วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime Special 5 : พลังนุ่มนิ่มไทยในมาครอส マクロスにタイのソフトパワーについて

 สวัสดีครับ ต่อเนื่องการพูดคุยเรื่องของ Soft Power แล้วก็พาลนึกไปถึงอนิเมะเรื่องโปรดของผมนั่นคือซีรี่ย์มาครอส ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านที่เคยดูซีรี่ย์มาครอสรู้ตัวหรือเปล่าว่าในเนื้อเรื่องเหมือนว่าจะมีพลังนุ่มนิ่มของไทยแทรกอยู่ด้วย วันนี้ผมจะลองมาชี้จุดให้ดูกันครับ

*** Spoiler Alert !! : จะมีการอ้างอิงเนื้อหาจากซีรี่ย์มาครอสเกือบทุกภาค ใครยังไม่ได้ดูแล้วยังไม่อยากจะถูกสปอยล์ก็ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ

 

1. ชาวมายัน = คนไทย ?

เริ่มจากภาคมาครอสเซโร่ก่อนเลยแล้วกัน ผมพบว่าท้ายเครดิตมีการเขียนถึงการเก็บข้อมูลที่เกาะพีพีในประเทศไทยแล้วถ้าดูบรรยากาศชาวเกาะในเรื่องท่านก็พอจะทราบว่ามันถือเกาะในประเทศไทยชัดๆ ในเรื่องก็มีการใช้ภาษาไทยในภาพข่าว โฆษณาต่างๆ (ถึงจะเป็นภาษาไทยที่เขียนผิดๆเพี้ยนๆไปหน่อยก็เหอะ) แล้วเรือที่มาโอะพาชินไปดูสมบัติใต้ทะเลของเธอมันก็คือเรือหางยาวหาปลาบ้านเรานี่แหละ เรียกได้ว่าชาวมายัน มาโอะ ซาร่านี่ก็คือคนไทยนะแหละครับ 


 

2. บาซาร่าเป็นลูกครึ่งคนไทย ?

จากทฤษฎีที่ผมเคยบอกว่าพ่อแม่ของบาซาร่าก็คือชินกับซาร่า(อ่านได้ตรงนี้) แล้วซาร่าก็เป็นชาวมายันซึ่งจริงๆแล้วมีต้นแบบเป็นคนไทย หลักฐานเพิ่มเติมก็คือบาซาร่านี่ถ้าดูดีๆแล้วเขาผิวไม่ได้ขาวเหมือนคนญี่ปุ่นแต่จะออกสีแทนๆหน่อยๆ หน้าก็ออกจะคมๆเข้มๆ(สาวๆในเรื่องถึงได้กรี๊ดกร๊าดกันอะนะ)แถมยังไม่เคยตรงต่อเวลาไปคอนเสิร์ตสายตลอด(นิสัยคนไทยชัดๆ) แล้วพอไปดูโปรไฟล์จะพบว่าบาซาร่าชอบกิน "แกงกระหรี่เผ็ดๆ กิมจิ และต้มยำกุ้ง"ซึ่งก็แปลกดีเพราะในเรื่องไม่เห็นเขากินอะไรแบบนี้เลย(เห็นกินพิซซ่า กาแฟ น้ำเลมอนเน็ดแล้วก็ใบไม้!?) อาจจะเป็นโปรไฟล์ที่มาเขียนขึ้นทีหลังเพื่อจะบอกใบ้ว่าจริงๆแล้วบาซาร่าเป็นลูกครึ่งไทยเลยชอบกินอะไรเผ็ดๆเหมือนกับแม่ซาร่า(ที่เป็นคนไทย)ก็เป็นได้ เฮอๆ 


 

3. เอลม่าขับรถกบ ?

