกินไปอร่อยจุงเบย ตัวละครก็น่ารักดี จะว่าเป็นแนวยูริก็คงจะได้เพราะไม่มีตัวละครชายเลย ถ้าไม่รวมฉากเซอร์วิสก็ถือว่าดูได้ทุกเพศทุกวัยละนะครับ ยังไงก็ลองหามาดูกันได้นะครับ


ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->



 

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567

Anime Special 7 : จงฟังเพลงของฉันซะ !! 俺の歌を聴け!!

 สวัสดีครับ วันนี้ก็เป็นการกลับมาเขียนถึงอนิเมะเรื่องโปรดของผมอีกครั้งครับ นั่นก็คือซี่รี่ย์มาครอสนั่นเอง สำหรับมาครอสนั้นจะต้องมีองค์ประกอบของ สงคราม รักสามเศร้า และเสียงเพลง สำหรับวันนี้ผมว่าจะลองมาชวนผู้อ่านทุกท่านมาฟังเพลงจากซีรีย์มาครอสกัน โดยผมจะเลือกเพลงที่ผมคิดว่าเด่นที่สุดในแต่ละภาค(เน้นเฉพาะ4ภาคหลักที่เป็นซีรีย์ฉายทางทีวีนะครับ) มาลองฟังกันดูนะครับ

*** Spoiler Alert : เช่นเคยจะมีการสปอยล์เนื้อหาหน่อยๆ ใครยังไม่ได้ดูมาครอสก็ไปดูให้ครบก่อนก็ได้นะครับ


1. Macross ภาคแรก

    สำหรับมาครอสภาคแรก เสียงร้องของลินน์มินเมย์(นักร้องตัวจริงคือคุณมาริ อิจิม่า)เป็นเสียงใสๆวัยรุ่นชอบ(วัยรุ่นสมัยนั้นอะนะ) ส่วนตัวผมว่าคาแร็คเตอร์ลินน์มินเมย์น่าจะได้รับอิทธิพลจากเติ้งลี่จวินมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะสมัยนั้นคุณเติ้งลี่จวินก็ไปร้องเพลงญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันแล้วก็ดังมากๆด้วย จริงเท็จเช่นไรผมก็หาหลักฐานอะไรไม่ได้เป็นแค่ข้อสันนิษฐานส่วนตัวนะครับ

    สำหรับเพลงที่ผมเลือกมาหนึ่งเพลงสำหรับภาคนี้ก็คือเพลง 私の彼はパイロット Watashi no kare wa pilot (My Boyfriend Is A Pilot แฟนหนูเป็นนักบิน) เนื้อหาจะเป็นแนวพ่อแง่แม่งอน ประมาณว่าแฟนของฉันเป็นนักบินแต่เขารักเครื่องบินของเขามากกว่าฉันเสียอีก ในซี่รี่ย์จะเป็นเพลงเดบิวท์ของลินมินเมย์แล้วก็น่าจะเป็นเพลงที่มีคนเอามาโควเวอร์ภายหลังมากที่สุดในซี่รี่ย์มาครอสก็ว่าได้ (เท่าที่จำได้ก็มีมิเลนที่ร้องตอนไปถ่ายหนัง รันก็กะก็เอาไปร้องตอนประกวดมิสมาครอสฟรอนเทียร์ แล้วก็แม้แต่เอ็กเซดอนก็เคยลุกขึ้นมาร้องเพลงนี้เหมือนกัน) ลองมาฟังกันดูครับ

 


2.Macross Seven

    สำหรับมาครอสเซเว่นจะเป็นแนวร็อค ออกๆแนวร็อคแบบยุค60-70 เสียงร้องของเนคคิบาซาร่าจะเป็นคุณโยชิกิ ฟุคุยามา(ผมเห็นแกแล้วก็นึกถึงพี่เสกโลโซทุกทีอะนะ) เสียงร้องของมิเลนจีเนียสนี่ก็เป็นคุณจิเอะ คาจิอุระ สำหรับตัวเนคคิบาซาร่าตอนแรกดีไซน์จะไม่มีแว่นตาแต่ดูเหมือนผู้กำกับจะเปลี่ยนให้ใส่แว่นกลมๆบวกกับนิสัยที่บาซาร่าเป็นคนที่เกลียดสงครามความขัดแย้งด้วยแล้วมันก็ทำให้ผมคิดว่าต้นแบบของบาซาร่านี่ก็คงไม่ใช่ใครแต่เป็นคุณ John Lennon เป็นแน่แท้ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะ) แถมให้อีกนิดนึง ผมเคยอ่านเจอว่าทางผู้กำกับ โชจิ คาวาโมริ เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหนสักแห่งว่าแกพอใจในคาแร็คเตอร์ของเนคคิบาซาร่ามากๆ และคิดว่าคงจะไม่สร้างซีรี่ย์มาครอสที่มีตัวเอกเป็นนักร้องชายอีกแล้วเพราะคงจะสร้างคาแร็คเตอร์ที่เหนือกว่าบาซาร่าอีกไม่ได้อีกแล้วละ เท็จจริงประการใดไม่ทราบแต่ทุกวันนี้นักร้องชายคนเดียวในซีรี่ย์มาครอสก็มีแต่บาซาร่านี่แหละ

    ว่าแล้วเพลงที่ผมเลือกมาสำหรับมาครอสเซเว่นก็คือเพลง Remember 16 เนื้อหาจะเป็นการระลึกความหลังความรักครั้งเก่าคำสัญญาที่ยังไม่ลืม เพลงนี้จะเป็นเพลงที่บาซาร่าแต่งขึ้นเพื่อจะใช้ดึงความทรงจำของทหารที่โดนพวกโปรโตเดวิลล้างสมองให้เป็นนักบินฝั่งตัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นเพลงที่เล่นตอนที่แกมลินเอาของขวัญที่ฟิสิก้าฝากไว้ไปให้เมียแล้วพบว่าเธอมีผัวใหม่ไปแล้ว เรียกได้ว่าอารมณ์เพลงมาเต็มๆ นอกจากนี้จะมีร้องในเวอร์ชันอะคูสติกในเวอร์ชั้นหนังใหญ่ Macross 7 The Movie : Ginga ga ore wo yondeiru  หรือแม้แต่ในมาครอสเดลต้าก็จะมีฉากที่เด็กๆร้องเพลงนี้ส่งวิญญาณให้กับเมสเซอร์เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นเพลงคลาสสิคเพลงนึงของมาครอสเลยก็ว่าได้


