วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.29 : Super Spacetime Fortress Macross 超時空要塞マクロス

 สวัสดีครับ ในที่สุดก็มาถึงการรีวิวซีรี่ย์มาครอสภาคที่เหลืออยู่เป็นภาคสุดท้าย นั่นก็คือมาครอสภาคแรก Super Spacetime Fortress Macross 超時空要塞マクロス ผมจำได้ว่าเคยดูเรื่องนี้สมัยตอนยังเป็นเด็กๆ ตอนนั้นน่าจะเอามาฉายที่ช่อง 5 แต่เปลี่ยนชื่อเป็น Robotech เป็นการเอามาครอสไปย้อมขาว(White Washing)ที่อเมริกาแบบที่ชอบทำกับอนิเมะหรือเกมที่มาจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นน่ะแหละ จำได้ว่าพระเอกดันชื่อว่าริคฮันเตอร์ไม่ใช่อิจิโจฮิคารุ ส่วนเนื้อหานี่เรียกได้ว่าจำอะไรไม่ได้เท่าไร(เพราะยังเด็กมากอยู่แหละ)จำได้ว่ามันเป็นเรื่องของรักสามเศร้า มีอาหมวยร้องเพลง มีเครื่องบินที่แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ แล้วก็มีมนุษย์ต่างดาวยักษ์บุกโลก ว่าแล้วเราก็มาดูรายละเอียดกันดีกว่าครับ


 

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

     เรื่องเริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ 1999 เมื่อมียานอวกาศขนาดยักษ์ตกลงมาบนโลก เมื่อสหประชาชาติ U.N Spacy ได้เข้าไปตรวจสอบจึงได้ทราบว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว จึงได้ทำการฟื้นฟูและศึกษาเทคโนโลยี่ต่างๆที่อยู่ในยานเพื่อนำมาพัฒนายุทโธปกรณ์ของตัวเอง เวลาผ่านไปถึงปี 2009 ในงานเปิดตัวยานที่ฟื้นฟูเสร็จ(ให้ชื่อว่า Macross SDF-1) ฮิคารุ อิจิโจ นักบินผลเรือนก็ได้เข้าป่วนงาน ตอนนั้นเองยานมาครอสก็จับสัญญานการรุกรานจากห้วงอวกาศได้จึงทำการยิงปืนใหญ่ใส่กลุ่มกองยานอวกาศ การปะทะกันกับมนุษย์ต่างดาวจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จับพลัดจับผลูฮิคารุก็ได้ขับเครื่องบินรบที่ถูกพัฒนาให้แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ Valkyrie VF1  ระหว่างความวุ่นวายฮิคารุได้ไปช่วย ลินน์ มินเมย์ หลานสาวเจ้าของร้านอาหารจีนเข้า ตอนที่จะพามินเมย์อพยพเข้ายานมาครอสนั่นเองที่เขาได้พบกับ มิสะ ฮายาเสะ โอเปอเรเตอร์สุดเฮียบของมาครอส เมื่อทั้งคู่เข้ามาในมาครอสได้กัปตันก็ได้สั่งให้ทำการโพล์ด(วาร์ป)หนีแต่เพราะไม่เคยทำการโพล์ดมาก่อนจึงเกิดการผิดพลาดไปโผล่ที่ดาวพลูโต ยานมาครอสจึงต้องหาทางกลับมายังโลกให้จงได้นั่นเอง

 



ความคิดเห็น :

    ต้องบอกว่ามาครอสเป็นอนิเมะแนวไซไฟเรื่องแรกที่ผมดูแล้วประทับใจ เพราะอนิเมะแนวหุ่นยนต์สู้รบสมัยนั่นก็มีไม่ใช่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวสู้กันลูกเดียว ตัวดีก็ดีตัวร้ายก็ร้าย (ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงพวก Transformers หรือกันดัมนะแหละครับ) แต่มาครอสนี่มาแปลกคือนอกจากเป็นแนวสงครามอวกาศแล้วยังใส่ความเป็นรักสามเศร้า ทำให้เราลุ้นไปกับฮิคารุว่าเขาจะเลือกใครระหว่างสาวน้อยไอดอลมินเมย์หรือคุณป้าสายทหารอย่างมิสะ นอกจากนี้ยังใส่เสียงเพลงเพราะๆของคุณ มาริ อิจิมะ มาร้องเป็นลินน์มินเมย์อีก (ส่วนแนวเพลงในภาคนี้จะเป็นแนว City Pop แนวดนตรีสังเคราะห์มีเสียงเบสหนุมหนับชัดเจนเรียกได้ว่าเป็นแนวตะวันตกที่ฮิตในยุคสมัยนั้นนะแหละ ถ้าเทียบกับบ้านเราก็น่าจะเป็นวงคอมโบสตริงอย่าง The Impossible หรือ Pink Panther นั่นแหละนะ) เรียกได้ว่ามาครอสเป็นอะไรที่ผสมทุกอย่างอย่างลงตัว ดูแล้วก็ไม่น่าเบื่อ คนที่ไม่ได้ชอบไซไฟจ๋าก็พอดูได้ละครับ

