วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567

Anime No.26 : Hakozume (Police In A Pod) ハコヅメ~交番女子の逆襲~

 สวัสดีครับ หนึ่งในจตุรเทพแห่งการเป็นข่าว(ฉาว)อันได้แก่ ทหาร ตำรวจ พระ ครู ช่วงนี้คงต้องยกอันดับหนึ่งให้กับตำรวจไทยไปเลยจ้า!! ก็เลยได้คิดว่าแล้วตำรวจประเทศอื่นเขาเป็นเหมือนบ้านเราหรือเปล่าหว่า? ว่าแล้วก็นึกถึงอนิเมะเรื่องนี้ขึ้นมาเลยครับ Hakozume (Police In A Pod) ハコヅメ~交番女子の逆襲~ (ชื่อภาษาไทย"สู้เขาคุณตำรวจสาวป้อมยาม") เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของตำรวจสาวน้องใหม่ มาอิ คาวาอิ ผู้ที่อยากเป็นข้าราชการที่มีิเงินเดือนแน่นอนมีสวัสดิการดีๆแต่ก็ไม่มีปัญญาจะสอบติดได้เลยเลือกมาเป็นตำรวจที่มีคนสอบแข่งน้อยกว่าแทน แต่ด้วยการที่เป็นอาชีพที่กดดันแถมโดนประชาชนดูถูกสารพัดทำให้เธออยากจะลาออกใจจะขาด ตอนนั้นเองที่ เซโกะ ฟูจิ รุ่นพี่ตำรวจที่เคยอยู่หน่วยสอบสวนแต่โดนย้ายมาอยู่ป้อมยามเดียวกันเพราะดันใช้ความรุนแรง ทั้งคู่ได้รู้จักกันและต้องทำงานเป็นคู่หูด้วยกัน ด้วยความสามารถและความเอาจิงเอาจังของเซโกะทำให้มาอิประทับใจและตัดสินใจว่าจะเป็นตำรวจต่อไป เรื่องราวในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตรับผิดชอบของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เป็นแนวตลกขบขัน ดูแล้วก็จะรู้ว่าจริงๆชีวิตตำรวจ(ญี่ปุ่น)เป็นยังไง ที่ตกใจก็คือที่ว่าประชาชนบางส่วนว่าตำรวจเป็นพวกอาชีพ"เปลืองภาษี"นี่แหละ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นมุกหรือเขาคิดหยังงั้นจริงๆ (ว่าที่จริงที่ญี่ปุ่นเองไม่ค่อยมีเหตุอาชญากรรมโหดๆบ่อยๆแบบบ้านเรา ผู้คนส่วนมากก็อยู่ในระเบียบวินัยรักษากฎหมาย บางทีการมีตำรวจจำนวนเยอะๆแล้วก็อาจจะนึกว่าเป็นการเปลืองภาษีจริงๆก็ได้ละกระมัง) ตัวคุณตำรวจเองก็ค่อนข้างจะเป็นอาชีพที่เหนื่อยแหละ ต้องรักษากฎหมายจะปล่อยปละละเลยก็ไม่ได้ เข้มไปก็โดนด่า ไม่ว่าอะไรก็ผิดระเบียบอีก ใครแจ้งเหตุกี่โมงกี่ยามก็ต้องออกไประงับเหตุ ดูแล้วก็พอเข้าใจว่าทำมัยมาอิถึงอยากจะลาออกละนะ

ข้อด้อย :

    สำหรับข้อด้อยอาจจะเพราะมันเป็นเรื่องราวแนวตลก ก็เลยไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย เนื้อเรื่องพอจะเดาๆได้ว่าจะดำเนินไปทางไหน แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้สนุกดีได้ข้อคิดหลายอย่างทีเดียว

    เรื่องนี้นอกจากจะได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของตำรวจชั้นผู้น้อยที่เวลาเราไปญี่ปุ่นจะเห็นนั่งอยู่ในป้อมยาม(จริงๆเราต้องเรียกว่าป้อมตำรวจอะนะ) เราจะได้ข้อคิดของการปฏิบัติตามกฎหมายด้วย เช่น การที่ทำไมเราถึงควรจะมีเบบี้ซีทให้กับเด็กทารกเวลานั่งรถยนต์ หรือการที่ทำผิดกฎหมายแล้วสุดท้ายจะต้องลงเอยยังไง ส่วนตัวผมว่าการเป็นตำรวจถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติอย่างนึงแหละ แต่สุดท้ายคนจะมีเกียรติหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ให้"เกียรติ"นั้นกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า ถ้าทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ปฎิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบก็คงไม่มีใครติฉินนินทาได้หรอกนะครับ ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้นแล