ในOVAของมาครอสเซเว่น Macross 7 Dynamite ตัวสาวน้อยจอมป่วนเอลม่าที่อยากจะเป็นลูกศิษย์ของบาซาร่าเธอจะขับรถสามล้อคล้ายๆกับรถกบบ้านเรา(รถตุ๊กตุ๊กแถวๆอยุธยาหรือจังหวัดตรังน่ะนะ) ตอนแรกผมก็คิดว่าอาจจะมีต้นแบบจากรถสามล้อไดฮัทสุของญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่พอในเรื่องมันขับลงน้ำได้เนี่ยมันก็เหมือน"กบ"ใช่มัยละ ก็น่าจะเป็นรถกบบ้านเราละนะ แถมเสื้อคลุมของบาซาร่านี่ก็ครบสามสีธงไตรรงค์อีกต่างหาก (หรือดาวโซล่านี่จะมีต้นแบบมาจากจังหวัดตรังหรือแถวๆทะเลไทยภาคใต้ก็ได้ สังเกตุว่าเมืองที่บาซาร่าไปอยู่นี่จะเปิดวิทยุตลอด เอลม่าก็พกวิทยุติดตัวคล้ายๆกับมาโอะที่ชอบฟังวิทยุในภาคเซโร่น่ะแหละ)


 

4. วัลคิวเร่นั่งรถสองแถว ?

    ข้ามมาที่มาครอสเดลต้า(ภาคมาครอสฟรอนเทียร์มีการถ่ายหนังที่จำลองบรรยากาศเกาะในภาคเซโร่ซึ่งจะนับว่าเป็นบรรยากาศเกาะในไทยก็คงจะได้อยู่แหละ) จะมีอยู่ตอนนึงที่พวกวัลคิวเร่ต้องไปสอดแนมที่ดาวคนหูแมว จะมีฉากที่หน่วยของเฟรย่าฮายาเตะต้องนั่งรถไปสมทบกับคนที่เหลือ ซึ่งดูยังไงๆมันก็คือรถสองแถวบ้านเรานี่แหละ เพราะนั่งแล้วหันหน้าชนกันละนะ แถมยังมีตอนที่เขาจัดเทศกาลแมงกระพรุนซึ่งดูๆไปแล้วก็คล้ายๆเวลาเราลอยโคมลอยยี่เป็ง ตอนที่ลอยเครื่องบินจำลองของเมเซอร์ให้วิญญาณไปผุดไปเกิดเป็นแมงกระพรุนก็ดูคอนเซปคล้ายๆลอยกระทงหรือลอยอังคารบ้านเราอยู่เหมือนกัน (คาดว่าคนเขียนบทมาครอสเดลต้านี่น่าจะมาเที่ยวแถวๆเชียงใหม่แล้วได้ไอเดียไปเขียนบทนี่แหละนะ)

 
 
 กล่าวโดยสรุป ผมว่ามาครอสภาคแรกนี่ได้อิทธิพลตะวันตกมาเยอะแหละ ก่อนที่จะมีเรื่องขัดแย้งกันเรื่องลิขสิทธิ์อะไรกัน มาครอสในภาคต่อๆมาอย่างมาครอสเซเว่นก็จะเริ่มเห็นความเป็นเอเชียในเนื้อเรื่องมากขึ้น (โดยเฉพาะความเป็นไทยที่แทรกๆเข้ามา) ผมเดาว่าทางคณะผู้จัดทำน่าจะเคยมาเที่ยวเมืองไทยแล้วด้วยความประทับใจเขาเลยเอาไปใส่เอาไว้ในมาครอสซะเยอะเลยละครับ น่าเสียดายที่ด้วยปัญหาลิขสิทธิ์ที่เป็นเรื่องเป็นราวสมัยก่อนเลยทำให้คนไทยไม่สามารถดูมาครอสภาคหลังๆมาครอสเซเว่นอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้(เขาห้ามฉายนอกประเทศญี่ปุ่นน่ะ) ไม่งั้นผมว่าแฟนๆมาครอสอาจจะมากกว่าที่มีอยู่ก็เป็นได้นะครับ 
 
สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No.22 : Laid-Back Camp ゆるキャン

 สวัสดีครับ ต่อเนื่องจากเรื่องของ Soft Power และอากาศช่วงนี้ก็เริ่มเย็นขึ้นแล้ว เป็นช่วงที่เหมาะกับการไปตั้งแคมป์กัน ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลยครับ Laid-Back Camp ゆるキャン ชื่อภาษาไทย"แคมป์สบายสไตล์สาว ๆ " เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 