ข้อด้อย:

    เนื่องจากมาครอสภาคแรกนี่ฉายประมาณปี 1982 ซึ่งมันก็เก่ามากๆแล้ว ถ้าไปดูในแบบซีรี่ย์บางทีจะเห็นรอยแผ่นอครีลิกที่เขาวาดภาพลงไปด้วยซ้ำไป ภาพตัวละครบางทีก็วาดมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร  พล็อตเรื่องบางอย่างก็ดูตลกๆไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ถ้าใครขี้เกียจดูก็ให้ดูภาคหนังใหญ่ Macross : Do you remeber love ? เอาก็ได้ (ผมคิดว่าตอนที่เขาสร้างภาคซีรีย์นี่ผู้กำกับอาจจะยังอายุน้อยก็เลยเขียนบทขาดๆเกินๆไปนิด พอเขาทำหนังใหญ่ก็เลยเอาโครงเรื่องเดิม ตัดมุกตลก ตัดบทที่ไม่สำคัญออกไปแล้วเขียนบทให้สมจริงสมจังนะแหละ มันเลยกลายเป็นธรรมเนียมสำหรับมาครอสในภาคต่อๆมาที่จะมีภาคหนังใหญ่ที่บทก็คล้ายๆกับภาคซีรีย์อาจจะแค่ปรับบทหรือเพิ่มเพลง พอน้องๆหนูๆที่ไม่เข้าใจมาดูก็จะบ่นว่าทำไมมันเหมือนกับที่ดูในซีรีย์เลยไม่เห็นต่างอะไรอะนะ)

    สำหรับภาคหนังใหญ่ Do you remember love อีกสิ่งที่สุดยอดคือมันเป็นการวาดด้วยมือทั้งหมดเพราะสมัยนั้นยังไม่มีCGอะไรทั้งนั้น จะเห็นความสุดยอดของอนิเมะไซไฟยุค80-90ที่สมัยนี้แทบไม่มีใครทำกันแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ความลึกของเนื้อหาก็ให้ลองดูเวอร์ชันซีรี่ย์ฉายทีวีนะครับ อย่างเช่นเรื่องของเฮียแม็กสมัยหนุ่มๆว่าเก่งกาจขนาดไหนแล้วไปได้กับมิเรียได้ยังไง(ซึ่งในเวอร์ชันหนังใหญ่ตัดออกไปเกือบหมดละนะ)  อีกอย่างตอนผมเด็กๆดูเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ชอบวาลคีรี่ชอบมาครอสไปตามประสาเด็กน้อย แต่พอเป็นผู้ใหญ่แล้วมาดูอีกรอบกลายเป็นว่าเรื่องนี้มันซ่อนมุกอะไรๆที่มีแต่ผู้ใหญ่ดูแล้วถึงจะขำอยู่พอสมควร รวมถึงความลึกซึ้งที่เด็กๆดูไปก็คงไม่เข้าใจ     

    ว่าที่จริงมาครอสนี่มีอะไรลึกซึ้งซ่อนๆไว้อีกเพียบ ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะเขียนถึงอีกทีหลังนะครับ  

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.28 : Kaguya-sama: Love Is War かぐや様は告らせたい ~天才たちの恋愛頭脳戦~

 สวัสดีครับ เนื่องในโอกาสเดือนแห่งวันวาเลนไทน์ ถ้าให้นึกถึงอนิเมะเรื่องราวรักๆใคร่ๆที่อยากจะแนะนำสำหรับวันแห่งความรักแล้วละก็ ให้นึกไวๆตอนนี้ที่นึกออกก็คือเรื่อง Kaguya-sama: Love Is War  かぐや様は告らせたい ~天才たちの恋愛頭脳戦~ (ชื่อภาษาไทย"สารภาพรักกับคุณคางุยะซะดี ๆ ~สงครามประสาทความรักของเหล่าอัจฉริยะ~ ")ละครับ เพราะว่าพึ่งดูไปหมาดๆ แถมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันคล้ายๆกับชีวิตผมสมัยมัธยมปลายยังไงชอบกล จะเป็นยังไงมาลองดูกันครับ