ล่าสุดเห็นว่ามีทำเป็นเวอร์ชันคนแสดงด้วยละนะครับ ->



ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2567

Anime No.25 : Macross II : Lovers Again マクロスII

 สวัสดีครับ วันนี้ก็จะขอกลับมารีวิวซีรี่ย์มาครอสที่ยังเหลืออยู่ นั่นก็คือเรื่อง Macross II : Lovers Again マクロスII มาครอสภาคสอง สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นมาครอสซีรี่ย์ที่ถูกลืมก็ว่าได้ เพราะอะไรไปดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวหลังจากจบศึก Space World War I ในมาครอสภาคแรกไปเป็นเวลา 80 ปี ในปีค.ศ 2092 เมื่อ ฮิบิกิ คันซากิ นักข่าวหนุ่มไฟแรงจากสำนักข่าวSNN พยายามจะเปิดเผยเรื่องซุบซิบนินทาการคบหาระหว่างผู้บังคับบัญชากองทัพ เอกเซแกรน กับ ซิววี่ จีน่า เอสไฟล็อตของหน่วยแฟรี่ จนฮิบิกิโดนชกหน้าโดยซิลวี่แถมยังถูกบังคับให้ขอโทษทางกองทัพ ระหว่างนั้นมีการโจมตีจากศัตรูลึกลับพวกมาดุก ฮิบิกิจึงได้โอกาสทำข่าวสงครามโดยอาสาเป็นนักบินให้กับ เดนนิส โลน นักข่าวสงครามรุ่นเก๋าที่ขี้เมาไปหน่อย  ในสงครามครั้งนั้นปรากฎว่าการใช้เสียงเพลง Minmay Attack กับศัตรูไม่ได้ผล แถมพวกมาดุกยังมีหน่วย Emulator ซึ่งทำหน้าที่"ร้องเพลง"เพื่อทำให้พวกเซนทราดี้ที่ถูกล้างสมองทำการรบได้ดีขึ้นอีกต่างหาก ก่อนที่การรบจะจบลงเดนนิสและฮิบิกิได้เข้าไปในยานของมาดุกลำหนึ่งและได้พบกับ อิชทาร์ หนึ่งใน Emulator เดนนิสตัดสินใจจะพาเธอกลับมาแต่เกิดการระเบิดขึ้น เดนนิสได้เสียชีวิตและฮิบิกิก็ได้พาอิชทาร์กลับมายังโลก และพยายามสอนเรื่องราววัฒธรรมต่างๆของโลกรวมถึง"เสียงเพลง"ให้กับเธอด้วยเช่นกัน



ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงเนื้อเรื่องก่อน ผมว่าพล็อตเรื่องมันออกจะคล้ายๆกับมาครอสภาคแรกไปหน่อยแต่ก็มีองค์ประกอบใหม่ๆเข้ามา บางอย่างก็ยังเห็นได้ในมาครอสภาคหลังๆ จะถือได้ว่าเป็นมาครอสภาคที่มาก่อนกาลก็ว่าได้ สำหรับเพลงประกอบดูไม่เด่นเท่าภาคแรกเท่าไรอยู่ในระดับที่ฟังได้เพลินๆละนะ จะออกแนว Pop Jazz ซะส่วนใหญ่ ซึ่งเพลงในภาคนี้จะไปโผล่ในมาครอสเซเว่นซะเยอะด้วยละครับ

ข้อด้อย :

