วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2567

Anime No.64 : The Helpful Fox Senko-san 世話やきキツネの仙狐さん

 สวัสดีครับ สัปดาห์นี้ก็ใกล้จะปีใหม่กันแล้ว หลังจากสัปดาห์ก่อนๆได้นำเสนอเรื่องนางฟ้าข้างห้องกับ นางฟ้าในห้องไปแล้ว ไหนๆจะมาแนวสาวน้อยเข้าห้องแล้วก็ต้องไปต่อแหละ วันนี้จึงขอนำเสนอเรื่อง The Helpful Fox Senko-san 世話やきキツネの仙狐さん (ชื่อภาษาไทย คุณเซ็นโกะเทพจิ้งจอกคอยช่วยเหลือ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรไปลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ คุโรโตะ นากาโนะ หนุ่มวัยทำงานที่ทำงานหนักแทบทุกวันจนสภาพจิตใจย่ำแย่เลยโดนความหม่นหมองมืดมิดค่อยๆกลืนกิน ร้อนไปถึง เซ็นโกะ จิ้งจอกสาวผู้รับใช้เทพเจ้าผู้มีอายุยาวนานถึง800ปีต้องอาสามาคอยดูแลและขจัดความเหนื่อยล้าของคุโรโตะให้จางหายไปให้จงได้ เธอจึงถือวิสาสะเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกับคุโรโตะในห้องเช่าด้วยนั่นเอง 


ความคิดเห็น:

    อย่างที่บอกเรื่องนี้ก็เป็นแนวสาวน้อยเข้าห้องทั่วๆไปนะแหละครับ แต่ที่ผมให้ห้าดาวก็เพราะอินกับการทำงานหนักแทบไม่ได้พักได้ผ่อนของคุโรโตะเป็นพิเศษ การที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวในห้องแบบพนักงานเงินเดือนญี่ปุ่นมันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ บางคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งก็อาจจะป่วยทั้งทางกายและทางจิตได้จนอาจเลยเถิดไปถึงการตายเพราะทำงานหนักเกินไป (過労死 Karoshi) ผมที่ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาเลยเข้าอกเข้าใจคุโรโตะอยู่พอสมควรละครับ การที่ได้ใครสักคนมาคอยดูแลเอาใจใส่จึงเป็นอะไรที่ซาบซึ้งตรึงใจมากเป็นพิเศษโดยที่ไม่ต้องมีบทโรแมนติกอะไรหนักหนาก็ได้ ตัวเซ็นโกะเองก็เป็นคาแร็คเตอร์ที่ผสมระหว่างสาวน้อยโลลิ+เทพธิดามิโกะ+หูกับหางจิ้งจอกบวกกับนิสัยแบบคุณยายใจดี(อารมณ์เหมือนคุณยายฟรีเรนที่ทำกับข้าวกับปลาเอาอกเอาใจเก่งๆหน่อยอะนะ) เรียกได้ว่ารวมความน่ารักน่าเอ็นดูเอาไว้ให้หมดแล้ว ชายใดถ้าใครได้ศรีภรรยาแบบเซ็นโกะซังนี่ก็เรียกได้โชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีกอะนะ เฮอๆ

ข้อด้อย:

    เนื่องจากเป็นแนวชีวิตประจำวัน เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเซอร์วิสของเซ็นโกะที่มาคอยดูแลคูโรโตะ ดูแล้วก็อาจจะอิจฉาหน่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรหรือหว่าแบบอนิเมะแนวนี้ๆ จะว่าเป็นแนวรักโรแมนติกแบบหนุ่มสาวก็ไม่เชิง ออกจะเหมือนความรักแบบยายหลานเสียมากกว่าอะนะ อีกอย่างคนที่ยังไม่เคยทำงานหนักเป็นพนักงานเงินเดือนหรือยังอายุน้อยอยู่ ดูแล้วก็อาจจะไม่ได้อินกับเนื้อเรื่องเลยก็เป็นได้ 

     กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็คงเหมาะกับผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว ดูแล้วคงอินเป็นพิเศษ ตัวเนื้อเรื่องก็เน้นย้ำเรื่องสมดุลการทำงานกับสุขภาพและการให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว ภาพสวยระดับนึง ดูได้เรื่อยๆสบายๆไม่มีดราม่าอะไรมากมาย เด็กๆ(โตหน่อย)ก็น่าจะพอดูได้ไม่มีปัญหาครับ สนใจยังไงก็ลองหามารับชมได้นะครับ


ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->


วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567

Anime No. 63 : Studio Apartment, Good Lighting, Angel Included ワンルーム、日当たり普通、天使つき。

 สวัสดีครับ สัปดาห์ก่อนๆ เสนอเรื่องนางฟ้าข้างห้องไป วันนี้เลยขอนำเสนอนางฟ้าในห้องไปเลยดีกว่า !! นั่นก็คือเรื่อง Studio Apartment, Good Lighting, Angel Included ワンルーム、日当たり普通、天使つき。 (ชื่อภาษาไทย หนึ่งห้อง สองหัวใจ อุ่นไอรัก) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ชินทาโร่ โทคุมิซึ หนุ่มน้อยม.4 ผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวในห้องเช่าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง วันนึงจู่ๆก็มีสาวน้อยน่ารักนางหนึ่งมานอนอยู่ตรงระเบียงห้องของชินทาโร่ ปรากฎว่าเธอคนนั่นชื่อว่า โทวะ  เธอบอกว่าเป็นนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อเรียนรู้ชีวิตของมนุษย์ ชินทาโร่รู้สึกว่าโทวะเป็นเด็กผู้หญิงเพี้ยนๆหรือเปล่าจึงบอกให้เธอออกจากห้องไป แต่ด้วยความเป็นห่วงและดูเหมือนว่าโทวะจะไม่รู้ประสีประสาเรื่องราวบนโลกมนุษย์จริงๆ สุดท้ายก็ยอมให้โทวะมาอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งโทวะที่เป็นนางฟ้าจริงๆก็ทำหน้าที่ดูแลชินทาโร่เป็นอย่างดี เรื่องราวของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวรักโรแมนติกผสมแฟนตาซี รู้สึกหลังๆอนิเมะแนวๆนี้จะเล่นมุกให้ตัวเอกอยู่ห้องคนเดียวแล้วต้องมาเจอใครมาขออยู่ด้วยเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็อาจจะเป็นการสะท้อนสภาพสังคมญี่ปุ่นที่คนสมัยใหม่นี่ก็อยู่ห้องเช่าคนเดียว ด้วยความเหงาก็เลยอาจจะชอบเรื่องที่เป็นแนวๆอยากมีใครมาคอยดูแลน่ะแหละนะ ตัวเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไร จะมีตัวละครประหลาดๆค่อยๆโพล่มา การออกแบบตัวละครก็น่ารักดีตามแนวหวานแหววโมเอะละนะ ภาพสวยระดับนึง ก็เรียกได้ว่าดูได้เรื่อยๆไม่ต้องคิดมาก มีความสนุกสนานระดับหนึ่งแหละ

ข้อด้อย:

    ข้อด้อยก็อาจจะเป็นเรื่องที่มันเป็นพล๊อตเรื่องที่เจอกันบ่อยๆในอนิเมะเรื่องอื่นอยู่แล้ว อย่างผมดูแล้วก็แอบๆนึกถึงเรื่อง Oh My Goddess !  อยู่เหมือนกัน โดยโทวะนี่ก็ให้อารมณ์เหมือนเบลดันดี้อยู่อะนะ แต่โดยตัวเนื้อเรื่องเองก็แตกต่างกันอยู่พอสมควรละ นอกนั้นก็คงเรื่องที่จบเร็วไปนิด ยังไม่ทราบว่าจะมีภาคต่อหรือเปล่า

     กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวโรแมนติกแฟนตาซี มุกก็พอขำๆมีความเป็นฮาเร็มหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้มีฉากล่อแหลมอะไรมากมาย ผมว่าเด็กๆก็คงพอดูได้แหละ ใครที่อยู่คนเดียวเหงาๆโสดๆก็ลองหามาดูกันได้ครับ(อาจจะเหงากว่าเดิมก็ได้นะไม่รู้เหมือนกัน เฮอๆ) 