3. Macross Frontier 

    ภาคนี้เรียกได้ว่าจัดไอดอลสองคนไปเลยทีเดียว เสียงร้องของเชอริลก็คือคุณ May'n ส่วนของรันกะก็คือคุณเมกุมิ นากาจิมะ(รู้สึกว่าคุณเมกุมิจะทั้งร้องและพากย์ด้วยนะ) ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นภาคที่มีเพลงไพเราะมากแทบทุกเพลง สมัยฉายใหม่ๆดังๆนี้่สาวคนไหนที่ว่าร้องเพลงเก่งเวลาไปคาราโอเกะก็ต้องร้องเพลง Lion ไม่ก็ Northern Cross เป็นการข่มขวัญกันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเพลงที่ทั้งเร็วทั้งต้องใช้พลังและก็ร้องยากมากๆด้วย  ส่วนตัวผมว่ามาครอสฟรอนเทียร์มันเหมือนกับการเอามาครอสภาคแรกมารีเมคใหม่เสียมากกว่า บทบางตอนถ้าเคยดูมาครอสภาคแรกจะรู้เลยว่าเขาล้อเลียนตอนนี้นี่หว่า สำหรับคาแร็คเตอร์ของเชอริลน่าจะได้อิทธิพลจากเจ๊มาดอนน่าผสมๆกับเทเลอร์สวิฟนะแหละ  ส่วนของรันกะก็น่าจะเป็นไอดอลสาวญี่ปุ่นทั่วๆไปนะแหละนะ

    สำหรับเพลงภาคนี้ที่ผมจะเลือกมาก็คือเพลง Aimo Tori no Hito (ไอโมมนุษย์นก)ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพลงกล่อมเด็กเพลงเดียวที่รันกะจำได้ เนื้อหากล่าวถึงทะเลท้องฟ้าและมนุษย์ที่เมื่อก่อนเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ผมชอบเพลงนี้เพราะจริงๆแล้วมันเพลงที่เชื่อมมาครอสฟรอนเทียร์กับมาครอสเซโร่เข้าด้วยกัน คนที่สอนเพลงนี้ให้รันกะน่าจะเป็นมาโอะโนมซึ่งตอนนั้นก็เป็นคุณยายของเชอริลด้วย ดูแล้วก็น่าจะเป็นเพลงของชนเผ่ามายันนะแหละ แล้วมันก็สำคัญมากถึงขนาดเวอร์ชันหนังใหญ่เขาก็เขียนบทให้เชอริลเองก็ร้องเพลงนี้ได้ด้วย มาลองฟังกันครับ


      

4.Macross Delta

    มาครอสเดลต้านี่ก็เอาเป็นวงไอดอล 5 คนไปเลย แต่ที่เด่นๆจริงๆจะเป็นนางเอกเฟรย่าวีออนซึ่งได้เสียงพากย์และเสียงร้องโดยคุณมิโนริ ซูซูกิ(เข้าใจว่าสำเนียงแปลกๆของเฟรย่าน่าจะเป็นสำเนียงไอจิของเธอนะแหละ แถมคุณมิโนรินี่ก็ชอบแอปเปิลมากๆเหมือนกับเฟรย่าด้วย รู้สึกว่าเธอจะได้รับเลือกบทเฟรย่าจากผู้สมัครออดิชันตั้งเกือบ8000คนเชียวนะ) ส่วนอีกคนก็คือมิกุโมะที่ได้เสียงร้องของคุณ JUNNA ที่มีเสียงที่เข้มแข็งลุ่มลึกดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ สำหรับต้นแบบของวง Walkure ส่วนตัวผมว่าน่าจะเป็นวงไอดอลหญิงที่มีการให้แต่งตัวแบบสีใครสีมันเหมือนพวกขบวนการมนุษย์ไฟฟ้าซูเปอร์เซ็นไต เท่าที่ผมนึกออกก็คงจะเป็นวง Momoiro Clover Z ละนะ

    สำหรับเพลงที่ผมจะเลือกมาจากภาคนี้ก็คือเพลง いけないボーダーライン  Ikenai BorderLine ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงเปิดตัวของวง Walkure ก็ว่าได้  จริงๆแล้วเนื้อหาของเพลงมันออกจะสองแง่สองง่ามหน่อยๆแหละ ตรงท่อนฮุกที่ว่าด้วยเรื่องของจุด G ซึ่งมันก็หมายถึงจุดนั้นของผู้หญิงหรืออาจจะหมายถึงแรง Gravity ที่นักบินทนได้ก่อนจะสลบอะนะ ฉนั้นแล้วทำไมพวกวินเดอร์เมียร์ถึงได้บอกว่าเพลงของพวกวาลคิวเร่นั่นแสนจะต่ำช้า ถ้าคนดูไม่รู้ความหมายของเพลงก็อาจจะงงๆก็ได้ว่ามันไปไม่ชอบอะไรตรงไหนกัน ว่าแล้วก็ลองฟังดูนะครับ


     จริงๆในมาครอสแต่ละภาคก็มีเพลงหลักเพลงเสริมที่น่าฟังทุุกเพลงละครับ แต่ที่นำเสนอในวันนี้เป็นเพลงที่ผมคิดว่ามีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องด้วยแล้วถ้าคนดูไม่รู้ความหมายของเพลงเลยก็อาจจะขาดอรรถรสในการรับชมไปบ้างก็เลยเลือกมานำเสนอ ถ้ามีโอกาศหน้าผมจะมาเขียนกับเพลงอื่นๆที่ผมชอบอีกนะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามรับชมนะครับ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567