Source : https://dubbing.fandom.com/wiki/Kaguya-sama:_Love_is_War

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

         เรื่องราวความรักวุ่นๆในโรงเรียนชูจิิอิงระหว่างประธานนักเรียนหนุ่ม มิยุคิ ชิโรกาเนะ กับรองประธานนักเรียนสาว คากุยะ ชิโนะมิยะ ซึ่งทั่งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันแต่ด้วยความที่ทั้งสองคนขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะจึงมีทิฐิมีความทะนงตนไม่ยอมจะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อน ต่างฝ่ายต่างก็งัดยุทธวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายสารภาพรักออกมาก่อนและกลายเป็นฝ่ายผ่ายแพ้ให้จงได้ เรื่องราวความวุ่นวายชวนฮาจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวตลกโป๊กฮา ส่งมุกกันโป๊ะเป๊ะๆ เรียกได้ว่าดูแล้วขำน้ำมูกน้ำตาไหลแน่นอน เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างจะเข้ายุคเข้าสมัย พล็อตเรื่องก็จะเป็นแนวๆวันนี้ประธานชิโรกาเนะกับรองประธานชิโนมิยะจะสู้อะไรกันแล้วใครเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ ใครเครียดๆมาดูเรื่องนี้แล้วก็รับรองว่าจะหายเครียดแน่นอนละครับ

    เรื่องนี้นอกจากจะโด่งดังมากและมีภาคต่อมาเรื่อยๆ  ก็ยังมีเวอร์ชันคนแสดงด้วยตามระเบียบละครับ



ข้อด้อย : 

    ข้อด้อยก็คงจะเป็นที่มุกตลกบางทีก็พูดกันเร็วเกินไป บางครั้งอ่านซับไตเติลไม่ทันก็จะไม่ทันมุกได้เหมือนกัน (ขนาดว่าฟังภาษาญี่ปุ่นออกบ้างก็ยังมีที่ฟังไม่ทันอยู่เหมือนกัน)  หรือที่ใช้วิธีเขียนมุกให้อ่านเอาเองนั่นก็อ่านไม่ทันหรือตัวเล็กจนอ่านไม่ออกอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้เขาอ่านออกเสียงจะดีกว่าให้อ่านเอาเองละนะ

    จะว่าไปนางเอกอย่างรองประธานชิโนมิยะนี่ก็จัดเป็นประเภทยันเดเระ(ประเภทแอบคลั่งรักแบบโหดๆใครมาแตะคนที่ชอบไม่ได้) ซึ่งอนิเมะหลังๆมาก็ดูเหมือนชอบให้นางเอกเป็นยันดาเระกัน ก่อนหน้านี้นางเอกประเภทซึนเดเระ(ประเภทชอบพระเอกแต่กลับชอบพูดร้ายๆแดกดันแทน)จะเป็นที่นิยมมาก่อน ส่วนนางเอกประเภทน่ารักอ่อนหวานใสซื่อนี่ดูเหมือนว่าสมัยนี้จะสูญพันธุ์ไปหมดแหละครับ

    ส่วนที่ว่าเรื่องนี้ดูไปแล้วมันคล้ายๆเรื่องสมัยมัธยมของผม ก็เพราะว่าผมเองก็เคยเป็นประธานนักเรียนที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียนแถมยังมีน้องสาวตัวแสบและฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยจะดีเหมือนกันซะอีก เรียกได้ว่าพอดูเรื่องท่านคากุยะไปซักพักแล้วมันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่านี่คนเขียนแอบเอาเรื่องของผมไปเขียนหรือเปล่าหว่า? แต่ก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญละนะครับ เฮอๆ   

ใครอยากรู้ว่าสมัยมัธยมผมเป็นเช่นไรลองมาอ่านมังงะที่ผมเขียนขึั้นมาก็ได้นะครับ เรื่องจะเก่าๆหน่อยเพราะมันย้อนไปปี 1999 นู้นแหละ อ่านแล้วมีความเห็นเช่นไรก็บอกกล่าวกันได้นะครับ  ->