 ส่งท้ายขายของครับ ตำนานแมงสี่หูห้าตาฉบับนวนิยาย ->

 

Thumbnail Seller Link
4 Ears 5 Eyes Monster Tale ตำนานแมงสี่หูห้าตา ฉบับนวนิยาย
Ataya P
www.mebmarket.com
จากตำนานเล่าขานแมงสี่หูห้าตาของชาวล้านนา สู่เรื่องราวในฉบับนวนิยายที่เรียบเรียงใหม่ให้มีความสมจริง สนุกสนาน อ่านได้สนุกทุกเพศทุกวัย เชิญลองมาอ่านกันเน...
Get it now

ซื้อที่กูเกิลบุ๊ค -> ตรงนี้ <-


 

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2567

Anime Special 15 : จัดอันดับอนิเมะในดวงใจ 個人的のアニメランキング

 สวัสดีครับ ว่างๆก็มานั่งคิดว่าเราเองก็ดูอนิเมะญี่ปุ่นมาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆจนเดี๋ยวนี้โตจนเป็นตาลุงแล้วก็ยังดูอยู่และดูต่อไป ก็เลยจะลองจัดอันดับอนิเมะที่อยู่ในดวงใจดู ว่าแล้วมาลองดูกันครับ


1. Macross 

เป็นอนิเมะแนวไซไฟหุ่นยนต์รบที่เคยดูภาคแรกที่เป็นเวอร์ชันอเมริกัน Robotech เมื่อตอนที่เป็นเด็กมากๆก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรแต่ก็พอจะจำพล๊อตจำตัวละครหลักๆได้บ้าง จนกระทั่งทางช่องเจ็ดเอา Macross 7 มาฉาย ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เป็นวัยรุ่นพอดี พอดูไปแล้วก็คุ้นๆว่า เอ๊ะ มันเป็นภาคต่อของ Robotech นี่หว่า ประกอบกับช่วงนั้นก็อินกับกระแส J-Rock ของทางญี่ปุ่น ทั้งวง X-Japan , L'Arc-en-Ciel , LunaSea ก็เลยชอบในตัวของเน็คคิบาซาร่าตัวเอกของเรื่องด้วยโดยปริยาย เรียกได้ว่าเรื่องนี้่เหมือนเป็นความทรงจำในวัยเด็กบวกกับช่วงวัยรุ่น(ที่ทั้งหวานและขมขื่น) ตัวเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างมีเอกลักษณ์มีทั้งความเป็นไซไฟความรักสามเศร้าและเสียงเพลง ผมเลยจัดให้เรื่องนี้เป็นอนิเมะในดวงใจอันดับหนึ่งและเขียนเกี่ยวกับเรื่อง Macross มากเป็นพิเศษละครับ (อ่านได้ที่นี่เลยครับ

 

2. Dragon Ball

สำหรับเด็กผู้ชายที่เกิดในยุค 80-90 ก็คงต้องเคยดูดราก้อนบอลกันทั้งนั้น ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ทุกๆวันเสาร์อาทิตย์ต้องตื่นแต่เช้ามาเปิดช่องเก้ารอดูดราก้อนบอล เวลาไปโรงเรียนก็คุยกันเรื่องดราก้อนบอลกับเพื่อนๆนี่แหละ ไหนจะสะสมการ์ดดราก้อลบอลของขนมโอเดงย่า ฟิกเกียร์ ของเล่นของสะสม (แต่ก็หายๆไปไหนหมดก็ไม่รู้เหมือนกัน) ดราก้อนบอลก็เลยถือได้ว่าเป็นอนิเมะในดวงใจในวัยเด็กของผมได้เลยทีเดียว เพียงแต่ว่าพอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นผมก็ไม่ได้ติดตามดูต่อแล้ว(น่าจะดูุถึงภาค Dragon Ball Z ตอนที่สู้กับเซลล์ละมั้ง) ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าหลังๆมาเนื้อเรื่องมันดูอืดๆ สู้กันทีก็ว่ากันเกิน 5-6 ตอนแล้วกว่าจะรู้ผล ตอนเด็กมันคงไม่คิดอะไรหรอกแต่พอเป็นผู้ใหญ่มันก็ไม่มันส์ไม่สนุกเท่าไรแล้วละนะ (มันก็ส่งผลให้ผมไม่ค่อยชอบดูอนิเมะแนวโชเน็งซะเท่าไหร เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นเหมือนดราก้อนบอลนี่แหละ คือแรกๆสู้กันสนุกดีแต่พอดังๆเข้าจะเริ่มยืดเรื่องออกทะเลยาวจนเป็นสิบๆปีก็ไม่จบ อย่างวันพีชนารุโตะนี่ผมก็ไม่ดูเลยก็ว่าได้เพราะคิดว่าอาจจะตายก่อนที่จะได้รู้ตอนจบอะนะ เฮอๆ) 

 


3. Ranma 1/2

ช่วงนี้ก็มีการรีเมคเรื่องรันม่าฮาร์ฟใหม่ด้วยละนะ จริงๆผมก็ดูเรื่องนี้ตอนช่วงม.ต้นละมั้ง รู้สึกจะฉายช่องเก้านะแหละ จำได้ว่าตอนนั้นติดหนักมากจนไม่ค่อยยอมไปไหนเลยในวันเสาร์อาทิตย์(เด็กสมัยนี้คงไม่เข้าใจ สมัยก่อนนี้การ์ตูนจะฉายทางทีวี ฉายแล้วฉายเลยไม่มีรีรัน ไม่สามารถหาดูซ้ำได้ง่ายๆเหมือนสมัยนี้ที่อยากดูเมื่อไหร่ก็กดดูสตรีมมิ่งได้เลย สมัยนั้นถ้าอยากดูซ้ำจริงๆก็อาจจะต้องไปหาเช่าวีดีโอเทปมาดูซึ่งก็เสียตังค์อีกนะแหละแถมอาจจะไม่มีหรือมีไม่ครบด้วย) เนื่องด้วยเรื่องนี้ฮามาก เป็นแนวพ่อแงแม่งอนก็จริงแต่มุกต่างๆก็ดูสนุก แถมได้ทีมพากย์น้าต๋อยเซมเบ้ทีมช่องเก้าการ์ตูนสมัยนั้นพากย์ด้วยยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ เวลาเรียนเครียดๆมาพอดูแล้วก็เลยรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ซึ่งอนิเมะสมัยนี้อาจจะหาเรื่องแนวๆนี้ได้ยากแล้ว (คือมันก็มีแนวโมเอะแนวรอมคอมนะแหละนะ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ลงตัวเหมือนเรื่องรันม่าอยู่ดีนะแหละนะ) 

 


4. Sailor Moon

ใช่ครับ ผมเองก็ดูเซลเลอร์มูนเหมือนกัน สมัยนั้นเด็กผู้ชายก็ต้องชอบดราก้อนบอล ส่วนเด็กผู้หญิงก็ต้องชอบเซลเลอร์มูน แต่ผมเองก็ดูเซลเลอร์มูนด้วย เหตุหนึ่งก็เพราะต้องดูเป็นเพื่อนน้องสาวด้วยละนะ อีกอย่างพอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยมันก็เริ่มเบื่อๆอนิเมะแนวโชเน็งที่มีแต่ผู้ชายกล้ามใหญ่ๆมาต่อสู้กันแหละ ก็คงจะเริ่มหันไปสนใจแนวสาวๆสวยๆน่ารักๆบ้างก็คงไม่แปลกอะไรละมั้ง อย่างไรก็ดีผมเองก็ดูเซลเลอร์มูนแค่ภาคสองภาคเท่านั้นเอง ภาคหลังๆก็ไม่ตามดูอะไรขนาดนั้น ผมคิดว่าตัวนางเอกอย่างอุซางิเองก็น่าจะเป็นต้นแบบนางเอกอนิเมะญี่ปุ่นในช่วงเวลาต่อมาด้วย คือพวกนางเอกที่นิสัยออกก๋งๆอ๊องๆหน่อยอะนะ (ถ้าถามว่าชอบเซลเลอร์อะไรมากที่สุด ผมชอบเซลเลอร์มาร์สกับเซลเลอร์วีนัสอะนะ น่าจะชอบผู้หญิงผมยาวตรงสะหลวยสวยเก๋แหละ เฮอๆ )