Anime No.30 : Mieruko-chan 見える子ちゃん

 สวัสดีครับ ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับประเทศไทย จะว่าไปช่วงหน้าร้อนที่ญี่ปุ่นนอกจะมีอีเว้นท์ไปเที่ยวทะเลเที่ยวภูเขาเที่ยวงานเทศกาล ก็ยังเป็นช่วงที่รายการเล่าเรื่องผีชอบออกอากาศตอนดึกๆด้วย ว่ากันว่าพอฟังเรื่องสยองขวัญแล้วเกิดอาการเสียวสันหลังแล้วจะรู้สึกเย็นๆคลายร้อนได้(ซึ่งผมก็ว่ามันอีหยังหว่าอยู่เหมือนกัน) วันนี้ก็เลยขอรีวิวเรื่องผีๆกับเรื่องนี้เลยครับ  Mieruko-chan 見える子ちゃん (ชื่อภาษาไทยว่า มิเอรุโกะจัง ใครว่าหนูเห็นผี) เรื่องราวจะสยองขวัญสั่นประสาทเช่นไรมาลองดูกันครับ เฮอๆๆ

Source : https://mierukochan.jp/


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

     เรื่องราวของ มิโกะ โยทซึยะ สาวน้อยม.ปลายธรรมดาทั่วไปที่จู่ๆวันหนึ่งเธอเกิดเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นขึ้นมาได้ นั่นคือเหล่าภูตผีวิญญาณทั้งหลาย ด้วยความกลัวว่าคนรอบข้างรวมถึง ฮานา ยูริคาวะ เพื่อนสนิทจะตกใจกลัวไปด้วย เธอจึงตัดสินใจจะไม่บอกใครว่าเธอเห็นผีได้ แต่กลับทำเป็นเมินเฉยพวกมันราวกับว่าเธอไม่ได้เห็นพวกมันแต่ด้วยความน่ากลัวของเหล่าผีๆที่เธอได้เจอ บางครั้งมันก็อดจะร้องไห้ออกมาไม่ได้เหมือนกัน เรื่องราวจึงเป็นการดำเนินชีวิตของคนเห็นผีที่ต้องอยู่ร่วมกับสิ่งที่ไม่ควรมองเห็นนี่เอง

 


ความคิดเห็น :

     เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวมเรื่องเล่าสยองขวัญที่มักจะได้ยินในรายการเล่าเรื่องผีของญี่ปุ่นเอาไว้นะแหละ ว่าที่จริงดูเหมือนคนไทยกับคนญี่ปุ่นนี่จะคิดเหมือนกันว่าเวลาได้ยินได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็ให้เงียบๆทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเอาไว้อย่าไปทักไม่งั้นของจะเข้าตัว อย่างไรก็ดีตัวเนื้อเรื่องไม่ได้เน้นที่ความสยองขวัญเท่าไรแต่ออกเป็นแนวคอมเมดี้ตลกนิดๆเสียมากกว่า ฉากแบบฆ่ากันเลือดสาดก็ไม่มี(ยกเว้นฉากที่ผีกินกันเอง)แต่ที่ได้เรท18+เพราะมันดันไปเน้นที่ฉากวาวหวิบหรือเรือนร่างของสาวๆซะอะนะ

 ข้อด้อย:

    ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขามาเที่ยววัดไทยแล้วเอาพวกรูปปั้นเปรตพวกสัมภเวสีไปเป็นแรงบันดาลใจหรือเปล่าเพราะดูแล้วมันออกแนวนั้นนั่นแหละ แต่เพราะมันเป็นอนิเมะก็เลยไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น(อาจเพราะผมโตมากับหนังโหดๆแหวะๆอย่าง HellRaiser เฟรดดี้ครูเกอร์ เจสันยังไม่ตาย จูออน the ring ก็เลยไม่ได้กลัวแนวผีเปรตผีโผล่อะไรแบบนี้เท่าไรอะนะ)แต่ถ้าให้เด็กน้อยดูแล้วก็อาจจะกลัวก็ได้ เรื่องนี้เลยไม่เหมาะสำหรับเด็กละนะครับ

    กล่าวโดยสรุปได้ว่าเรื่องนี่เป็นแนวคนเห็นผีที่ดูได้สนุกดี เนื้อเรื่องไปเรื่อยๆแต่ก็มีหักมุมเหนือความคาดหมายอยู่เหมือนกัน หลายตอนดูแล้วก็ประทับใจดีมีข้อคิดแฝงอยู่ด้วยเหมือนกัน ตัวละครก็น่ารักดี ดูไปแล้วก็อดสงสารมิโกะจังไม่ได้ ถ้าใครเบื่อๆแนวไปต่างโลกแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาดูแนวภูติผีวิญญาณที่ไม่สยองจนเกินไปก็ขอแนะนำเรื่องนี้ละนะครับ ดูแล้วก็ขอให้นอนหลับฝันดีอย่าได้เห็นผีกันก็แล้วกันนะครับ เฮอๆๆๆๆ 

Official Anime Website -> https://mierukochan.jp/

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.29 : Super Spacetime Fortress Macross 超時空要塞マクロス

 สวัสดีครับ ในที่สุดก็มาถึงการรีวิวซีรี่ย์มาครอสภาคที่เหลืออยู่เป็นภาคสุดท้าย นั่นก็คือมาครอสภาคแรก Super Spacetime Fortress Macross 超時空要塞マクロス ผมจำได้ว่าเคยดูเรื่องนี้สมัยตอนยังเป็นเด็กๆ ตอนนั้นน่าจะเอามาฉายที่ช่อง 5 แต่เปลี่ยนชื่อเป็น Robotech เป็นการเอามาครอสไปย้อมขาว(White Washing)ที่อเมริกาแบบที่ชอบทำกับอนิเมะหรือเกมที่มาจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นน่ะแหละ จำได้ว่าพระเอกดันชื่อว่าริคฮันเตอร์ไม่ใช่อิจิโจฮิคารุ ส่วนเนื้อหานี่เรียกได้ว่าจำอะไรไม่ได้เท่าไร(เพราะยังเด็กมากอยู่แหละ)จำได้ว่ามันเป็นเรื่องของรักสามเศร้า มีอาหมวยร้องเพลง มีเครื่องบินที่แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ แล้วก็มีมนุษย์ต่างดาวยักษ์บุกโลก ว่าแล้วเราก็มาดูรายละเอียดกันดีกว่าครับ