    


Ataya's Star :    ★★★★☆ 

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของสาวน้อย นาเดะชิโกะ คากามิฮะระ ที่พึ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนโมโตสุ(น่าจะแถวๆจังหวัดยามานะชิ) ระหว่างที่เธอได้มาดูภูเขาไฟฟูจิที่บริเวณที่ตั้งแคมป์ก็ได้เผลอนอนหลับไป ระหว่างนั้นเอง ริน ชิมะ สาวน้อยผู้ชื่นชอบการเข้าแคมป์เดี่ยวก็ได้มาตั้งแคมป์บริเวณนั้นพอดี เมื่อนาเดชิโกะตื่นขึ้นเธอก็พบว่ารอบๆมืดลงแล้ว จึงตื่นตกใจกลัวเพราะไม่คุ้นกับที่ทาง แต่โชคดีที่รินได้ช่วยเหลือเธอไว้ ด้วยการได้พูดคุยกันทำให้นาเคชิโกะสนใจการเข้าแคมป์ขึ้นมาและเมื่อไปที่โรงเรียนจึงตัดสินใจเข้าชมรมกิจกรรมกลางแจ้ง เรื่องราวการเข้าแคมป์ของสาวๆจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉนี้นี่เอง


ความคิดเห็น :

    โดยรวมต้องถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้เรื่อยๆ มีความสนุกสนานพอสมควร ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ นอกจากนี้ก็จะได้รับความรู้ในการเข้าแคมป์กลางแจ้งว่าควรจะต้องเตรียมหรือทำอะไรบ้าง เวลาเจอเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาควรจะรับมือยังไง แล้วก็มีเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาก็เอามาจากสถานที่จริง ของกินต่างๆก็คิดว่าน่าจะมีอยู่จริงด้วย ถ้าใครอยากตามรอยก็จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นได้เลยจ้า

ข้อด้อย :

    มุกบางอย่างมันต้องมีความรู้เกียวกับญี่ปุ่นพอสมควรถึงจะรู้เรื่องขำออกละนะครับ ถ้าให้คนต่างชาติดูก็อาจจะงงๆว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ อีกอย่างในเนื้อหาก็ดูเหมือนเป็นการตั้งใจขายอุปกรณ์ตั้งแคมป์กลายๆนะแหละ(น่าจะมีสปอนเซอร์แฝงแหละ) พอดูไปสักสองซีซันก็เริ่มจะจับทางได้ว่ามันก็คงเป็นแพทเทิร์นประมาณว่าทำงานเก็บตังค์แล้วไปตั้งแคมป์กันที่ไหนสักแห่งนี้ละนะ

    กล่าวโดยสรุป สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอนิเมะแนวเรื่อยๆเปื่อยๆดูได้เพลินๆไม่มีดราม่าอะไรให้เครียด ตัวละครก็น่ารักสดใสสมวัยทีน เพลงประกอบก็ไพเราะฟังได้สบายๆหู ตอนนี้มีข่าวว่ากำลังทำซีซันสามอยูู่ ถ้าเข้าฉายก็ว่าจะดูต่อละนะครับ สำหรับคนที่สนใจสถานที่ท่องเทียวและการตั้งแคมป์(ในประเทศญี่ปุ่น)ก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้เลยครับ แต่ที่ไทยคงไม่ไหวเพราะออกนอกบ้านทีนี่ยุงรุ่มกัดกันจะเป็นไข้เลือดออกตายกันอยู่แล้วนิ เฮอๆ 