    สำหรับข้อด้อยก็คงเป็นเรื่องที่เขาไม่นับมาครอสภาคนี้อยู่ในไทม์ไลน์หลัก จนถึงขั้นบอกว่าภาคนี้ดำเนินเรื่องในจักรวาลคู่ขนานไปเลย(Parallel Universe) ซึ่งผมก็ลองไปหาข้อมูลดูว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ก็มีหลายๆเรื่อง บ้างก็ว่าเป็นเรื่องสงครามลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นกับมาครอสภาคแรก เรื่องที่ภาคสองนี่มันไม่ปังเท่าไร แต่เท่าที่พอจะเข้าเค้าก็คือเรื่องที่ว่าผู้กำกับคู่บุญมาครอสอย่างคุณ โชจิ คาวาโมริ พอเขาประสบความสำเร็จกับมาครอสภาคแรก มาครอสหนังใหญ่ Do you remember love แล้ว พอเขากำกับภาค Macross Flashback 2012 เสร็จแล้วก็รู้สึกอิ่มตัวเลยไม่ขอทำซี่รี่ย์มาครอสต่ออีกต่อไปแล้ว แต่ทาง BigWest ดูเหมือนจะยังอยากทำซีรี่ย์มาครอสต่อก็เลยเปลี่ยนสตูดิโอที่ทำจาก Studio Nue ไปให้ทาง AIC ทำแทน (แต่ยังได้อาจารย์ฮารุฮิโกะ มิกิโมโตะเป็นคนดีไซน์ตัวละครเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนคนออกแบบเมคคานิกอะนะ) สุดท้ายก็ได้ภาค Macross II : Lovers Again ออกมานะแหละ ต่อมาไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใดสุดท้ายผู้กำกับ โชจิ คาวาโมริ แกก็ตัดสินใจกลับมาทำซีรีย์มาครอสต่อ ตั้งแต่ภาคมาครอสเซเว่นเป็นต้นมาก็เลยได้คุณโชจินะแหละเป็นคนกำกับ(และสตูดิโอNueมาผลิต)ทั้งหมด ส่วนภาคสองนั้นเมื่อไม่ได้ผู้กำกับคู่บุญอย่างคุณโชจิเป็นคนกำกับก็เลยพลักตัวของภาคนี้ให้ไปเป็นเรื่องราวในจักรวาลคู่ขนานไม่รวมกับไทม์ไลน์หลักซะเลย เรื่องก็เป็นเช่นนี้นี่เอง (มีคนเปรียบเทียบกับ StarWars ที่ไม่ได้จอร์จลูคัสกำกับก็ไม่ควรนับเป็นหนังสตาร์วอร์ส ฉนั้นepisode 7,8,9 ก็จะมีบางคนมองว่าเป็นหนัง StarWars Fanmade อะไรประมาณนั้นแหละ)

    อย่างไรก็ดี ผมว่าภาคสองนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก มันมีองค์ประกอบของความเป็นมาครอสครบทุกอย่างแหละ ว่าที่จริงแม้แต่มาครอสเดลต้าเอง(ซึ่งเรื่องราวของมาครอสเดลต้าจะอยู่ในช่วงเวลาใกล้ๆกับมาครอสสองนี่แหละ)ก็หยิบเอาหลายๆอย่างในมาครอสสองไปใช้อยู่เหมือนกัน เช่น นางเอกAที่เป็นนักร้องมนุษย์ต่างดาว(เดลต้าคือเฟรย่า ภาคสองคืออิชทาร์) นางเอกBที่เป็นนักบินเชื้อสายลูกครึ่งเมลทรานดี้(เดลต้าคือมิราส ภาคสองคือซิลวี่)  ศัตรูทีใช้เสียงเพลงล้างสมองคน(เดลต้าคือพวกวินเดอร์เมียร์ ภาคสองก็คืออีมูเลเตอร์) ผมถึงได้บอกว่ามาครอสสองนี่คือภาคที่มาก่อนกาลนะแหละครับ เฮอๆ 

    จริงๆถ้าคนดูอยากจะนับมาครอสสองเข้าไปในไทม์ไลน์หลักก็คงจะได้อยู่ละครับ เพราะเขานับเวลาไป 80 ปีหลังจากจบภาคแรกก็เลยไม่เหลือตัวละครหลักๆจากภาคแรกมาอยู่แล้ว แถมก็ไม่มีตัวละครหลักในภาคแรกที่ปักหลักสร้างครอบครัวอยู่บนโลกอีกแล้วด้วย ถ้าจะมีศัตรูใหม่มาบุกโลกตอนนั้นแล้วเรื่องจะเป็นเหมือนในภาคสองก็คงไม่น่าเกลียดอะไรหรอกครับ 

ป.ล. ถ้าใครดูมาครอสฟรอนเทียร์แล้วได้ดูตอนที่พวกรันกะไปถ่ายหนังกัน จะมีผู้กำกับเรื่องมากติสแตกอยู่คนหนึ่ง ส่วนตัวผมว่านั่นแหละคือตัวคุณโชจิคาวาโมริเองละครับ จริงไม่จริงก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน เฮอๆ 

สำหรับวันนี้ก็คงจะรีวิวประมาณนี้ละครับ


ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567

Anime No.24 : Akudama Drive アクダマドライブ

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ดูข่าวมีแต่เรื่องฆ่าเรื่องแกงกันเต็มหน้าจอเต็มไปหมด จนทำให้นึกไปว่าสังคมเรามันเลวร้ายลงไปถึงขั้นนี้แล้วรึ หรือว่าบ้านเราจะมีแต่พวก"คนเลว"หรืออย่างไร ? เลยพาลนึกไปถึงอนิเมะแนวแอคชันไซไฟในโลกดิสโทเปียเรื่องนี้ขึ้นมา Akudama Drive アクダマドライブ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 