 


5. Ghibli Studio Anime

สมัยเด็กๆเรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยได้ดูอนิเมะจากสตูดิโอจิบลิเลย อาจจะเป็นของหายากในสมัยนั้นก็ได้ แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เหมือนจะเอามาฉายทางทีวีให้ดู ซึ่งก็คือเรื่อง Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อยนั่นเอง ซึ่งคอหนังจิบลิคงจะรู้ดี ใครได้ดูเรื่องนี้รับรองได้ว่าน้ำตาแตกตอนจบแน่นอน ซึ่งผมตอนที่เป็นเด็กๆได้ดูแล้วก็ไม่รอดเหมือนกัน นั่งร้องให้อยู่เป็นวรรคเป็นเวรเป็นแผลในใจจนโตแหละ พอเวลาผ่านไปถึงได้มีโอกาศได้ดูหนังอนิเมะเรื่องอื่นๆจากสตูดิโอจิบลิ ก็มีชอบบ้างไม่ชอบบ้างละนะ แต่เอาเข้าจริงเรื่องที่อยู่ในใจคงจะเป็นเรื่อง Porco Rosso หมูแดง ซึ่งก็เป็นหนังอนิเมะที่อาจจะไม่ได้ดังเท่าเรื่องอื่นๆ อย่าง Spirited Away แต่คงเป็นเพราะผมมาดูเรื่องนี้ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เลยอินกับความรักที่ไม่สมหวังของเหล่าตัวเอก ความเหงาๆอะไรบางอย่างในเนื้อเรื่อง มันเป็นอนิเมะที่มีความเป็นเด็กผสมกับความเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างลงตัว ก็เลยชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษละครับ  (สำหรับเรื่องอื่นๆส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่เด็กไปก็ดาร์กเกินไปละนะ)

เท่าที่คิดออกก็คงจะประมาณนี้ ไม่ทราบว่าจะตรงใจกับอนิเมะที่ท่านผู้อ่านชื่นชอบหรือไม่ ยังไงก็ลองมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2567

Anime No. 62 : The Angel Next Door Spoils Me Rotten お隣の天使様にいつの間にか駄目人間にされていた件

 สวัสดีครับ เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีพ.ศ 2567 กันแล้ว ช่วงนี้อากาศแถวๆนี้ก็เริ่มหนาวๆ มันก็พาลทำให้ถึงบรรยากาศของเหล่าคู่รักในช่วงคริสต์มาส ว่าแล้วเราก็มีรีวิวอนิเมะที่หวานน้ำตาลขึ้นเรื่องนี้กัน นั่นคือเรื่อง The Angel Next Door Spoils Me Rotten お隣の天使様にいつの間にか駄目人間にされていた件 (ในชื่อภาษาไทย ขาดคุณนางฟ้าข้างห้องไป ผมคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ อามาเนะ ฟุจิมิยะ หนุ่มน้อยม.4 ที่ออกจากครอบครัวมาอยู่อาศัยคนเดียวในอพาร์เมนต์แห่งหนึ่ง โดยปรากฎว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆของเขากลับเป็น มาฮิรุ ชิอินะ สาวสวยเพื่อนร่วมห้องเดียวกับอามาเนะซึ่งเธอทั้งสวยและเพรียบพร้อม ผลการเรียนดีกีฬาเก่งจนใครๆก็เรียกว่า"นางฟ้า" เรื่องที่อามาเนะกับมาฮิรุอยู่ห้องข้างๆกันก็ไม่มีใครรู้ จนมาวันหนึ่งเมื่ออามาเนะเห็นมาฮิรุนั่งหงอยๆเหงาๆตากฝนอยู่ที่ชิงช้า เลยยื่นร่มที่มีให้กับเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นแนวรักใสๆหัวใจแหววๆแบบชีวิตประจำวันวัยรุ่นนักเรียน คิดกลับกันก็จัดอยู่ในโหมดทรมานคนโสดได้ละนะ ตัวเนื้อเรื่องก็จะนำเสนอความสัมพันธ์ของอามาเนะกับมาฮิรุที่จะค่อยๆสานสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ จากคนรู้จักกลายเป็นเพื่อนและจากเพื่อนก็เริ่มจะเป็นอะไรบางอย่างที่มากกว่าเพื่อนไปแล้ว ผมว่าสาวๆคนที่ชอบแนวๆรักๆใคร่ๆการ์ตูนเด็กผู้หญิงก็น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ละนะครับ ส่วนตัวภาพก็วาดออกมาได้สวยดี ตัวละครก็เป็นแนวตาหวาน พระเอกหล่อนางเอกสวยทั่วไปเลยครับ

ข้อด้อย:

    เนื่องจากมันก็เป็นรักๆใคร่ๆก็เลยไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นพลิกพันหักมุมอะไรขนาดนั้น ดูๆไปก็พอจะเดาพล็อตเรื่องได้ละนะ คนที่ไม่ได้เป็นเบาหวานดูแล้วก็จะเลี้ยนๆหน่อยละเพราะมันหวานจนน้ำตาลยังเรียกพี่(อารมณ์เหมือนต้องมาทนดูคนรักสวิทกันละนะ) ส่วนคนโสดก็ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่าไม่งั้นคงอิจฉาตาร้อนตัวเอกแงงๆ เฮอๆ 

    กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็เป็นแนวรักโรแมนติก เนื้อเรื่องอาจจะเดาง่ายไปนิดแต่ก็ดูได้เรื่อยๆถ้าไม่คิดอะไรมาก ใครที่ชอบแนวนี้ก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ (ตอนนี้มีหนึ่งซีซันแต่คาดว่าจะมีซีซันสองมาฉายในเร็ววันครับ)

Official Anime Website -> https://otonarino-tenshisama.jp/

 

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->


วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Anime No.61 : Blue Archive The Animation ブルーアーカイブ

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีแต่ข่าวชาวไทยติดหนี้กันอ่วม จนดูเหมือนหนี้สาธารณะของเราสูงถึง 120% ต่อ GDP กันแล้ว (คิดแบบชาวบ้าน ตอนนี้คนไทยทำมาหากินมาได้ร้อยบาทต้องจ่ายหนี้ร้อยยี่สิบ เท่ากับรายได้ติดลบยี่สิบบาทอะนะ) ก็เลยคิดถึงอนิเมะที่เกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่พึ่งดูไปเมื่อไม่นานมานี้ นั่นก็คือเรื่อง Blue Archive The Animation ブルーアーカイブ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มต้นที่ ชิโรโกะ ซุโนโอคามิ สาวน้อยผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนแห่งโรงเรียนอาบิโดส โรงเรียนที่กำลังประสบปัญหาติดหนี้สินมหาศาลและกำลังจมอยู่ในกองทะเลทรายที่รุกคืมมาเรื่อยๆ ส่งผลทำให้มีนักเรียนเหลืออยู่แค่ห้าคน ระหว่างที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียนชิโรเกะได้พบกับชายคนหนึ่งกำลังจะเป็นลมแดด เมื่อชิโระโกะพาไปที่โรงเรียนจึงทราบว่าชายคนนี้คือ เซนเซ คุณครูที่ถูกส่งจากซาเล่ต์องค์การนักเรียนเพื่อมาช่วยเหลือกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายของทางโรงเรียน ทั้งหกคนก็เลยต้องทำทุกวิธีทางเพื่อจะรักษาโรงเรียนอาบิโดสเอาไว้ให้ได้


ความคิดเห็น:

    ก่อนอื่นต้องบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่สร้างมาจากเกม คนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้(อย่างข้าพเจ้า)ก็อาจจะไม่รู้รายละเอียดหรือที่มาที่ไปมากนัก เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นแนวกลยุทธใช้เหล่านักเรียนสาวๆมายิงกันนะแหละนะ อย่างไรก็ดีตัวเนื้อเรื่องของอนิเมะก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวละครมีเรื่องราวและความสัมพันธ์กันในแนวอนิเมะโรงเรียนสาวน้อย ตัวภาพสวยงาม ฉากแอ็คชันก็พอดูได้ ตัวละครก็น่ารัก(แนวสาวน้อยโมเอะทั้งหลายแหละ) สาวๆแต่ละคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ก็เรียกได้ว่าคนที่ไม่เคยเล่นเกมก็คงจะดูได้เพลินๆไม่เสียหายอะไร

ข้อด้อย:

    เนื่องจากเป็นเซ็ทติ้งที่มาจากเกมก็เลยอาจจะมีหลายๆอย่างไม่อยู่ในหลักเหตุผลเท่าไร เช่น ทำไมต้องให้นักเรียนมาตีกันด้วย หรือไม่มีผู้ใหญ่คนไหนมาช่วยเด็กๆปลดหนี้บ้างเลยรึอย่างไร เรียกได้ว่าถ้าไม่คิดอะไรมากปล่อยผ่านๆไปก็คงดูสนุกขึ้นละนะ แต่ผมว่าคนที่เล่นเกมนี้มาก่อนก็คงจะอินกับอนิเมเรื่องนี้มากกว่าคนที่ไม่เคยเล่นแน่ๆแหละ

    กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณชอบเกม Blue Archive ก็น่าจะชอบอนิเมะด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นอย่างผมก็คงจัดให้อยู่ในแนวไซไฟแฟนตาซีบวกแนวสาวน้อยฮาเร็ม(เพราะมีคุณครูเป็นผู้ชายอยู่คนเดียวในโรงเรียนหญิงล้วนอะนะ) เนื้อเรื่องอาจจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไรแต่ก็พอดูรู้เรื่อง มีตัวละครน่ารักๆหูหมาหูแมวเยอะแยะ ถ้าชอบแนวๆนี้ก็ลองหามาดูกันได้นะครับ 

ส่งท้ายขายของครับ ตำนานแมงสี่หูห้าตาฉบับนวนิยาย ->

 

Thumbnail Seller Link
4 Ears 5 Eyes Monster Tale ตำนานแมงสี่หูห้าตา ฉบับนวนิยาย
Ataya P
www.mebmarket.com
จากตำนานเล่าขานแมงสี่หูห้าตาของชาวล้านนา สู่เรื่องราวในฉบับนวนิยายที่เรียบเรียงใหม่ให้มีความสมจริง สนุกสนาน อ่านได้สนุกทุกเพศทุกวัย เชิญลองมาอ่านกันเน...
Get it now

ซื้อที่กูเกิลบุ๊ค -> ตรงนี้ <-


วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Anime No.60 : A Certain Scientific Railgun とある科学の超電磁砲

สวัสดีครับ ช่วงนี้ไถ่ติ๊กต็อกไปก็มักจะเจอเพลง Only My Railgun อยู่บ่อยๆ ว่าแล้ววันนี้ก็เลยจะมารีวิวอนิเมะเรื่องที่เพลงนี้เป็นเพลงเปิดกันดีกว่า นั่นก็คือ  A Certain Scientific Railgun とある科学の超電磁砲 (ชื่อภาษาไทย เรลกันแฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ

 


Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองแห่งการศึกษา สถานที่ที่รวมโรงเรียนสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเหล่ามนุษย์ที่มีพลังเหนือมนุษย์ หนึ่งในนั่นคือ  มิโคโตะ มิซากะ สาวน้อยผู้มีพลังระดับเลเวล5 ผู้สามารถควบคุมไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์และยิงเรลกัน(ปืนพลังแม่เหล็กไฟฟ้า)ที่มีพลังทำลายล้างสูงได้จนติดอันดับ 3 ในสุดยอดระดับเวเวล5ทั้งเจ็ดคนได้  โดยเธอเองก็มีรุ่นน้อง คุโระโกะ ชิราอิ ผู้มีพลังในการเทเลพอร์ทคอยตามติดเป็นคู่หู และยังมี คายาริ อุยฮารุ สาวน้อยเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลและ รุยโกะ ซาเต็น สาวน้อยเลเวล0ที่ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรแต่คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ทั้งสี่คนต้องคอยสืบสวนและแก้ปัญหาที่เกียวเนื่องกับผู้มีพลังเหนือมนุษย์นั่นเอง 



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวแอ็คชันไซไฟแนวพลังเหนือมนุษย์ ผมว่าเรื่องมันก็จัดได้อยู่ในประเภทอนิเมะผู้มีพลังจิตเหมือนที่ฮิตๆกันช่วงปี90ปลายๆ (อ่านได้ตรงนี้) เรื่องราวมีการวางพล็อตได้ซับซ้อน ตัวดีตัวร้ายก็ไม่ได้ดีสุดๆร้ายสุดๆก็สลับๆกันไป ตัวละครก็มีพัฒนาการไปเรื่อยๆ ก็ว่าดูได้สนุกดีครับ งานภาพสวยงาม ฉากแอ็คชันก็ทำได้ดีสวยงามอลังการ คนทีชอบแนวไซไฟหรือแนวพลังจิตพลังเหนือมนุษย์ก็น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากละครับ

ข้อด้อย:

    สำหรับคนที่เป็นแฟนมาร์เวลพอดูเรื่องนี้แล้วก็อาจจะรู้สึกได้ว่ามันเหมือน X-Men เวอร์ชันสาวน้อยมัธยมญี่ปุ่นJKอยู่เหมือนกัน อย่างมิซากะนี่ก็คือเหมือนแม็กนิโตเลย คุโรโกะก็เหมือนไนท์ครอเลอร์เป็นต้น อีกเรื่องก็ตัวเนื้อเรื่องบางตอนมันก็ดาร์กๆไปหน่อย ถ้าให้เด็กๆเล็กๆดูก็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไรละนะครับ

    กล่าวโดยสรุป สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ก็จัดได้ว่าเป็นอนิเมะชื่อดัง เพลงประกอบก็ดัง มีภาคต่อภาคแยกมากมาย (รวมถึงเรื่อง INDEX คัมภีร์คาถาต้องห้าม) ผมเองก็ตามดูไม่หมดหรอกครับ แต่คิดว่าโดยรวมแล้วก็จัดเป็นจักรวาลเรลกันเหมือนกับจักรวาลมาร์เวลอะนะ ใครกำลังหาอนิเมะแนวไซไซแนวพลังเหนือมนุษย์ก็ลองหามาดูกันได้นะครับ น่าจะชอบกันน่ะแหละ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Anime No. 59 : My Roommate Is a Cat 同居人はひざ、時々、頭のうえ

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีข่าวละครดังเอาแมวประกอบฉากมาวางยาเพื่อความสมจริง ก็เป็นเรื่องเป็นราวไปตามระเบียบสังคมขาดดราม่าไม่ได้อย่างเมืองไทยละนะ (จริงๆผมว่าใช้CGหรือเปลี่ยนบทเป็นหมาจะง่ายกว่าหรือเปล่า เพราะแมวนี่สั่งอะไรให้มันแสดงไม่ได้หรอก) ว่าถึงเรื่องแมววันนี้ก็เลยจะมารีวิวอนิเมะที่มีแมวเป็นตัวเอกกัน นั่นก็คือเรื่อง My Roommate Is a Cat 同居人はひざ、時々、頭のうえ (ชื่อภาษาไทย นายท่านอยู่บนตักหรือบางทีอยู่บนหัวเรา ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ซึบารุ มิคาสึกิ ผู้ที่สูญเสียครอบครัวไปกระทันหันและทำอาชีพเป็นนักเขียนนิยายแนวลึกลับหาเลี้ยงชีพ เรื่องในอดีตทำให้เขากลายเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยจะมีเพื่อนเท่าไร วันหนึ่งตอนที่เขาไปเยี่ยมสุสานของครอบครัวก็ได้พบกับแมวน้อยตัวหนึ่งและก็ได้เก็บมาเลี้ยง ซึบารุตัั้งชื่อแมวตัวนี้ว่า ฮารุ ด้วยการที่เขาต้องมาคอยดูแลสิ่งมีชีวิตตัวนี้จึงทำให้เขาค่อยๆเปิดใจกับผู้คนอื่นๆที่อยู่รอบตัวมากขึ้นนั่นเอง