Official Anime Website -> https://yurucamp.jp/

 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No. 21 : Deaimon であいもん

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ดูข่าวอะไรก็มีแต่คนบอกว่าอันนั้นคือ Soft Power บ้างละ อันนี้คือพลังนุ่มนิ่มบ้างละ จนรู้สึกเริ่มจะเอือมๆแหละ จริงๆถ้าถามว่าอะไรคือ Soft Power ส่วนตัวผมว่ามันคืออะไรก็ตามที่คนต่างชาติเขาดั้นด้นหรือพยายามมาหาของๆเราไปครอบครอง บริโภคหรือใช้งานน่ะแหละ เช่น ฝรั่งที่เขาบินมากินอาหารไทยมาท่องเที่ยวตามวัดวาอาราม หรือ นักชกต่างชาติที่ทิ้งบ้านเกิดข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนมวยไทย คนจีนที่บินมาซื้อยาดมยาหม่อง อะไรประมาณนี้ละนะครับ มันก็ทำให้นึกถึงอนิเมะญี่ปุ่นที่เขามักจะใส่อะไรที่เป็น Soft Power ของเขามาในเรื่องด้วย เช่น สถานที่ท่องเที่ยวหรืออาหารญี่ปุ่น ก็เลยทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา Deaimon  であいもん (ชื่อภาษาไทย "สิ่งที่พบพาน") เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

Source : https://deaimon.jp/

Ataya's Star :    ★★★★★ 

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเกิดขึ้นที่เกียวโตเมืองแห่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่น  เมื่อ นากุโมะ อิริโนะ ชายหนุ่มที่ทิ้งบ้านซึ่งเป็นร้านขายขนมญี่ปุ่นไปตามความฝันที่จะเป็นนักดนตรีอยู่หลายปีได้กลับมาบ้านเกิดเพราะได้ยินว่าพ่อป่วยหนัก ที่สถานีเกียวโตเขาได้พบกับ อิซึกะ ยูคิฮาร่า สาวน้อยที่เข้ามาทักเพราะจำคนผิด ไปๆมาๆกลายเป็นว่าอิซึกะเป็นคนที่มาอาศัยอยู่กับทางบ้านของนากุโมะ(เพราะถูกพ่อของเธอมาทิ้งเอาไว้)และดูเหมือนคุณพ่อของนากุโมะเจ้าของร้านจะถูกใจความขยันขันแข็งของเธอจึงจะยกให้เป็นผู้สืบทอดการทำขนมญี่ปุ่นแทนที่นากุโมะที่ไม่เอาไหนเอาซะเลย เรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวขนมญี่ปุ่นจึงเริ่มต้นตรงนี้นี่เอง


 


ความคิดเห็น :

    โดยรวมดูแล้วต้องบอกว่าเป็นอนิเมะที่สนุกดี เรื่องราวไหลลื่นมีดราม่านิดหน่อยมีมุกตลกเล็กๆ เป็นชนิดที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยละครับ  นอกจากนี้คุณยังได้สัมผัสการทำขนมญี่ปุ่นที่มีวิธีการละเอียดอ่อนพิถีพิถันและถือว่าเป็นศิลปะกินได้อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นก็ว่าได้ จะทราบถึงชนิดต่างๆของขนมญี่ปุ่นและช่วงเวลาที่เขาจะทำขาย(เขาตามฤดูกาลละนะ) เรียกได้ว่าดูแล้วแทบจะอยากจองตั๋วเครื่องบินไปกินขนมญี่ปุ่นที่เกียวโตกันเลยทีเดียว

ข้อด้อย :

    ข้อด้อยอาจจะมีนิดหน่อยตรงที่ตัวละครประกอบดูจะคล้ายๆกันไปนิด ตอนแรกผมสับสนพ่อของนากุโมะกับคุณลุงที่เป็นผู้ช่วยเพราะเขาวาดคล้ายๆกัน แต่พอพ่อแกถอดหมวกก็เลยเลยจำได้แหละ(แกหัวล้านอะนะ เฮอๆ) นอกนั้นก็อาจจะเป็นที่ว่าจบเร็วไปนิด แต่คาดว่าคงจะมีซีซันสองตามมาทีหลังละครับ