 


วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime No.27 : I Got a Cheat Skill in Another World and Became Unrivaled in The Real World, Too 異世界でチート能力を手にした俺は、現実世界をも無双する ~レベルアップは人生を変えた~

 สวัสดีครับ ช่วงก่อนหน้านี่มีข่าวนักเรียนที่เหมือนจะโดนบูลลี่เกิดฟิวส์ขาดเอามีดไปแทงเพื่อนตาย ผมว่าปัญหาการบูลลี่กันในโรงเรียนบ้านเราชักจะรุนแรงขึ้นมากทุกที บางแหล่งข่าวก็ว่าประเทศที่บูลลี่กันเยอะที่สุดในโลกคือญี่ปุ่นรองลงมาก็ไทยแลนด์นี่แหละ ในอนิเมะยุคปัจจุบันก็จะมีการสะท้อนเนื้อหาที่มีการบูลลี่ลงไปเนื้อเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่างเรื่องที่จะมี่รีวิวกันในวันนี้  I Got a Cheat Skill in Another World and Became Unrivaled in The Real World, Too  異世界でチート能力を手にした俺は、現実世界をも無双する ~レベルアップは人生を変えた~ (ชื่อภาษาไทย"สกิลโกงไร้เทียมทาน สร้างตํานานในสองโลก" ชื่อยาวกันจริง!!) จะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

Source : https://www.iseleve.com/special/

Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ยูยะ เท็นโน เด็กหนุ่มม.ต้นที่มีชีวิตแสนเศร้าเพราะเกิดมาหน้าตาไม่ดีแถมอ้วนอีกต่างหาก เลยโดนทางบ้านเกลียดขี้หน้าโดนน้องชายน้องสาวกลั่นแกล้งแถมที่โรงเรียนยังโดนบูลลี่สารพัด มีเพียงคุณปู่ที่ดีต่อเขาแต่ท่านก็ได้ตายจากไปทิ้งไว้แต่บ้านให้เป็นมรดกแก่เขา วันนึงเขาไปเห็นเหล่าอันธพาลกำลังล้อมวงจีบสาวน้อยคนหนึ่งอยู่จึงได้เข้าไปช่วยไว้แต่ก็ถูกรุมกระทืบ เขาเดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ในวันที่จบการศึกษาม.ต้นก็ยังยังไม่วายถูกบูลลี่อีก ตอนที่กลับมาที่บ้านจึงระบายอารมณ์ด้วยการชกกระจกแตกและชกกำแพงแต่ปรากฎว่ามันเป็นกำแพงลับที่เปิดไปยังห้องลับที่มีประตูสู่ต่างโลก ที่นั้นเขาได้สิทธิ์ครอบครองบ้านของจอมปราชญ์และได้อาวุธวิเศษ เมื่อฝึกฝนที่ต่างโลกและกลับมาที่ญี่ปุ่น ร่างกายเขาก็เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะผอมลงแล้วยังหน้าตาดีระดับยอดนายแบบเลยก็ว่าได้ เรื่องราวระหว่างสองโลกจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง


ความคิดเห็น :

    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่ค่อยชอบแนวไปต่างโลกซักเท่าไหร เพราะเอะอะอะไรก็ให้ใช้เวทมนต์ใช้อาวุธวิเศษแก้ไขปัญหาได้หมดแทบจะไม่ต้องใช้สติปัญญาเท่าไหร ส่วนใหญ่จะให้พระเอกเก่งเวอร์ๆไปแบบไม่มีเหตุผลอะไร เรียกได้ว่าก็ถ้าเป็นแนวๆนี้ก็แค่ดูไปเพลินๆไม่ต้องคิดอะไรมากก็เท่านั้นแหละ เอาเป็นว่าถ้าพอจะมีอะไรที่ดูแล้วได้ข้อคิดก็ถือว่าเรื่องนั้นใส่เนื้อหาบางอย่างที่อยากจะสื่อสารลงไปด้วย เช่นสำหรับเรื่องนี้เรื่องที่อยากจะสื่อสารก็คงเป็นเรื่องของการให้อภัย แม้ว่าพระเอกจะโดนบูลลี่โดนทำร้ายร่างกายและจิตใจมามากแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาก็ให้อภัยไม่เอาคืนกับคนที่ทำร้ายเขา(แม้ว่าถ้าเอาคืนแล้วคงจะสะใจคนดูมากกว่าก็ตามเหอะนะ) เรื่องที่คุณปู่สอนให้รู้จักอ่อนโยนกับคนอื่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะลำพังแค่พระเอกหน้าตาดีขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าสาวๆจะมาหลงรักได้ถ้าหากไม่มีจิตใจที่อ่อนโยนและมีเมตตาด้วยละก็นะ 