 

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

     เรื่องเริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ 1999 เมื่อมียานอวกาศขนาดยักษ์ตกลงมาบนโลก เมื่อสหประชาชาติ U.N Spacy ได้เข้าไปตรวจสอบจึงได้ทราบว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว จึงได้ทำการฟื้นฟูและศึกษาเทคโนโลยี่ต่างๆที่อยู่ในยานเพื่อนำมาพัฒนายุทโธปกรณ์ของตัวเอง เวลาผ่านไปถึงปี 2009 ในงานเปิดตัวยานที่ฟื้นฟูเสร็จ(ให้ชื่อว่า Macross SDF-1) ฮิคารุ อิจิโจ นักบินผลเรือนก็ได้เข้าป่วนงาน ตอนนั้นเองยานมาครอสก็จับสัญญานการรุกรานจากห้วงอวกาศได้จึงทำการยิงปืนใหญ่ใส่กลุ่มกองยานอวกาศ การปะทะกันกับมนุษย์ต่างดาวจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จับพลัดจับผลูฮิคารุก็ได้ขับเครื่องบินรบที่ถูกพัฒนาให้แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ Valkyrie VF1  ระหว่างความวุ่นวายฮิคารุได้ไปช่วย ลินน์ มินเมย์ หลานสาวเจ้าของร้านอาหารจีนเข้า ตอนที่จะพามินเมย์อพยพเข้ายานมาครอสนั่นเองที่เขาได้พบกับ มิสะ ฮายาเสะ โอเปอเรเตอร์สุดเฮียบของมาครอส เมื่อทั้งคู่เข้ามาในมาครอสได้กัปตันก็ได้สั่งให้ทำการโพล์ด(วาร์ป)หนีแต่เพราะไม่เคยทำการโพล์ดมาก่อนจึงเกิดการผิดพลาดไปโผล่ที่ดาวพลูโต ยานมาครอสจึงต้องหาทางกลับมายังโลกให้จงได้นั่นเอง

 



ความคิดเห็น :

    ต้องบอกว่ามาครอสเป็นอนิเมะแนวไซไฟเรื่องแรกที่ผมดูแล้วประทับใจ เพราะอนิเมะแนวหุ่นยนต์สู้รบสมัยนั่นก็มีไม่ใช่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวสู้กันลูกเดียว ตัวดีก็ดีตัวร้ายก็ร้าย (ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงพวก Transformers หรือกันดัมนะแหละครับ) แต่มาครอสนี่มาแปลกคือนอกจากเป็นแนวสงครามอวกาศแล้วยังใส่ความเป็นรักสามเศร้า ทำให้เราลุ้นไปกับฮิคารุว่าเขาจะเลือกใครระหว่างสาวน้อยไอดอลมินเมย์หรือคุณป้าสายทหารอย่างมิสะ นอกจากนี้ยังใส่เสียงเพลงเพราะๆของคุณ มาริ อิจิมะ มาร้องเป็นลินน์มินเมย์อีก (ส่วนแนวเพลงในภาคนี้จะเป็นแนว City Pop แนวดนตรีสังเคราะห์มีเสียงเบสหนุมหนับชัดเจนเรียกได้ว่าเป็นแนวตะวันตกที่ฮิตในยุคสมัยนั้นนะแหละ ถ้าเทียบกับบ้านเราก็น่าจะเป็นวงคอมโบสตริงอย่าง The Impossible หรือ Pink Panther นั่นแหละนะ) เรียกได้ว่ามาครอสเป็นอะไรที่ผสมทุกอย่างอย่างลงตัว ดูแล้วก็ไม่น่าเบื่อ คนที่ไม่ได้ชอบไซไฟจ๋าก็พอดูได้ละครับ

ข้อด้อย:

    เนื่องจากมาครอสภาคแรกนี่ฉายประมาณปี 1982 ซึ่งมันก็เก่ามากๆแล้ว ถ้าไปดูในแบบซีรี่ย์บางทีจะเห็นรอยแผ่นอครีลิกที่เขาวาดภาพลงไปด้วยซ้ำไป ภาพตัวละครบางทีก็วาดมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร  พล็อตเรื่องบางอย่างก็ดูตลกๆไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ถ้าใครขี้เกียจดูก็ให้ดูภาคหนังใหญ่ Macross : Do you remeber love ? เอาก็ได้ (ผมคิดว่าตอนที่เขาสร้างภาคซีรีย์นี่ผู้กำกับอาจจะยังอายุน้อยก็เลยเขียนบทขาดๆเกินๆไปนิด พอเขาทำหนังใหญ่ก็เลยเอาโครงเรื่องเดิม ตัดมุกตลก ตัดบทที่ไม่สำคัญออกไปแล้วเขียนบทให้สมจริงสมจังนะแหละ มันเลยกลายเป็นธรรมเนียมสำหรับมาครอสในภาคต่อๆมาที่จะมีภาคหนังใหญ่ที่บทก็คล้ายๆกับภาคซีรีย์อาจจะแค่ปรับบทหรือเพิ่มเพลง พอน้องๆหนูๆที่ไม่เข้าใจมาดูก็จะบ่นว่าทำไมมันเหมือนกับที่ดูในซีรีย์เลยไม่เห็นต่างอะไรอะนะ)