    กล่าวโดยสรุปต้องถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้สบายๆไม่หนักอะไรเท่าไร อารมณ์เหมือนละครหลังข่าวของญี่ปุ่นเขาละนะครับ แล้วถ้าคุณเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วละก็คุณจะได้เรียนสำเนียงคันไซสไตล์เกียวโตจากในเรื่องด้วยละนะครับ(ผมเองรู้สึกว่าคนเกียวโตจะลากเสียง"สึ"ท้ายคำยาวกว่าคนคันไซในจังหวัดอื่นๆละนะ เช่น 行ってきます Ittekimasu ถ้าคนเกียวโตพูดก็จะได้ยินเป็น 行ってきます~ Ittekimasuuuu อะไรประมาณนั้นละครับ) แล้วอีกอย่างผมว่าวิธีการนำเสนอ Soft Power ที่ถูกต้องมันก็ควรจะแทรกไปในสื่อหรือในภาพยนต์แบบเนียนๆแบบนี้ละครับ คือถ้าไปยัดเหยียดหรือประเภทไปเอาข้าวเหนียวมะม่วงกินให้ดูบนคอนเสิร์ตมันก็ดูเป็นการสร้างกระแสหรือไวรัลแบบชั่วครั้งชั่วคราวเสียมากกว่าละนะครับ ยังไงรบกวนคณะกรรมการ Soft Power มาลองดูอนิเมะเรื่องนี้ดูบ้างก็น่าจะไม่เสียหายอะไรละนะ เฮอๆ 

Official Website -> https://deaimon.jp/    

 

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะของผม(มี Soft Power แบบไทยๆอยู่ในเรื่องด้วยนะจ๊ะ) ->

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime Special 4 : ของมันต้องมีในซีรีย์มาครอส マクロスシリーズによくあるあるもの

 สวัสดีครับ วันนี้ก็วนเวียนกลับมาคุยกันเรื่องของมาครอสซี่รี่ย์อีกจนได้ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้เขาสร้างกันเป็นรุ่นๆยาวนานกันมาเกือบ 40 กว่าปีแล้ว มันก็มีแง่มุมอะไรหลายๆอย่างที่ให้พูดถึงมากพอสมควร คนที่ดูมาครอสก็จะทราบได้ว่ามันเป็นเรื่องราวของสงคราม รักสามเศร้า และเสียงเพลง เป็นของที่ทุกภาคจะต้องมี(แล้วแต่ว่าภาคไหนจะเน้นอะไรมากกว่ากัน)แต่หลังจากที่ผมกลับไปดูย้อนหลังมาทุกภาคแล้วพบว่านอกจากเรื่องเหล่านี้แล้วยังมี"ของมันต้องมี"ในเนื้อเรื่องป่นๆอยู่ด้วย วันนี้เราจะมาลองพูดถึงกันนะครับ

*** Spoiler Alert : มีการอ้างอิงเนื้อหาจากมาครอสทุกภาคอยู่พอสมควร สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูและไม่อยากถูกสปอยล์ก่อนก็ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้นะครับ


1. ต้องมีฉากที่ตัวเอกต้องขี่หรือนั่งยานพาหนะอะไรสักอย่าง

นอกจากตัวเอกจะขับยานวัลคีรี่ได้เก่งกาจในเกือบจะทุกๆภาคแล้ว จะต้องมีฉากบางฉากที่ให้ตัวเอกเหล่านั้นขี่ยานพาหนะหรือกิจกรรมผาดโผนอะไรสักอย่างอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น

พระเอกภาคแรก ฮิคารุ อิจิโจ มีฉากโดดเวรปั่นจักรยานไปดูมินเมย์ประกวดมิสมาครอส  แล้วก็เป็นนักบินผาดโผนที่มาป่วนงานเปิดตัวมาครอสตั้งแต่ตอนเแรกอีกต่างหาก



พระเอกภาคมาครอสเซเว่น บาซาร่า เนคคิ มีฉากเปิดตัวห้อยหัวแล้วโดดร่มลงมาเล่นคอนเสิร์ต มีฉากแย่งมอเตอไซค์สาวแว้นมาขับโชว์สกิล แถมตอนท้ายๆมีฉากใช้พาราไกลเดอร์โดดเข้าไฟร์เออวัลคีรี่ด้วยอีกต่างหาก (น่าจะเล่นกีฬาเอ๊กซ์ตรีมเป็นงานอดิเรกละนะ) ส่วนนางเอก มิเลน จีนัส นี่ก็ไม่น้อยหน้า มีฉากขับรถซิ่งอยู่หลายฉาก(จริงๆแกพึ่งจะอายุ 15 ได้ใบขับขี่ได้ไงฟะ?) แอบแม่มิเรียไปขับวัลคีรี่ตัวโปรดของแม่ก็ทำมาแล้วด้วย