ข้อด้อย :

    ตัวอนิเมะมีการใช้CGในพวกฉากต่อสู้ บางครั้งก็ดูขัดๆตาอยู่บ้าง นอกจากนี้ก็มีบางฉากที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไร(ไม่แน่ใจเป็นการลดต้นทุนการผลิตหรือเปล่า) แต่ข้อดีก็คือเรื่องนี้เขาว่าวาดตาได้สวยมาก มีการไล่เชดแล้วคงใช้เทคนิคบางอย่างทำให้ดวงตาของตัวละครดูมีประกาย น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ผมดูแล้วต้องชมว่าวาดตาออกมาได้สวยจริงๆ  ส่วนเนื้อหาก็ดูได้เพลินๆไม่ต้องคิดอะไรมาก

    สำหรับวัยรุ่นที่ชอบทะเลาะวิวาทหรือโดนบูลลี่ ถ้าดูเรื่องนี้ก็อาจจะได้ข้อคิดว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้อภัย การที่เราไปเอาคืนหรือใช้ความรุนแรงตอบโต้เกินเหตุ สุดท้ายผลของการกระทำนั้นๆมันก็กลับมาหาเราอยู่ดีนะแหละ บางอย่างปล่อยได้ก็ปล่อยไป ถ้าหนักหนาสาหัสจริงๆก็ปรึกษาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็แล้วกันนะครับ

Official Anime Website -> https://www.iseleve.com/     

 

   

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Anime Special 6 : อีเว้นท์ตามฤดูกาลที่ชอบมีในอนิเมะ アニメによくある季節のイベント

สวัสดีครับ สำหรับคนที่ชอบดูอนิเมะ น่าจะพอจับแพทเทิร์นของอีเว้นท์อะไรบางอย่างได้ โดยเฉพาะอนิเมะที่ดำเนินเรื่องเป็นญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน โดยมากมักจะมีเหตุการณ์วนๆไปในหนึ่งปีเปลี่ยนผ่านไปตาม4ฤดูกาลของญี่ปุ่น(อนึ่งคนญี่ปุ่นไม่นับฤดูฝนเป็นหนึ่งในฤดูละนะ) ซึ่งวันนี้เราจะลองมาสรุปกันดูครับ


1.ฤดูใบไม้ผลิ(春)

น่าจะเริ่มประมาณปลายมีนาไปจนถึงต้นพฤษภาคม  เป็นช่วงที่ซากุระกำลังเบ่งบาน ช่วงนี้่เป็นช่วงที่โรงเรียนต่างๆเริ่มเปิดภาคเรียนใหม่ รวมถึงบริษัทต่างๆก็รับพนักงานใหม่ในช่วงนี้ด้วย ประมาณว่าดอกซากุระที่ผลิบานเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ คนญี่ปุ่นก็เลยมักจะถือฤกษ์ถือชัยเริ่มอะไรใหม่ๆในช่วงนี้แหละ อนิเมะแนวนักเรียนหรือพนักงานเข้าใหม่ก็เลยมักจะเริ่มเรื่องประมาณช่วงเวลานี่เอง (ถ้ามีตัวละครที่แผ้เกสรต้นสนก็จะอาการออกช่วงนี้เหมือนกัน)


2.ฤดูร้อน (夏)

ที่ญี่ปุ่นหน้าร้อนจะเริ่มประมาณปลายมิถุนาไปถึงประมาณต้นๆตุลาคม ช่วงฤดูร้อนญี่ปุ่นค่อนข้างจะสั้นประมาณสามเดือนกว่าๆเท่านั้น ในอนิเมะก็น่าจะเป็นช่วงที่เหล่าตัวเอกต้องไปเที่ยวทะเลหรือสระว่ายน้ำ หลังๆมาก็เริ่มมีไปตั้งแคมป์ปิ้งบาบีคิวกันตามสมัยนิยม รวมถึงช่วงเดือนตุลาก็จะมีเทศกาลโอบ้ง(お盆) ซึ่งก็คล้ายๆเทศกาลเช็งเม้งนะแหละ ช่วงนั้นก็ต้องมีการใส่ชุดยูกาตะไปงานเทศกาล(お祭り) ซื้อของแผงลอย ช้อนปลาทอง รำวง ดูดอกไม้ไฟ เล่นทดสอบความกล้า ตามระเบียบละนะครับ