    สำหรับภาคหนังใหญ่ Do you remember love อีกสิ่งที่สุดยอดคือมันเป็นการวาดด้วยมือทั้งหมดเพราะสมัยนั้นยังไม่มีCGอะไรทั้งนั้น จะเห็นความสุดยอดของอนิเมะไซไฟยุค80-90ที่สมัยนี้แทบไม่มีใครทำกันแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ความลึกของเนื้อหาก็ให้ลองดูเวอร์ชันซีรี่ย์ฉายทีวีนะครับ อย่างเช่นเรื่องของเฮียแม็กสมัยหนุ่มๆว่าเก่งกาจขนาดไหนแล้วไปได้กับมิเรียได้ยังไง(ซึ่งในเวอร์ชันหนังใหญ่ตัดออกไปเกือบหมดละนะ)  อีกอย่างตอนผมเด็กๆดูเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ชอบวาลคีรี่ชอบมาครอสไปตามประสาเด็กน้อย แต่พอเป็นผู้ใหญ่แล้วมาดูอีกรอบกลายเป็นว่าเรื่องนี้มันซ่อนมุกอะไรๆที่มีแต่ผู้ใหญ่ดูแล้วถึงจะขำอยู่พอสมควร รวมถึงความลึกซึ้งที่เด็กๆดูไปก็คงไม่เข้าใจ     

    ว่าที่จริงมาครอสนี่มีอะไรลึกซึ้งซ่อนๆไว้อีกเพียบ ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะเขียนถึงอีกทีหลังนะครับ  

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.28 : Kaguya-sama: Love Is War かぐや様は告らせたい ~天才たちの恋愛頭脳戦~

 สวัสดีครับ เนื่องในโอกาสเดือนแห่งวันวาเลนไทน์ ถ้าให้นึกถึงอนิเมะเรื่องราวรักๆใคร่ๆที่อยากจะแนะนำสำหรับวันแห่งความรักแล้วละก็ ให้นึกไวๆตอนนี้ที่นึกออกก็คือเรื่อง Kaguya-sama: Love Is War  かぐや様は告らせたい ~天才たちの恋愛頭脳戦~ (ชื่อภาษาไทย"สารภาพรักกับคุณคางุยะซะดี ๆ ~สงครามประสาทความรักของเหล่าอัจฉริยะ~ ")ละครับ เพราะว่าพึ่งดูไปหมาดๆ แถมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันคล้ายๆกับชีวิตผมสมัยมัธยมปลายยังไงชอบกล จะเป็นยังไงมาลองดูกันครับ


Source : https://dubbing.fandom.com/wiki/Kaguya-sama:_Love_is_War

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

         เรื่องราวความรักวุ่นๆในโรงเรียนชูจิิอิงระหว่างประธานนักเรียนหนุ่ม มิยุคิ ชิโรกาเนะ กับรองประธานนักเรียนสาว คากุยะ ชิโนะมิยะ ซึ่งทั่งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันแต่ด้วยความที่ทั้งสองคนขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะจึงมีทิฐิมีความทะนงตนไม่ยอมจะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อน ต่างฝ่ายต่างก็งัดยุทธวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายสารภาพรักออกมาก่อนและกลายเป็นฝ่ายผ่ายแพ้ให้จงได้ เรื่องราวความวุ่นวายชวนฮาจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวตลกโป๊กฮา ส่งมุกกันโป๊ะเป๊ะๆ เรียกได้ว่าดูแล้วขำน้ำมูกน้ำตาไหลแน่นอน เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างจะเข้ายุคเข้าสมัย พล็อตเรื่องก็จะเป็นแนวๆวันนี้ประธานชิโรกาเนะกับรองประธานชิโนมิยะจะสู้อะไรกันแล้วใครเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ ใครเครียดๆมาดูเรื่องนี้แล้วก็รับรองว่าจะหายเครียดแน่นอนละครับ

    เรื่องนี้นอกจากจะโด่งดังมากและมีภาคต่อมาเรื่อยๆ  ก็ยังมีเวอร์ชันคนแสดงด้วยตามระเบียบละครับ



ข้อด้อย : 

    ข้อด้อยก็คงจะเป็นที่มุกตลกบางทีก็พูดกันเร็วเกินไป บางครั้งอ่านซับไตเติลไม่ทันก็จะไม่ทันมุกได้เหมือนกัน (ขนาดว่าฟังภาษาญี่ปุ่นออกบ้างก็ยังมีที่ฟังไม่ทันอยู่เหมือนกัน)  หรือที่ใช้วิธีเขียนมุกให้อ่านเอาเองนั่นก็อ่านไม่ทันหรือตัวเล็กจนอ่านไม่ออกอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้เขาอ่านออกเสียงจะดีกว่าให้อ่านเอาเองละนะ

    จะว่าไปนางเอกอย่างรองประธานชิโนมิยะนี่ก็จัดเป็นประเภทยันเดเระ(ประเภทแอบคลั่งรักแบบโหดๆใครมาแตะคนที่ชอบไม่ได้) ซึ่งอนิเมะหลังๆมาก็ดูเหมือนชอบให้นางเอกเป็นยันดาเระกัน ก่อนหน้านี้นางเอกประเภทซึนเดเระ(ประเภทชอบพระเอกแต่กลับชอบพูดร้ายๆแดกดันแทน)จะเป็นที่นิยมมาก่อน ส่วนนางเอกประเภทน่ารักอ่อนหวานใสซื่อนี่ดูเหมือนว่าสมัยนี้จะสูญพันธุ์ไปหมดแหละครับ

    ส่วนที่ว่าเรื่องนี้ดูไปแล้วมันคล้ายๆเรื่องสมัยมัธยมของผม ก็เพราะว่าผมเองก็เคยเป็นประธานนักเรียนที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียนแถมยังมีน้องสาวตัวแสบและฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยจะดีเหมือนกันซะอีก เรียกได้ว่าพอดูเรื่องท่านคากุยะไปซักพักแล้วมันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่านี่คนเขียนแอบเอาเรื่องของผมไปเขียนหรือเปล่าหว่า? แต่ก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญละนะครับ เฮอๆ   

ใครอยากรู้ว่าสมัยมัธยมผมเป็นเช่นไรลองมาอ่านมังงะที่ผมเขียนขึั้นมาก็ได้นะครับ เรื่องจะเก่าๆหน่อยเพราะมันย้อนไปปี 1999 นู้นแหละ อ่านแล้วมีความเห็นเช่นไรก็บอกกล่าวกันได้นะครับ  ->