พระเอกนางเอกภาคมาครอสฟรอนเทียร์ อัลโต ซาโอโตเมะ กับ เชอริล โนม กับ รันกะ ลี มีฉากที่ขี่ซิกเวย์ในภาคหนังใหญ่ มีการนั่งรถรางออกเดตกันด้วยอะนะ ตัวอัลโตเองก็บินผาดโผนด้วยชุดเจ็ตนักบินตั้งแต่ตอนแรกด้วย

    


 

 ในภาคเดลต้าก็เหมือนมีฉากที่พวกวัลคิวเร่ได้นั่งรถสองแถว(ผมดูว่ามันเป็นรถสองแถวบ้านเรานี่แหละนะ)ในตอนที่แอบเข้าไปสืบข่าวในดาวคนหูแมว มีฉากที่ทั้งวงต้องโดดดิ่งพสุธามาเล่นคอนเสิร์ตเปิดตัวเฟรย่า ตัวพระเอกฮายาเตะเองก็ขับหุ่นขนของไปเต้นไปในตอนแรกอีกด้วย


 

2. นางเอกต้องอายุ 15 และมีฉากงานฉลองวันเกิดปีที่ 16

ไม่รู้ทำไมคนเขียนบทถึงชอบให้นางเอกที่เป็นไอดอลเริ่มเรื่องตอนอายุ 15 ปี (ส่วนตัวผมวิเคราะห์ว่าผู้หญิงคงดูน่ารักสุดๆตอนอายุ 15-16 นี่แหละ เป็นอายุที่ผู้หญิงไม่เด็กไม่แก่เกินไปกำลังพอดี ถ้าอายุต่ำกว่านั้นก็ดูจะเป็นเป้าหมายพวกโลลิคอนไปหน่อย ถ้าเยอะกว่านั้นก็เริ่มจะเป็นชะนีร้องหาผัวกันแหละ เฮอๆ) ดังนั้นในซีรีย์มาครอสก็เลยจะมีฉากที่พวกพระเอกไปฉลองวันเกิดให้เหล่านางเอกตอนอายุ16กันด้วยละนะ (รู้สึกจะมีภาคฟรอนเทียร์นี่แหละที่กลายเป็นรันกะตามไปแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้อัลโตแทน หรือแกจะเป็นนางเอกตัวจริงกันแน่ละหว่า?)

 

 

3. ต้องมีฉากไปถ่ายทำภาพยนต์กัน

อนิเมะสมัยก่อนจะมีตอนเยอะมาก(บางเรื่อง30กว่า40กว่าตอน เทียบกับอนิเมะสมัยนี้ที่มีประมาณ12-13ตอน) เขาก็เลยมีการใส่อะไรที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่เข้ามาพอสมควร เช่น เรื่องสมัยก่อนของตัวประกอบ ความเป็นมาของตัวร้าย พวกตัวเอกไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งรู้ไปก็เท่านั้นแหละ แต่มันก็ช่วยให้เห็นความลึกขึ้นของตัวละคร เช่นเดียวกันในมาครอสที่จะต้องมีฉากที่พวกตัวเอกต้องไปถ่ายหนังกัน เริ่มตั้งแต่ลินมินเมย์ต้องไปถ่ายหนังกังฟู Shao Pai Long (ไอ้หนุ่มมังกรขาวน้อย) มิเลนกับบาซาร่าต้องไปถ่ายหนังเรื่องของลินมินเมย์กับฮิคารุ(Minmay Story) รันกะต้องไปถ่ายหนังเรื่องของมาครอสเซโร่  (จะมีแค่มาครอสเดลต้าที่เปลี่ยนเป็นไลฟ์คอนเสิร์ตแทน)