 

Source : https://akudama-drive.com/

 

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวความซวยของสาวน้อยคนธรรมดา ผู้ทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานตราประทับเขตคันไซที่หลังเลิกงานวันหนึ่งดันช่วยแมวดำประหลาดซึ่งนำพาทำให้เธอได้ไปรู้จักกับคนขนของ อาชญากรผู้รับงานขนส่งทุกอย่างก่อนที่จะจับพลัดจับผลูต้องสมอ้างโกหกคนอื่นว่าเธอเป็นนักต้มตุ๋นเพื่อไม่ถูกเหล่าอาชญากรอื่นๆฆ่าตาย โดยเหล่าอาชญากรตัวเป้งได้มารวมตัวกันเพื่อที่จะช่วยฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมาแล้ว 999 คนซึ่งกำลังจะถูกประหารชีวิตออกมา เมื่อลงเรือลำเดียวกับเหล่าคนเลวแล้วเรื่องราวความซวยของเธอจึงดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเช่นนี้นี่เอง

 

 


 

ความคิดเห็น :

     บอกได้คำเดียวว่าสนุกมาก เรื่องราวไหลลื่น แอ็คชันก็มันส์สะใจ เดาเนื้อเรื่องไม่ค่อยจะถูกเท่าไรว่ามันจะเดินเรื่องไปทางไหน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือการไม่ใช้ชื่อคนญี่ปุ่นสำหรับเรียกตัวละคร ซึ่งเขาจะใช้อาชีพหรือลักษณะนิสัยในการเรียกแทน เช่น นักต้มตุ๋น คนขนของ แฮกเกอร์ ฆาตกรต่อเนื่อง อะไรแบบนี้ (ความลำบากในการดูอนิเมะอย่างหนึ่งก็คือการต้องจำชื่อตัวละครแบบญี่ปุ่นนี่แหละ เพราะความซับซ้อนในการเรียกชื่อคนญี่ปุ่น เช่น สมมุตินางเอกชื่อ นากาชิมะ มิกะ คนไม่สนิทกันต้องเรียกนากาชิมะซัง คนในครอบครัวเพื่อนๆจะเรียกมิกะจัง เพื่อนคนสนิทเรียกมิกัน ซึ่งคนดูต้องมานั่งจำว่าอีนี้ชื่ออะไรนามสกุลอะไรชื่อเล่นอะไร ซึ่งถ้ายังจำไม่ได้หรือตัวละครมันเยอะๆบางครั้งมันก็งงๆว่ากำลังพูดถึงพูดถึงใครอยู่อะนะ)  

Source : https://akudama-drive.com/


ข้อด้อย :

    ผมว่าบางฉากมันก็ดูโหดๆไปหน่อย สำหรับเด็กดูแล้วคงไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ผู้ใหญ่ก็ดูได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ บรรยากาศมันดูมืดๆทึมๆไปนิด(เหมือนบ้านผีสิงตามงานวัด)แต่ก็เพราะมันเป็นญี่ปุ่นแบบดิสโทเปียอะนะ สำหรับตัวละครก็พอจะดูออกว่าเอามาจากหนังดังๆ เช่น คนขนของนี่ก็น่าจะเอามาจาก The Transporter แหงๆ หรือฆาตกรต่อเนื่องนี่ก็ Hannibal Lecter ชัวๆ แล้วก็มีการใช้มุกจากหนังดังๆมาเช่นกันแต่โดยรวมก็ถือว่ายำออกมาได้สนุกดีไม่มีขัดเขินอะไรครับ

    กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณกำลังหาอนิเมะแนวไซไฟแอ็คชันแบบไซเบอร์พังก์ดิสโทเปียดีๆสักเรื่อง ผมก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ดูแล้วคุณอาจจะคิดได้ว่าในสังคมที่ตราหน้าว่าคนนั้นเป็นคนดีคนเลว บางทีในคนเลวก็อาจจะไม่ได้เลวโดยสันดาน หรืออาจเพราะสิ่งแวดล้อมมันหล่อหลอมให้เขาเป็นแบบนั้น (หรือบางคนก็เลวโดยสันดานจริงๆน่ะแหละ) ส่วนที่ดูเป็นคนดีบางทีก็อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่ตาเห็นก็ได้นะครับ ก็ว่ากันไป

Official Anime Website -> https://akudama-drive.com/

 