 


วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.27 : I Got a Cheat Skill in Another World and Became Unrivaled in The Real World, Too 異世界でチート能力を手にした俺は、現実世界をも無双する ~レベルアップは人生を変えた~

 สวัสดีครับ ช่วงก่อนหน้านี่มีข่าวนักเรียนที่เหมือนจะโดนบูลลี่เกิดฟิวส์ขาดเอามีดไปแทงเพื่อนตาย ผมว่าปัญหาการบูลลี่กันในโรงเรียนบ้านเราชักจะรุนแรงขึ้นมากทุกที บางแหล่งข่าวก็ว่าประเทศที่บูลลี่กันเยอะที่สุดในโลกคือญี่ปุ่นรองลงมาก็ไทยแลนด์นี่แหละ ในอนิเมะยุคปัจจุบันก็จะมีการสะท้อนเนื้อหาที่มีการบูลลี่ลงไปเนื้อเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่างเรื่องที่จะมี่รีวิวกันในวันนี้  I Got a Cheat Skill in Another World and Became Unrivaled in The Real World, Too  異世界でチート能力を手にした俺は、現実世界をも無双する ~レベルアップは人生を変えた~ (ชื่อภาษาไทย"สกิลโกงไร้เทียมทาน สร้างตํานานในสองโลก" ชื่อยาวกันจริง!!) จะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

Source : https://www.iseleve.com/special/

Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ยูยะ เท็นโน เด็กหนุ่มม.ต้นที่มีชีวิตแสนเศร้าเพราะเกิดมาหน้าตาไม่ดีแถมอ้วนอีกต่างหาก เลยโดนทางบ้านเกลียดขี้หน้าโดนน้องชายน้องสาวกลั่นแกล้งแถมที่โรงเรียนยังโดนบูลลี่สารพัด มีเพียงคุณปู่ที่ดีต่อเขาแต่ท่านก็ได้ตายจากไปทิ้งไว้แต่บ้านให้เป็นมรดกแก่เขา วันนึงเขาไปเห็นเหล่าอันธพาลกำลังล้อมวงจีบสาวน้อยคนหนึ่งอยู่จึงได้เข้าไปช่วยไว้แต่ก็ถูกรุมกระทืบ เขาเดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ในวันที่จบการศึกษาม.ต้นก็ยังยังไม่วายถูกบูลลี่อีก ตอนที่กลับมาที่บ้านจึงระบายอารมณ์ด้วยการชกกระจกแตกและชกกำแพงแต่ปรากฎว่ามันเป็นกำแพงลับที่เปิดไปยังห้องลับที่มีประตูสู่ต่างโลก ที่นั้นเขาได้สิทธิ์ครอบครองบ้านของจอมปราชญ์และได้อาวุธวิเศษ เมื่อฝึกฝนที่ต่างโลกและกลับมาที่ญี่ปุ่น ร่างกายเขาก็เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะผอมลงแล้วยังหน้าตาดีระดับยอดนายแบบเลยก็ว่าได้ เรื่องราวระหว่างสองโลกจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง


ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่ค่อยชอบแนวไปต่างโลกซักเท่าไหร เพราะเอะอะอะไรก็ให้ใช้เวทมนต์ใช้อาวุธวิเศษแก้ไขปัญหาได้หมดแทบจะไม่ต้องใช้สติปัญญาเท่าไหร ส่วนใหญ่จะให้พระเอกเก่งเวอร์ๆไปแบบไม่มีเหตุผลอะไร เรียกได้ว่าก็ถ้าเป็นแนวๆนี้ก็แค่ดูไปเพลินๆไม่ต้องคิดอะไรมากก็เท่านั้นแหละ เอาเป็นว่าถ้าพอจะมีอะไรที่ดูแล้วได้ข้อคิดก็ถือว่าเรื่องนั้นใส่เนื้อหาบางอย่างที่อยากจะสื่อสารลงไปด้วย เช่นสำหรับเรื่องนี้เรื่องที่อยากจะสื่อสารก็คงเป็นเรื่องของการให้อภัย แม้ว่าพระเอกจะโดนบูลลี่โดนทำร้ายร่างกายและจิตใจมามากแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาก็ให้อภัยไม่เอาคืนกับคนที่ทำร้ายเขา(แม้ว่าถ้าเอาคืนแล้วคงจะสะใจคนดูมากกว่าก็ตามเหอะนะ) เรื่องที่คุณปู่สอนให้รู้จักอ่อนโยนกับคนอื่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะลำพังแค่พระเอกหน้าตาดีขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าสาวๆจะมาหลงรักได้ถ้าหากไม่มีจิตใจที่อ่อนโยนและมีเมตตาด้วยละก็นะ 

ข้อด้อย :

    ตัวอนิเมะมีการใช้CGในพวกฉากต่อสู้ บางครั้งก็ดูขัดๆตาอยู่บ้าง นอกจากนี้ก็มีบางฉากที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไร(ไม่แน่ใจเป็นการลดต้นทุนการผลิตหรือเปล่า) แต่ข้อดีก็คือเรื่องนี้เขาว่าวาดตาได้สวยมาก มีการไล่เชดแล้วคงใช้เทคนิคบางอย่างทำให้ดวงตาของตัวละครดูมีประกาย น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ผมดูแล้วต้องชมว่าวาดตาออกมาได้สวยจริงๆ  ส่วนเนื้อหาก็ดูได้เพลินๆไม่ต้องคิดอะไรมาก

    สำหรับวัยรุ่นที่ชอบทะเลาะวิวาทหรือโดนบูลลี่ ถ้าดูเรื่องนี้ก็อาจจะได้ข้อคิดว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้อภัย การที่เราไปเอาคืนหรือใช้ความรุนแรงตอบโต้เกินเหตุ สุดท้ายผลของการกระทำนั้นๆมันก็กลับมาหาเราอยู่ดีนะแหละ บางอย่างปล่อยได้ก็ปล่อยไป ถ้าหนักหนาสาหัสจริงๆก็ปรึกษาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็แล้วกันนะครับ