4. จะต้องมีรุ่นพี่ใจดีที่สุดท้ายก็มักจะมีอันเป็นไป

เรียกได้ว่าใครได้เป็นรุุ่นพี่พระเอกนี้เหมือนกับโดนคำสาปให้มีอันเป็นไปอย่างแน่นอนก็ว่าได้  เริ่มจากฟอล์กเกอร์ก็โดนยิงตาย คินริวหัวหน้าไดมอนฟอร์ซก็สละตัวเองระเบิดคายานศัตรู มิเชลก็โดนดูดออกนอกยานตาย(ยังดีที่ออสมาแค่เกือบตาย ผู้กำกับคงพยายามหลอกคนดูว่าออสมาเป็นรุ่นพี่ต้องตายแน่นอน แต่จริงๆบทรุ่นพี่ดันไปตกที่มิเชลละนะ เพราะมิเชลจริงๆก็เข้าหน่วย S.M.S มาก่อนอัลโตแหละ) เมสเซอร์นี่ก็สู้กับคิสจนโดนยิงเข้าหัวใจตายอีก (แถมให้อีกสองคน แอรีสรุ่นพี่ของฟอล์กเกอร์จากมาครอสซี่โร่ คนนี้ก็โดนของทับตาย อีกคนก็เดนนีสจากมาครอสทู คนนี้ก็โดนแรงกระแทกจากระเบิดตาย) โดยทั่วไปพวกรุ่นพี่ทั้งหลายก็มักจะมีบทเป็นคนเหมือนจะเข้มงวดแต่จริงๆแล้วเป็นคนใจดีเป็นห่วงรุ่นน้อง บางคนก็เสียสละจนตัวตาย สงสัยคงเป็นบทเรียกน้ำตาคนดูละครับ

5. ยังไงๆก็ต้องมีคนตาย
สำหรับมาครอสที่ต้องการสะท้อนภาพอันโหดร้ายของสงครามและความขัดแย้งแล้วละก็ยังไงๆก็ต้องมีคนตาย ต่อให้เป็นพวกของพระเอกที่เก่งกาจแค่ไหนก็ตาม (ซึ่งอนิเมะแนวสงครามหรือหุ่นยนต์รบบางเรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้นะ แค่คุณเลือกอยู่ฝ่ายพระเอกยังไงๆก็รอดตายจนจบเรื่องอยู่จนครบทีมกันก็มี) เริ่มตั้งแต่ คาคิซากิ ลูกน้องในฟูงบินของฮิคารุ ฟิสิก้า รุ่นน้องของแกมลิน(เมียมีชู้อีกต่างหากน่าสงสารสุดๆ) เนเน่กับลาลาเนีย คนในหน่วยพิกซี่ของคุรางคุรางก็ไม่รอด ส่วนมาครอสเดลต้านี่ก็หนักเลยเพราะสุดท้ายนางเอกนี่แหละที่ไปไม่กลับซะเอง (ภาคหนังใหญ่ Zettai Live)
 
6. นางเอกที่เป็นไอดอลหรืออายุน้อยกว่ามักจะแห้วเสมอ 
 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้กำกับหรือคนเขียนบนโดนไอดอลหลอกเอาเงินหรือโดดหักอกสมัยเป็นหนุ่มๆหรือเปล่าถึงได้เขียนบทแบบนี้ เพราะกี่ภาคๆนางเอกที่อายุน้อยกว่าก็แห้วตลอดศก (โดยเฉพาะในภาคหนังใหญ่จะเป็นงั้นตลอด ในซีรี่ย์อาจจะแตกต่างไปบ้าง) เริ่มจากลินน์มินเมย์ก็เสียฮิคารุให้ป้ามิสะ บาซาร่าก็ไม่สนใจมิเลน รันกะก็โดนปฎิเสธ เฟรย่าก็ตายตอนจบ นี่ยังไม่นับภาคย่อยๆอย่าง มาโอน้องสาวซาร่าก็แห้ว อิชทัลก็จากไปอย่างงงๆ (จะมีมิงภาคมาครอสพลัสที่ดูเหมือนจะไม่ได้แห้วแต่แกก็ไม่ได้เป็นไอดอลสาวๆแล้วเลยไม่นับละนะ)
 
 เท่าที่พอจะโยงได้ก็มีประมาณนี้ จริงๆยังมีประเด็นยิบๆย่อยๆที่อยากจะพูดถึงแต่ก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไรเลยเก็บไว้ก่อนดีกว่า เอาไว้วันหลังผมจะมาวิเคราะห์เนื้อหาจากมาครอสอีกแล้วกันนะครับ

ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ ->


 


วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Anime No. 20 : Darling In The Franxx ダーリン・イン・ザ・フランキス

 สวัสดีครับ วันนี้ก็จะขอรีวิวอนิเมะแนวไซไฟแบบต่อเนื่อง ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ความรักของวัยรุ่น และหุ่นยนต์รบขนาดยักษ์ นั่นคือเรื่อง Darling In The Franxx ダーリン・イン・ザ・フランキス ครับ เรื่องราวจะเป็นยังไงไปดูกัน


 

 

Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ:

    เรื่องราวในโลกอนาคตเมื่อมนุษย์เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์เรียกขานกันว่าเคียวริว ในการจะต่อสู้กับมันได้จำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์ยักษ์แฟรงซ์ Franxx ซึ่งต้องอาศัยนักบินชายหญิงสองคนในการบังคับ ฮิโร่ หนึ่งในนักบินเกิดอาการไม่สามารถจะซิงโครไนส์กับพาร์ทเนอร์ได้ ทั่งคู่จึงถูกให้ปลดประจำการ ตอนนั้นเองเคียวริวก็เข้ามาโจมตีแพลทที่เขาอยู่เป็นเหตุให้ฮิโร่ต้องจำเป็นไปเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ ZeroTwo นักบินหญิงผู้เก่งกาจแต่มีข่าวลือว่าถ้าใครได้เป็นพาร์ทเนอร์ด้วยจะต้องมีอันเป็นไปทุกรายเพื่อจัดการกับเคียวริวที่เข้าจู่โจม เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงได้เริ่มขึ้นณ.จุดนี้นี่เอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ดูๆไปผมรู้สึกว่าเหมือนเอาหนังไซไฟดังๆมาผสมกันยังไงชอบกล มีความเป็นอีวานแกเลี่ยนเยอะอยู่เหมือนกัน ในส่วนของเหล่าตัวเอกที่เป็นวัยรุ่นวัยว้าวุ่นกำลังเริ่มมีความรัก มีความสับสนในตัวเอง บางตอนก็จับผิดฝาผิดคู่กว่าจะลงตัวก็ท้ายๆเรื่องนู้นแหละ ถ้าชอบแนววัยรุ่นวุ่นรักเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์ประมาณนั้นมากกว่าจะเน้นเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ละนะ

ข้อด้อย :

    ในส่วนของพาร์ทไซไฟผมว่าพล็อตมันดูจะหลวมๆไปหน่อย เหตุผลดูจะไม่ค่อยสมจริงสมจังเท่าไร ตัวหุ่นยนต์ยักษ์แฟรงซ์ก็ดูตลกๆ(ไม่เข้าใจว่าจะทำให้มันมีสีหน้าไปทำไมเหมือนกัน)เรื่องเหตุผลที่ต้องเป็นชายหญิงขับในท่าแบบนั้นก็ยิ่งประหลาดไปใหญ่ ยิ่งท้ายๆเรื่องดูไปแล้วเขาเฉลยว่าเรื่องราวเป็นมายังไงก็รู้สึกว่า"อิหยังวะ"ซะมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าดูในแง่ของความรักเรื่องความโรแมนซ์ติกก็คงจะถือว่าโอเคละครับ แต่ส่วนของไซไฟนี่สำหรับผมคงไม่ให้ผ่านเท่าไร

    เรื่องนี้ก็ถือว่าดังพอสมควรแหละต่อที่ออกฉาย มีมีมเกียวกับ ZeroTwo ออกมาเยอะแยะในช่วงนั้น (ผมก็มาดูเพราะว่าเห็นมีมนี่แหละ) สำหรับคนที่ชอบอนิเมะแนวๆไซไฟคล้ายๆอีวานแกเลี่ยนก็ลองหามาดูได้นะครับ แต่สำหรับผมแล้วยอมรับว่าดูแล้วปวดตับซะมากกว่า เฮอๆ


ส่งท้ายขายของครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->