 


3.ฤดูฝน(雨季)(คนญี่ปุ่นน่าจะรวมไว้กับฤดูร้อนละนะ)

จะเริ่มราวๆกลางๆเดือนตุลาไปจนถึงต้นๆพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ไต้ฟุ่นเข้าประเทศญี่ปุ่น ในอนิเมะส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงที่หดหู่หน่อยๆแหละเพราะไม่ค่อยจะมีอีเว้นท์อะไรใส่เข้าไปได้ อาจจะมีบางเรื่องที่ให้ตัวเอกตากฝนเป็นหวัดต้องให้นางเอกมาดูแล หรือมีอีเว้นท์ร่มไอไอ(愛愛傘)ที่ตัวเอกกับนางเอกต้องใช้ร่มคันเดียวกัน ก็คงประมาณนั้น


 

4.ฤดูใบไม้ร่วง(秋)

อากาศเริ่มจะหนาวๆก็ตกประมาณปลายๆเดือนตุลาไปจนถึงธันวาคม เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสีแดง(紅葉) แน่นอนว่าอีเวนท์ที่ชอบใส่ในอนิเมะก็คือการยกขบวนไปดูใบไม้เปลี่ยนสีร่วมถึงอาจจะมีบางเรื่องที่จะเริ่มมีฉากเซอร์วิสพาสาวๆไปแก้ผ้าแช่ออนเซนช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็มี อีกเทศกาลที่ชอบใส่ไว้ในอนิเมะก็จะเป็นเทศกาลฮัลโลวีนละนะ

 


5.ฤดูหนาว(冬)

เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ใส่อีเวนท์ได้เยอะสุด ช่วงอากาศหนาวสุดเริ่มประมาณธันวาไปจนถึงกลางๆมีนาคม  ช่วงนี้บางที่ก็มีหิมะตก พวกตัวเอกก็มักจะไปเล่นสกีสโนบอร์ดกัน รวมถึงฉากแก้ผ้าแช่น้ำร้อนออนเซ็นก็มักจะเป็นช่วงนี้แหละ ช่วงคริสมาสก็จะเป็นช่วงฮิตในการสารภาพรัก ช่วงวันปีใหม่ก็ต้องใส่กิโมโนไปศาจเจ้า(初詣) เลยไปช่วง14กุมภาก็แน่นอนว่าเหล่านางเอกจะมีการให้ช๊อคโกแล็ตพระเอกกันตามระเบียบ ส่วนวันที่ 14 มีนาก็จะเป็นวัน White Day (เข้าใจว่าถ้าผู้ชายที่ได้รับช๊อคโกมามีใจก็จะซื้อของขวัญเป็นอะไรขาวๆเช่นคุกกี้คืนให้ในวันนี้ แต่มูลค่าต้องมากกว่าช๊อกโกที่ได้มาด้วยอะนะ เฮอๆ) 


 สรุปได้คร่าวๆก็จะประมาณนี้แหละครับ สำหรับละครบ้านเราผมไม่แน่ใจว่าสมัยนี้เป็นไง(เพราะเลิกดูไปนานแล้ว เห็นแต่ถลึ่งตาตบกันแย่งผู้ชาย)แต่ถ้าเราว่าเราอยากขาย Soft Power ความเป็นไทย ผมว่าอย่างแรกเลยเราก็ควรจะใส่อีเว้นท์เหตุการณ์ที่คนไทยต้องเจอทุกๆปีลงไปในบทด้วย เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง แห่เทียนเข้าพรรษา หรือปีใหม่ไปวัด อะไรแบบนี้ ถึงบ้านเราจะมีแต่ฤดูร้อนกับร้อนมากก็เหอะ แต่อย่างน้อยคนต่างชาติเวลาเสพสื่อไทยจะได้รับรู้วัฒธรรมของเราไปด้วยแบบที่อนิเมะญี่ปุ่นเขาทำได้ละนะครับ

(ภาพประกอบจากอนิเมะเรื่อง The Melancholy of Haruhi Suzumiya-chan)

 

ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ(ก็ใส่อีเว้นท์ไทยสมัยก่อนเข้าไปพอสมควรละครับ) ->