Official Anime Website -> https://www.iseleve.com/     

 

   

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime Special 6 : อีเว้นท์ตามฤดูกาลที่ชอบมีในอนิเมะ アニメによくある季節のイベント

สวัสดีครับ สำหรับคนที่ชอบดูอนิเมะ น่าจะพอจับแพทเทิร์นของอีเว้นท์อะไรบางอย่างได้ โดยเฉพาะอนิเมะที่ดำเนินเรื่องเป็นญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน โดยมากมักจะมีเหตุการณ์วนๆไปในหนึ่งปีเปลี่ยนผ่านไปตาม4ฤดูกาลของญี่ปุ่น(อนึ่งคนญี่ปุ่นไม่นับฤดูฝนเป็นหนึ่งในฤดูละนะ) ซึ่งวันนี้เราจะลองมาสรุปกันดูครับ


1.ฤดูใบไม้ผลิ(春)

น่าจะเริ่มประมาณปลายมีนาไปจนถึงต้นพฤษภาคม  เป็นช่วงที่ซากุระกำลังเบ่งบาน ช่วงนี้่เป็นช่วงที่โรงเรียนต่างๆเริ่มเปิดภาคเรียนใหม่ รวมถึงบริษัทต่างๆก็รับพนักงานใหม่ในช่วงนี้ด้วย ประมาณว่าดอกซากุระที่ผลิบานเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ คนญี่ปุ่นก็เลยมักจะถือฤกษ์ถือชัยเริ่มอะไรใหม่ๆในช่วงนี้แหละ อนิเมะแนวนักเรียนหรือพนักงานเข้าใหม่ก็เลยมักจะเริ่มเรื่องประมาณช่วงเวลานี่เอง (ถ้ามีตัวละครที่แผ้เกสรต้นสนก็จะอาการออกช่วงนี้เหมือนกัน)


2.ฤดูร้อน (夏)

ที่ญี่ปุ่นหน้าร้อนจะเริ่มประมาณปลายมิถุนาไปถึงประมาณต้นๆตุลาคม ช่วงฤดูร้อนญี่ปุ่นค่อนข้างจะสั้นประมาณสามเดือนกว่าๆเท่านั้น ในอนิเมะก็น่าจะเป็นช่วงที่เหล่าตัวเอกต้องไปเที่ยวทะเลหรือสระว่ายน้ำ หลังๆมาก็เริ่มมีไปตั้งแคมป์ปิ้งบาบีคิวกันตามสมัยนิยม รวมถึงช่วงเดือนตุลาก็จะมีเทศกาลโอบ้ง(お盆) ซึ่งก็คล้ายๆเทศกาลเช็งเม้งนะแหละ ช่วงนั้นก็ต้องมีการใส่ชุดยูกาตะไปงานเทศกาล(お祭り) ซื้อของแผงลอย ช้อนปลาทอง รำวง ดูดอกไม้ไฟ เล่นทดสอบความกล้า ตามระเบียบละนะครับ


 


3.ฤดูฝน(雨季)(คนญี่ปุ่นน่าจะรวมไว้กับฤดูร้อนละนะ)

จะเริ่มราวๆกลางๆเดือนตุลาไปจนถึงต้นๆพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ไต้ฟุ่นเข้าประเทศญี่ปุ่น ในอนิเมะส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงที่หดหู่หน่อยๆแหละเพราะไม่ค่อยจะมีอีเว้นท์อะไรใส่เข้าไปได้ อาจจะมีบางเรื่องที่ให้ตัวเอกตากฝนเป็นหวัดต้องให้นางเอกมาดูแล หรือมีอีเว้นท์ร่มไอไอ(愛愛傘)ที่ตัวเอกกับนางเอกต้องใช้ร่มคันเดียวกัน ก็คงประมาณนั้น


 

4.ฤดูใบไม้ร่วง(秋)

อากาศเริ่มจะหนาวๆก็ตกประมาณปลายๆเดือนตุลาไปจนถึงธันวาคม เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสีแดง(紅葉) แน่นอนว่าอีเวนท์ที่ชอบใส่ในอนิเมะก็คือการยกขบวนไปดูใบไม้เปลี่ยนสีร่วมถึงอาจจะมีบางเรื่องที่จะเริ่มมีฉากเซอร์วิสพาสาวๆไปแก้ผ้าแช่ออนเซนช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็มี อีกเทศกาลที่ชอบใส่ไว้ในอนิเมะก็จะเป็นเทศกาลฮัลโลวีนละนะ

 


5.ฤดูหนาว(冬)

เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ใส่อีเวนท์ได้เยอะสุด ช่วงอากาศหนาวสุดเริ่มประมาณธันวาไปจนถึงกลางๆมีนาคม  ช่วงนี้บางที่ก็มีหิมะตก พวกตัวเอกก็มักจะไปเล่นสกีสโนบอร์ดกัน รวมถึงฉากแก้ผ้าแช่น้ำร้อนออนเซ็นก็มักจะเป็นช่วงนี้แหละ ช่วงคริสมาสก็จะเป็นช่วงฮิตในการสารภาพรัก ช่วงวันปีใหม่ก็ต้องใส่กิโมโนไปศาจเจ้า(初詣) เลยไปช่วง14กุมภาก็แน่นอนว่าเหล่านางเอกจะมีการให้ช๊อคโกแล็ตพระเอกกันตามระเบียบ ส่วนวันที่ 14 มีนาก็จะเป็นวัน White Day (เข้าใจว่าถ้าผู้ชายที่ได้รับช๊อคโกมามีใจก็จะซื้อของขวัญเป็นอะไรขาวๆเช่นคุกกี้คืนให้ในวันนี้ แต่มูลค่าต้องมากกว่าช๊อกโกที่ได้มาด้วยอะนะ เฮอๆ) 