ความคิดเห็น :

    สำหรับเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าเอาใจทาสแมวแบบเต็มๆ เจ้าแมวฮารุก็น่ารักน่าเลี้ยงมาก นิสัยแบบแมวๆของมันก็ค่อนข้างจะตรงกับแมวจริงๆนั่นแหละ(เพราะมันไม่เคยเห็นซึบารุเป็นเจ้านายน่ะนะ) ผู้ชมก็จะได้เห็นวิวัฒนาการของซึบารุที่จากคนเงียบๆไม่สนใจใครก็จะค่อยๆกลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเรื่อยๆจากการที่มีสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่าเป็นอนิเมะแนวอบอุ่นหัวใจฟิลกู้ดเรื่องหนึ่งละนะ สำหรับงานภาพก็ถือว่าสวยงามระดับนึงพอใช้ได้ เนื้อเรื่องก็ไปเรื่อยๆไม่ได้มีดราม่าอะไรมากมายตามแนวชีวิตประจำวันละครับ

ข้อด้อย:

    ข้อด้อยก็อาจจะเป็นที่ว่าในแต่ละตอนจะมีการเล่าเรื่องสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเรื่องในมุมมองของซุบารุแล้วอีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องในมุมมองของเจ้าแมวฮารุ แต่เวลาที่เรื่องของซุบารุจบแล้วเขาไม่ได้บอกว่าต่อไปจะย้อนไปเป็นเรื่องของฮารุ เราต้องดูไปสักพักถึงจะรู้ตัวว่าเรื่องตอนนี้คือเรื่องราวของฮารุแล้ว คนดูบางคนก็อาจจะงงๆ ว่าเรื่องมันย้อนเล่าไปตั้งแต่เมื่อไร (คือถ้าได้ยินเสียงพากย์ของฮารุแล้วมันก็คือเรื่องของฮารุแล้วอะนะ) 

    กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็คงเป็นที่ถูกใจสำหรับเหล่าทาสแมวทั้งหลาย คนที่ท้อแท้หมดอาลัยตายอยากซึมๆเศร้าๆเหมือนตัวเอกก็น่าจะได้อะไรๆจากเรื่องนี้เหมือนที่ซึบารุได้กำลังใจจากฮารุเหมือนกันละครับ ถ้าสนใจก็ลองหามาดูกันได้นะครับ (ตอนที่เขียนมีหนึ่งซีซัน น่าจะจบดีไม่มีอะไรค้างคาครับ)

ส่งท้ายขายของครับ ตำนานแมงสี่หูห้าตาฉบับนวนิยาย ->

 

Thumbnail Seller Link
4 Ears 5 Eyes Monster Tale ตำนานแมงสี่หูห้าตา ฉบับนวนิยาย
Ataya P
www.mebmarket.com
จากตำนานเล่าขานแมงสี่หูห้าตาของชาวล้านนา สู่เรื่องราวในฉบับนวนิยายที่เรียบเรียงใหม่ให้มีความสมจริง สนุกสนาน อ่านได้สนุกทุกเพศทุกวัย เชิญลองมาอ่านกันเน...
Get it now

ซื้อที่กูเกิลบุ๊ค -> ตรงนี้ <-


วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Anime No. 58 : Tada Never Falls In Love 多田くんは恋をしない

 สวัสดีครับ ไหนๆสัปดาห์ก่อนก็แนะนำอนิเมะแนวรักๆใคร่ๆไปแล้ว สัปดาห์นี้ก็เอาใจคนชอบแนวนี้ไปให้สุดๆกันไปเลย กับเรื่องนี้ครับ Tada Never Falls In Love 多田くんは恋をしない (ชื่อภาษาไทย ทาดะคุงไม่ตกหลุมรัก) เรื่องราวจะเป็นยังไงมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของหนุ่มน้อยม.ปลาย ทาดะ มิซึโยชิ ที่กำลังถ่ายรูปซากุระบานอยู่แต่ดันมีผู้หญิงคนหนึ่งเขามาบังเฟรม เธอคือ เทเรซ่า วากเนอร์ สาวน้อยจากต่างประเทศแถบยุโรปผู้หลงไหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบโบราณที่เธอได้ดูจากซีรี่ย์เรนโบว์โชกุนเมื่อตอนเป็นเด็กๆ ต่อมาด้วยเหตุที่มีฝนตกลงมาและเธอก็เปียกฝนทาดะจึงพาเธอไปเปลี่ยนชุดที่ร้านกาแฟของคุณปู่ของเขา ก่อนที่ อเล็ก บอดี้การ์ดของเทเรซ่าจะมาเจอเข้าและพาเธอไปพักที่โรงแรมที่จริงๆแล้วก็อยู่ข้างร้านกาแฟนั่นเอง วันรุ่งขึ้นปรากฎว่าเทเรซ่าและอเล็กก็มาเข้าเรียนที่โรงเรียนของทาดะและก็ได้เข้าชมรมถ่ายรูปด้วยกันด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวรักหวานแหวสไตล์วัยรุ่น เนื้อเรื่องก็ดูได้เรื่อยๆสะบายๆไม่ต้องคิดอะไรมาก ภาพประกอบสวยงาม ตัวละครก็ดูดีตามสไตล์การ์ตูนตาหวานที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบนั่นแหละนะ ผมดูจบแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Roman Holiday หรือเปล่า(เรื่องนี้ก็ดังมากในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าทำให้แอนเดอร์เฮปเบิร์นเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปเลยละนะ) มันก็ให้อารมณ์ประมาณนั้นแหละ ใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้ก็น่าจะคิดเหมือนกันกับผมละนะ 

ข้อด้อย:

    สำหรับข้อด้อยก็อาจจะมีเรื่องที่พล๊อตมันพอเดาได้ง่ายไปหน่อย อีกอย่างก็บทมันมีเรื่องที่บังเอิญเป็นยังงั้นยังงี้ทำให้เรื่องมันดำเนินไปได้แบบผ่านไปได้ซะงั้นก็เลยอาจจะดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลในบางประเด็นละนะ แต่ก็พอหยวนๆไปนะแหละ (เพราะเราก็ดูเอาความหวานน้ำตาลขึ้นซะมากกว่าอะนะ) 

    กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณชอบอนิเมะแนวหวานแหวววัยรุ่นวุ่นรักหรือแนวฟีลกู๊ด คุณก็น่าจะชอบเรื่องนี้แหละ เรื่องนี้ก็มีซีซันเดียวจบในตัวไม่มีอะไรค้างคา ถ้าสนใจก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

 

ส่งท้ายขายของครับ ตำนานแมงสี่หูห้าตาฉบับนวนิยาย ->

 

Thumbnail Seller Link
4 Ears 5 Eyes Monster Tale ตำนานแมงสี่หูห้าตา ฉบับนวนิยาย
Ataya P
www.mebmarket.com
จากตำนานเล่าขานแมงสี่หูห้าตาของชาวล้านนา สู่เรื่องราวในฉบับนวนิยายที่เรียบเรียงใหม่ให้มีความสมจริง สนุกสนาน อ่านได้สนุกทุกเพศทุกวัย เชิญลองมาอ่านกันเน...
Get it now

ซื้อที่กูเกิลบุ๊ค -> ตรงนี้ <-


วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Anime No. 57 : The Ice Guy and His Cool Female Colleague 氷属性男子とクールな同僚女子

 สวัสดีครับ ช่วงนี้กรมอุตุก็ประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่พอคนบ่นว่าจะหนาวกี่โมง ก็เลยเหมือนจะเลื่อนกำหนดหน้าหนาวออกไปอีกหน่อย เฮอๆ ว่าถึงเรื่องอากาศหนาวๆแล้วก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย The Ice Guy and His Cool Female Colleague 氷属性男子とクールな同僚女子 (ชื่อภาษาไทย บริษัทลุ้นรักหนุ่มหิมะกับสาวสุดคูล) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ



Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

        เรื่องราว มิโอ ฟุยุซึกิ สาวออฟฟิตที่พึ่งจะเริ่มงานกับบริษัท เธอเป็นคนหน้านิ่งๆเรียบๆง่ายๆดูดีและไม่ค่อยพูดมากจึงถูกเพื่อนร่วมงานมองว่าเป็นสาวคูล เธอได้พบกับ ยูคิยะ ฮิมูระ หนุ่มหน้าตาดีที่เข้าบริษัทมาพร้อมกันเธอ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นลูกหลานของสาวหิมะ ทำให้เวลาที่ตื่นเต้นประหม่าขึ้นมาจะเรียกพายุหิมะออกมาแบบไม่รู้ตัวและควบคุมไม่ได้ด้วย มิโอเลยต้องคอยดูแลและแก้ปัญหาให้กับยูคิยะและดูเหมือนนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งคู่ด้วยเช่นกัน

 


ความคิดเห็น:

     เรื่องนี้ก็เป็นแนวการ์ตูนตาหวานสำหรับเด็กผู้หญิงเลยละครับ พระเอกหล่อนางเอกก็สวย ฉากหลังภาพประกอบก็สวยงามดูง่ายสะบายตา บทก็ดูไหลลื้นดีไม่มีปัญหาอะไร มุกตลกก็ขำๆพอใช้ได้ เนื้อหาก็จะเป็นความรักของหนุ่มสาวออฟฟิคที่ดูเหมือนจะแอบชอบกันประมาณนั้น ใครที่ชอบแนวรักๆใคร่ๆสไตล์หวานแหววแบบผู้ใหญ่หน่อยๆ(พระเอกนางเอกจบมหาลัยเข้าวัยทำงาน)ก็น่าจะชอบกันละนะครับ

ข้อด้อย:

    สำหรับข้อด้อยก็อาจจะเป็นที่จบเร็วไปนิด ตอนที่เขียนรีวิวนี่มีหนึ่งซีซันยังไม่ทราบว่ามีภาคต่อหรือเปล่า อีกเรื่องก็ตัวประกอบบทน้อยไปสักนิดเพราะคงไปเน้นที่คู่พระเอกนางเอกเสียมากกว่า ส่วนตัวอยากให้ตัวละครประกอบมีบทมากกว่านี้สักหน่อย(โดยเฉพาะน้องสาวของพระเอกอะนะ น่ารักดีแต่ดันบทบาทน้อยไปสักหน่อย) 

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวรักโรแมนติกของหนุ่มสาวออฟฟิคที่ปนๆความแฟนตาซีเข้ามาด้วย ใครที่ชอบแนวๆนี้ก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ ไม่น่าจะผิดหวัง (ผมดูเวอร์ชันพากย์ไทยก็โอเคเลยนะ ยิ่งเขาใส่คำเมืองแทนสำเนียงคันไซก็ยิ่งตลกดี ใครฟังคำเมืองออกก็ลองดูได้นะครับ)

Official Anime Website -> https://icpc-anime.com/

 

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->



 

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Anime No. 56 : TenPuru: No One Can Live on Loneliness てんぷる

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้ากันอีกแล้ว เรียกได้ว่าเมืองไทยเมืองพุทธนี่คงจะขาดข่าวทำนองนี้ไปเสียไม่ได้แหละ ว่าแล้วเราก็ไปดูพุทธในประเทศญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่า ตอนแรกก็ว่าจะรีวิวเรื่องอิคคิวซังแต่เด็กรุ่นนี้คงไม่รู้จักแล้วละมั้ง ก็เลยหยิบเอาเรื่องล่าสุดที่ดูไปคือเรื่อง てんぷる TenPuru: No One Can Live on Loneliness (ชื่อภาษาไทย วัดป่วนชวนมารัก) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันเลย


Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ อาเคมิตสึ อาคากามิ หนุ่มมหาลัยผู้มีพ่อเป็นเพลย์บอยได้ผู้หญิงไปทั่วจนโดนสังคมประนาม ทำให้อาเคมิตสึรู้สึกหวาดกลัวที่จะมีปฎิสัมพันธ์กับผู้หญิงตั้งแต่เด็กๆเพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเหมือนพ่อของตัวเอง แต่นับวันยิ่งดูเหมือนว่าเขาจะอดกลั้นตัญหาราคะเอาไว้ไม่ได้ จนตัดสินใจจะไปออกบวชที่วัดมินะซึกิ ที่นั้นเขาได้พบกับ ยูซึกิ โอบะ สาวน้อยที่เคยเจอกันโดยบังเอิญก่อนหน้านี้และได้รู้ว่าจริงๆแล้วเธอทำหน้าที่รักษาการแทนเจ้าอาวาสเพราะแม่ที่เป็นพระของเธอออกจากวัดไป อีกทั้งวัดมินะซึกิก็ไม่ได้เป็นวัด(สำหรับภิกษุ)แต่กลายเป็นสำนักชีและโฮมสเตย์(วูเมนโอนลี่)ไปซะแล้ว แถมพอรู้นามสกุลของอาเคมิสึจึงจำได้ว่าพ่อเพลย์บอยของเขาเคยยืมเงินวัดไปแล้วไม่ยอมคืน อาเคมิตสึในฐานะลูกชายจึงต้องมาทำหน้าที่ทาสรับใช้ในวัดชดใช้หนี้แทนพ่อของเขานั่นเอง 

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวฮาเร็มที่มีแบคกราวด์เป็นเรื่องในวัด เนื้อเรื่องมันก็ไม่ค่อยต่างจากแนวฮาเร็มทั่วๆไปละครับ จะมีเหตุการณ์ทะลึ่งชวนเสียวไปตลอดทั้งเรื่องเลยไม่เหมาะสำหรับให้เด็กๆดูแน่นอน สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับระบบวัดในญี่ปุ่นผมก็ขอเล่าเรื่องราวไว้เป็นเกร็ดความรู้หน่อยละกัน คือเมื่อก่อนศาสนาพุทธในญี่ปุ่นค่อนข้างจะรุ่งเรือง พระภิกษุสงฆ์นี่ก็เรียกได้ว่าปฎิบัติกันเคร่งมากๆ (นึกถึงตอนอิคคิวซังฝึกนะแหละ กินมังไม่กินเนื้อ นั่งสมาธิกลางน้ำตกกลางหิมะอะไรก็ว่าไป) จนมายุคหลังๆ พระก็เริ่มออกนอกลู่นอกทาง รับเงินกินเหล้าเสพเมถุนกันกระเจิดกระเจิง ตอนแรกรัฐบาลเอยคณะสงค์เอยก็พยายามจะปราบปรามแต่สุดท้ายก็เยอะจนปราบไม่ไหว สุดท้ายก็เลยยอมแพ้จึงตัดสินใจเปลียนวัดให้กลายเป็นบริษัท(คือมองว่าวัดญี่ปุ่นก็คือบริษัทเอกชนชนิดหนึ่ง พระก็คืออาชีพหนึ่งเหมือนอาชีพอื่นๆ มีคนบริจาคก็มีรายได้ก็ต้องจ่ายภาษีเข้ารัฐนะแหละ) สำหรับพระที่อยู่ในวัดนี่ก็จะมีลักษณะอยู่เป็นครอบครัว(พระญี่ปุ่นมีลูกมีเมียได้อะนะ)และจะส่งต่อการครอบครองวัดเป็นรุ่นๆกันไป เพียงแต่เงื่อนไขที่ครอบครัวนี้จะอยู่วัดต่อไปได้ก็คือในครอบครัวที่ดูแลวัดอยู่นั้นจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นพระ(คิดว่าคงต้องสวดมนต์ได้ ทำศาสนพิธีได้ แล้วก็ต้องต้องผ่านการสอบด้วยนะแหละ) ถ้าในครอบครัวนั้นไม่เหลือคนที่ทำหน้าที่พระได้อยู่เลย ครอบครัวนั้นก็ต้องย้ายออกและทางคณะสงฆ์จะหาครอบครัวที่มีพระมาอยู่แทน (นั่นคือสถานการณ์ที่นางเอกยูซึกิต้องเจอในเรื่องนะแหละ) ผมเองเคยมีเพื่อนคนญี่ปุ่นที่จู่ๆก็มาหัดท่องบทสวดมนต์ทั้งๆที่ก่อนหน้าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นคนธรรมะธรรมโมอะไร ถามไปถึงรู้ว่าที่บ้านเป็นวัดนะแหละ พ่อที่ทำหน้าที่เป็นพระเสียชีวิตไปเขาเลยต้องหัดสวดมนต์ทำพิธีสงฆ์แทน ไม่งั้นก็คงต้องได้ย้ายออกจากวัดไป 