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2567

Anime No.23 : Maiko-san Chi no Makanai-san 舞妓さんちのまかないさん

 สวัสดีปีใหม่ครับ พูดถึงปีใหม่ก็นึกถึงสมัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ที่นั้นก็มีประเพณีต้องไปวัดไปศาลเจ้าในวันแรกของปีเหมือนกัน(เข้าเรียก 初詣 Hatsumode ) ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นพวกลูกคุณหนูคนร่ำคนรวยเขาใส่กิโมโนมาด้วยละนะ ก็พาลนึกไปถึงพวกไมโกะ(舞妓さん) นางรำเลื่องชื่อในแถบเกียวโตขึ้นมา ว่าแล้ววันนี้ก็ขอแนะนำอนิเมะ Maiko-san Chi no Makanai-san 舞妓さんちのまかないさん (แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ) เรื่องเกี่ยวกับอาหารและไมโกะของญี่ปุ่นกันครับ

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของคิโยะกับซึมิเระสาวน้อยจากจังหวัดอาโอโมริ ทั้งคู่ประทับใจในอาชีพไมโกะจึงตัดสินใจมาฝึกฝนเป็นไมโกะที่เกียวโตเมื่อทั้งคู่เรียนจบม.ต้น ซึมิเระนั้นมีความสามารถและกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานจึงได้เป็นไมโกะโดยไม่ยากเย็น แต่คิโยะนั้นดูจะเป็นเด็กกะโหลกกะลามากกว่าจึงไม่สามารถเป็นไมโกะได้แต่เธอก็ได้ติดสินใจมาเป็นแม่ครัวในบ้านของเหล่าไมโกะแทนเพื่อที่จะได้ดูแลซึมิเระผู้เป็นเพื่อนรักของเธอได้นั่นเอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ถ้าดูแล้วก็จะรู้ว่าการจะเป็นไมโกะนั้นยากลำบากเพียงใด (บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าไมโกะเป็นอาชีพเหมือนเด็กเอนหรือไซด์ไลน์อะไรแบบนั้น แต่จริงๆไมโกะจะทำหน้าที่แสดงศิลปะ ดีดซามิเซน ฟ้อนรำ ดูแลแขกคอยรินเหล้าอะไรอย่างงั้นมากกว่าละนะ) ข้อบังคับอะไรบางอย่างดูแล้วก็ตกใจอยู่เหมือนกันว่าสมัยนี้ยังต้องเข้มงวดยังงั้นอยู่หรือ ? อย่างการห้ามพกมือถืออะไรอย่างงี้ นอกจากเรื่องของไมโกะแล้วก็แน่นอนว่าเนื้อเรื่องหลักจะเป็นการนำเสนอการทำอาหารต่างๆที่คิโยเป็นคนทำ อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารที่ทำให้พวกไมโกะทานโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าดูแล้วก็จะได้เมนูอาหารไปลองทำตามได้แน่นอน 

ข้อด้อย:

      โดยรวมแล้วเป็นอนิเมะที่ดูได้สนุกทุกเพศทุกวัยไม่มีปัญหาอะไรหรอก อาจจะมีการเดินเนื้อเรื่องที่ดูช้าๆไปหน่อยแต่ก็เพราะมันเป็นแนวหนังชีวิตก็เลยไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจขนาดนั้นแหละ ตัวละครประกอบอาจจะดูเหมือนๆกันหมดและไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่ หลักๆก็จะเป็นเรื่องของคิโยะกับซึมิเระน่ะนะ (จริงๆก็สงสัยอยู่ว่าซึมิเระเป็นคนอาโอโมริแล้วไปเรียนสำเนียงคันไซมาจากไหน หรือว่าเขาบังคับให้ไมโกะต้องพูดสำเนียงคันไซเกียวโตด้วยหรือเปล่าละหว่า)

    กล่าวโดยสรุปเรื่องนี้ถือเป็นอนิเมะน้ำดีที่นำเสนอเรื่องราวของอาหารควบคู่ไปกับวัฒธรรมญี่ปุ่นในเรื่องของไมโกะ ภาพประกอบก็สวยงามสไตล์พาสเทล  ถ้าใครชอบทำอาหารชอบวัฒธรรมญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงละครับ (แต่ส่วนตัวผมเห็นไมโกะแต่งหน้าขาวทีไรก็พาลนึกถึงผีนางรำหน้าขาวบ้านเราทุกที เลยออกจะกลัวๆหลอนๆหน่อยละนะ เฮอๆ)

ล่าสุดเขาก็มีทำเป็นเวอร์ชันคนแสดงลงในNetflixด้วยละนะครับ



 

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->