 สรุปได้คร่าวๆก็จะประมาณนี้แหละครับ สำหรับละครบ้านเราผมไม่แน่ใจว่าสมัยนี้เป็นไง(เพราะเลิกดูไปนานแล้ว เห็นแต่ถลึ่งตาตบกันแย่งผู้ชาย)แต่ถ้าเราว่าเราอยากขาย Soft Power ความเป็นไทย ผมว่าอย่างแรกเลยเราก็ควรจะใส่อีเว้นท์เหตุการณ์ที่คนไทยต้องเจอทุกๆปีลงไปในบทด้วย เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง แห่เทียนเข้าพรรษา หรือปีใหม่ไปวัด อะไรแบบนี้ ถึงบ้านเราจะมีแต่ฤดูร้อนกับร้อนมากก็เหอะ แต่อย่างน้อยคนต่างชาติเวลาเสพสื่อไทยจะได้รับรู้วัฒธรรมของเราไปด้วยแบบที่อนิเมะญี่ปุ่นเขาทำได้ละนะครับ

(ภาพประกอบจากอนิเมะเรื่อง The Melancholy of Haruhi Suzumiya-chan)

 

ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ(ก็ใส่อีเว้นท์ไทยสมัยก่อนเข้าไปพอสมควรละครับ) ->


 


วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567

Anime No.26 : Hakozume (Police In A Pod) ハコヅメ~交番女子の逆襲~

 สวัสดีครับ หนึ่งในจตุรเทพแห่งการเป็นข่าว(ฉาว)อันได้แก่ ทหาร ตำรวจ พระ ครู ช่วงนี้คงต้องยกอันดับหนึ่งให้กับตำรวจไทยไปเลยจ้า!! ก็เลยได้คิดว่าแล้วตำรวจประเทศอื่นเขาเป็นเหมือนบ้านเราหรือเปล่าหว่า? ว่าแล้วก็นึกถึงอนิเมะเรื่องนี้ขึ้นมาเลยครับ Hakozume (Police In A Pod) ハコヅメ~交番女子の逆襲~ (ชื่อภาษาไทย"สู้เขาคุณตำรวจสาวป้อมยาม") เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของตำรวจสาวน้องใหม่ มาอิ คาวาอิ ผู้ที่อยากเป็นข้าราชการที่มีิเงินเดือนแน่นอนมีสวัสดิการดีๆแต่ก็ไม่มีปัญญาจะสอบติดได้เลยเลือกมาเป็นตำรวจที่มีคนสอบแข่งน้อยกว่าแทน แต่ด้วยการที่เป็นอาชีพที่กดดันแถมโดนประชาชนดูถูกสารพัดทำให้เธออยากจะลาออกใจจะขาด ตอนนั้นเองที่ เซโกะ ฟูจิ รุ่นพี่ตำรวจที่เคยอยู่หน่วยสอบสวนแต่โดนย้ายมาอยู่ป้อมยามเดียวกันเพราะดันใช้ความรุนแรง ทั้งคู่ได้รู้จักกันและต้องทำงานเป็นคู่หูด้วยกัน ด้วยความสามารถและความเอาจิงเอาจังของเซโกะทำให้มาอิประทับใจและตัดสินใจว่าจะเป็นตำรวจต่อไป เรื่องราวในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตรับผิดชอบของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เป็นแนวตลกขบขัน ดูแล้วก็จะรู้ว่าจริงๆชีวิตตำรวจ(ญี่ปุ่น)เป็นยังไง ที่ตกใจก็คือที่ว่าประชาชนบางส่วนว่าตำรวจเป็นพวกอาชีพ"เปลืองภาษี"นี่แหละ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นมุกหรือเขาคิดหยังงั้นจริงๆ (ว่าที่จริงที่ญี่ปุ่นเองไม่ค่อยมีเหตุอาชญากรรมโหดๆบ่อยๆแบบบ้านเรา ผู้คนส่วนมากก็อยู่ในระเบียบวินัยรักษากฎหมาย บางทีการมีตำรวจจำนวนเยอะๆแล้วก็อาจจะนึกว่าเป็นการเปลืองภาษีจริงๆก็ได้ละกระมัง) ตัวคุณตำรวจเองก็ค่อนข้างจะเป็นอาชีพที่เหนื่อยแหละ ต้องรักษากฎหมายจะปล่อยปละละเลยก็ไม่ได้ เข้มไปก็โดนด่า ไม่ว่าอะไรก็ผิดระเบียบอีก ใครแจ้งเหตุกี่โมงกี่ยามก็ต้องออกไประงับเหตุ ดูแล้วก็พอเข้าใจว่าทำมัยมาอิถึงอยากจะลาออกละนะ

ข้อด้อย :

    สำหรับข้อด้อยอาจจะเพราะมันเป็นเรื่องราวแนวตลก ก็เลยไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย เนื้อเรื่องพอจะเดาๆได้ว่าจะดำเนินไปทางไหน แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้สนุกดีได้ข้อคิดหลายอย่างทีเดียว

    เรื่องนี้นอกจากจะได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของตำรวจชั้นผู้น้อยที่เวลาเราไปญี่ปุ่นจะเห็นนั่งอยู่ในป้อมยาม(จริงๆเราต้องเรียกว่าป้อมตำรวจอะนะ) เราจะได้ข้อคิดของการปฏิบัติตามกฎหมายด้วย เช่น การที่ทำไมเราถึงควรจะมีเบบี้ซีทให้กับเด็กทารกเวลานั่งรถยนต์ หรือการที่ทำผิดกฎหมายแล้วสุดท้ายจะต้องลงเอยยังไง ส่วนตัวผมว่าการเป็นตำรวจถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติอย่างนึงแหละ แต่สุดท้ายคนจะมีเกียรติหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ให้"เกียรติ"นั้นกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า ถ้าทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ปฎิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบก็คงไม่มีใครติฉินนินทาได้หรอกนะครับ ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้นแล

ล่าสุดเห็นว่ามีทำเป็นเวอร์ชันคนแสดงด้วยละนะครับ ->



ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->