ข้อด้อย:

    ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องวัดในญี่ปุ่นก็อย่าเอามาปนกับวัดในไทย เดี๋ยวจะสับสนคิดว่าวัดไทยทำแบบญี่ปุ่นได้อะนะ เฮอๆ (อนึ่งชื่อเรื่อง Tenpuru น่าจะหมายถึง Temple ละนะ) ตัวภาพในอนิเมะดูไม่ค่อยสวยเท่าไร ผมว่าตัวละครดูจะกลืนๆกับฉากหลัง ตัวมุกก็พอขำๆแหละแต่ก็เป็นมุกอนิเมะฮาเร็มทั่วๆไปละนะ ดูพอฮาๆไม่คิดอะไรมากก็พอจะได้ละครับ

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวฮาเร็ม18+เด็กๆก็หาเรื่องอื่นมาดูดีกว่า สำหรับผู้ใหญ่ก็คงจะดูได้พอขำๆแล้วก็อาจจะได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการฝึกปฎิบัติวิธีพุทธแบบญี่ปุ่นบ้างนิดๆหน่อยๆละนะครับ ใครที่ชอบแนวฮาเร็มทะลึ่งๆลามกๆหน่อยถ้าสนใจก็ลองหามารับชมได้ครับ(ณ.ตอนที่เขียนมีแค่หนึ่งซีซันนะ)

Official Anime Website -> https://temple-anime.com/ 


ส่งท้ายขายของ มังงะของกระผมขอรับ  ->


 

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Anime Special 14 : มาครอสกับประวัติศาสตร์ในชีวิตจริง 現実の歴史とマクロス

 สวัสดีครับ วันนี้ก็กลับมาพูดถึงอนิเมะเรื่องโปรดของผมกันอีกครั้งนั่นคือเรื่องมาครอส วันนี้ก็จะขอรวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ที่ผมคิดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่องของมาครอส เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาดูกันเลยครับ

*** Spoiler Alert !! มีการสปอยล์เนื้อเรื่องด้วยนะครับ ใครยังไม่ได้ดูมาครอสครบทุกภาคก็ไปดูกันก่อนได้เลย อนึ่งเรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ถูกผิดไม่ถูกใจประการใดก็ต้องขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วย

 



1. สงครามเย็นกับมาครอส

    เนื่องด้วยมาครอสภาคแรกนี่ถูกสร้างขึ้นประมาณช่วงเวลาที่สงครามเย็นใกล้ๆจะจบ(มาครอสออกฉายปี 1982 ส่วนโซเวียตล่มสลายประมาณปี 1991) ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นได้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวชาวเซ็นทราดี้นี่จะออกแนวบ้าสงคราม ไม่มีวัฒธรรมของตัวเอง ไม่รู้จักดนตรีการบันเทิงเริงรมย์ ผมเลยพออนุมาณได้ว่าเขาออกแบบเซ็นทราดี้ให้เป็นตัวแทนของพวกคอมมิวนิสต์นี่แหละ เพราะภาพลักษณ์ของคอมมิวนิสต์นี่คือการไม่เอาวัฒนธรรมไม่เอาศาสนาใดๆ (นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขมรตอนที่เขมรแดงเรืองอำนาจก็กวาดล้างแหล่งวัฒนธรรมของตัวเองจนแทบไม่เหลืออะไรไว้เลย ตอนนี้ถึงชาวกัมพูชาจะพยายามจะฟื้นคืนวัฒนธรรมตัวเองขึ้นมาแต่ก็สับสนไปแล้วว่าวัฒนธรรมตัวเองดั้งเดิมจริงๆแล้วเป็นยังไงกันแน่ เขาถึงชอบมาเครมของบ้านเราเอานี่แหละ) อีกอย่างหนึ่งถ้าดูเครื่องแบบของพวกเซ็นทราดี้ให้ดีก็จะเห็นว่ามันออกโทนเขียวๆแดงๆ เทาๆ ซึ่งก็เป็นโทนเดียวกับเครื่องแบบของทหารโซเวียตนะแหละ(ซึ่งผมว่าพวกซีออนในเรื่องกันดัมก็ดูจะใส่โทนนี้เหมือนกันนะ) ซึ่งแน่นอนพวกมนุษย์โลก UN Spacy ก็จะเป็นตัวแทนของโลกเสรี เรามีวัฒธรรมทั้งภาพยนต์ ดนตรี ไอดอล เหมือนกับที่พวกอเมริกันพยายามสร้างภาพขายของ American Pop Culture ในช่วงสงครามเย็น  ซึ่งในเนื้อเรื่องตอนจบพวกเซ็นทราดี้ก็จะยอมแพ้และเข้าร่วมกับพวกมนุษย์ คล้ายๆกับเป็นการทำนายว่าสุดท้ายสงครามเย็นจะจบลงและฝ่ายโลกเสรีจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งสุดท้ายกำแพงเบอร์ลินก็ถูกทำลาย(ปี1989) โซเวียตก็ล้มสลายตามลงมาจริงๆ (หรือจะมองว่ามาครอสเป็นโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่งของอเมริกากับญี่ปุ่นที่ร่วมมือกันก็อาจจะมองได้อะนะ แต่เรื่องแนวไซไฟหุ่นยนต์รบสมัยนั้นก็มาแนวๆนี้แหละอย่างกันดัมเป็นต้น) 



 

2. เหตุการณ์รอสเวลกับมาครอส

     ประมาณปี 1947 มีเหตุการณ์ยานบินประหลาดตกที่รอสเวลรัฐนิวแม็กซิโกในบริเวณฐานทัพอากาศของประเทศสหรัฐอเมริกา จนเป็นข่าวล่ำลือกันว่าที่ตกนั้นเป็นยาน UFO จากต่างดาวและนั่นเองเป็นสาเหตุให้อเมริกามีเทคโนโลยีการบินและการทหารล้ำหน้ากว่าชาติอื่นๆเพราะได้ชำแหละซากยานอวกาศแล้ววิเคราะห์เอาเทคโนโลยีมนุษย์ต่างดาวมาใช้งาน แม้ภายหลังทางกองทัพจะออกมาปฎิเสธว่าเป็นเพียงบอลลูนวิเคราะห์สำรวจสภาพอากาศตกก็เหอะ แต่ชาวบ้านก็จินตนาการไปไหนต่อไหนกันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่รอสเวลนี่ก็น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับยานมาครอสที่เป็นยานต่างดาวที่ตกลงมาบนโลกเช่นกัน และทำให้มนุษย์ชาติรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีิวิตต่างดาวที่ทรงภูมิปัญญาร่วมถึงยังเอาเทคโนโลยีจากยานมาครอสมาพัฒนาอาวุธยุทธโธปกรณ์ต่างๆจนได้เป็นเครื่องบินรบแปลงร่างได้อย่าง Valkyrie VF0 (ปรากฎตัวในมาครอสเซโร่) โดยเขาจะใช้ศัพท์การเอาเทคโนโลยีต่างดาวมาเป็นของตัวเองอย่างนี้ว่า Over Technology ซึ่งก็น่าจะมีที่มาจากเรื่องมาครอสนี่แหละครับ  



 3. ระเบิดนิวเคลียร์กับมาครอส

    อย่างที่ทราบกันว่า(ณ.ตอนที่เขียนบทความนี้ในปี 2024) ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่โดนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถึงสองลูกที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิตอนใกล้จบสงครามโลกครั้งที่2 ความหายนะและสิ่งเลวร้ายในตอนนั้นก็คงจะส่งผลกระทบกับจิตใจคนญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย แม้แต่ในมาครอสก็จะมีเนื้อเรื่องตอนที่เอะอะสู้ไม่ได้แล้วก็จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์ซะเลยดีกว่า (ถ้าจำไม่ผิดจะมีในมาครอสเซโร่ที่ดูเหมือนจะสู้มนุษย์นกไม่ได้แล้วก็งัดเอาระเบิดนิวเคลียร์ออกมายิง หรือในมาครอสเซเว่นก็มีคำสั่งให้แม็กซ์เอาระเบิดนิวเคลียร์ไประเบิดดาวของพวกโปรโตเดวิลทิ้งซะ แล้วก็ในมาครอสฟรอนเทียร์ก็จะมีการวางแผนล่อให้งัดระเบิดนิวเคลียร์ออกมาจัดการพวกวาจูร่า หรือแม้แต่ในมาครอสเดลต้าก็จะมีการทิ้งระเบิดมิติที่เป็นสาเหตุทำให้พวกวินด์เดอรเมียร์โกรธแค้นมนุษย์โลก) แน่นอนว่าในเนื้อเรื่องจะไม่พูดว่าเป็นระเบิดนิวเคลียร์หรอกเพราะมันคงกระทบจิตใจคนดูที่เป็นคนญี่ปุ่น เขาก็จะเปลี่ยนชื่อเป็นระเบิดปฏิภาคเอยระเบิดมิติเอยนะแหละ (แต่คนดูก็รู้ว่ามันเป็นระเบิดนิวเคลียร์ละนะ) หรือแม้แต่มาครอสภาคแรกจะมีฉากที่มาครอสพยายามจะเปิดบาเรียแบบคลุมทั้งตัวแต่ผิดพลาดทำให้เมืองระเบิดหายไปทั้งเมือง ทำให้คากิซากิหนีไม่ทันก็ตายไปตอนนั้นด้วย ซึ่งถ้าดูให้ดีมันก็คือการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์นะแหละ ซึ่งจะว่าไปเมสแซสที่ผู้เขียนบทมาครอสต้องการสื่อสารก็อาจจะเป็นการใช้ระเบิดนิวเคลียร์แบบพร่ำเพรื่อโดยไม่สนใจผลที่จะตามมามันเป็นเรื่องเลวร้ายมากกว่าที่คิดก็เป็นได้ 

 


4.ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์กับมาครอส

    อันนี้ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในชีวิตจริงแต่อย่างใด แต่เป็นข้อสันนิษฐานส่วนตัวของผมเองแหละ คืออย่างที่แฟนๆมาครอสน่าจะทราบว่ามาครอสภาคหลักๆเนี่ยเขาจะสร้างซีรี่ย์แบบฉายทางทีวีก่อนแล้วต่อมาก็จะสร้างฉบับภาพยนตร์หนังโรงออกมาฉาย ซึ่งภาคหนังโรงเนี่ยก็แทบจะมีเนื้อหาเหมือนภาคทีวีเลย (ก็เดาได้ว่าตอนเป็นซีรีย์ภาคทีวีเนี่ยมีเวลาสร้างจำกัดคงมีการเผางานไปบ้างไม่มากก็น้อย ก็เลยค่อยมาเรียบเรียงเนื้อหาแล้วทำภาคหนังโรงที่คุณภาพสูงกว่าออกมาทีหลังละนะ) ตอนแรกผมก็ว่าภาคหนังใหญ่มันก็คงเป็นการรีเมคเนื้อหาเฉยๆนะแหละ แต่พอดูภาคหนังโรง Macross 7 : Galaxy is calling me แล้วเนี่ย ผมก็เอ๊ะอะไรบางอย่างขึ้นมา ในตอนที่บาซาร่าพูดคุยกับเอมิเลีย(พี่สาวของมิเลน) เธอบอกว่าเธอเคยดูหนังเรื่องราวของมินเมย์ตอนที่เธอเป็นเด็กๆแล้วก็เกิดประทับใจต่อไอดอลนักร้องที่หยุดสงครามได้ก็เลยอยากจะเป็นนักร้องนักดนตรีบ้าง พอผมไปย้อนดูมาครอสภาคแรกทั้งที่เป็นซีรีย์หรือภาคหนังใหญ่ Do you remember love แล้วก็รู้สึกว่ามินเมย์ไม่เคยเล่นหนังที่เกี่ยวกับสงคราม Space war I เลยนี่หว่า มีแต่เล่นหนังแอ็คชันกังฟูไอ้หนุ่มมังกรขาวน้อย 小白龍(シャオパイロン) แค่นั้นแหละ ก็เลยคิดได้ว่า หรือจริงๆแล้วภาคหนังใหญ่เนี่ยก็คือภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่ถ่ายทำจากเรื่องที่เกิดขึ้นจากภาคทีวีซีรีย์ละหว่า ? คือสมมุติว่าภาคทีวีซีรีย์นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไทม์ไลน์จริง เสร็จแล้วก็มีคนเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วมาทำเป็นหนังใหญ่ออกฉายละ ? ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหนังที่เอมิเลียได้ดูตอนเด็กๆจริงๆก็คือหนังใหญ่ Macross : Do you remember love ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์จากมาครอสทีวีซีรีย์ภาคแรกแล้วละก็น่าจะสมเหตุสมผลหรือเปล่า (เหมือนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองไปแล้วก็มีคนเอามาทำเป็นหนัง Saving private ryan อะไรแบบนั้นแหละ) ถ้ามันเป็นยังงั้นจริงๆก็อาจจะเป็นอารมณ์แบบว่ามีผู้กำกับหนังที่ไปเจรจาซื้อลิขสิทธ์จากใครสักคนในเรื่อง เช่น มินเมย์ รันกะ เชอร์ริล วงวาลคิวเร่ แล้วเอามาเขียนบทใหม่ให้จบแบบประทับใจเพิ่มเพลงใหม่ๆทำเป็นภาพยนตร์ออกมาฉาย เราเลยอาจจะได้นั่งดูหนังใหญ่พร้อมๆกับตัวละครที่ขายลิขสิทธิ์ไปทำหนังก็ได้ (งงมัยครับเนี่ย)  หมายความว่าในไทม์ไลน์จริงๆแล้วทั้งรันกะ เชอร์ริล แอลโต้ ก็เหมือนตอนจบภาคทีวีคือทั้งสามคนก็อยู่สะบายดี(อยู่กันสามคนผัวเมีย) แค่พอผู้กำกับซื้อลิขสิทธิ์เนื้อเรื่องเอาไปทำเป็นหนังใหญ่แล้วเขาอาจจะเขียนบทให้ตอนจบเป็นว่าเชอร์ริลนอนเป็นผัก แอลโต้หายสาบสูญ เหลือแต่รันกะ พอดูหนังจบออกจากโรงหนังตัวเชอร์ริลอาจจะบ่นๆว่าอะไรวะตูกลายเป็นผักหรอเนี่ย ก็เป็นไปได้นะ (ส่วนสาเหตุที่มาครอสเซเว่นไม่มีหนังใหญ่แบบรีเมคก็คงเป็นเพราะว่าตอนท้ายเรื่องรักสามเศร้าทั้งสามคน บาซาร่า มิเลน แกมลินดันหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ผู้กำกับหนังก็เลยไม่รู้จะไปซื้อลิขสิทธิ์หนังกับใครหรือเปล่า เฮอๆ)  แต่ก็นั่นแหละครับ ทั้งหมดก็คือการมโนของผมเองล้วนๆ เอาเข้าจริงดูเหมือนว่าภาคต่อๆของมาครอสจะสร้างต่อจากภาคหนังใหญ่มากกว่าจะเป็นภาคทีวีซีรีย์ละนะ (ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครอย่างเอ็กเซลดอนในมาครอสภาคแรกฉบับทีวีซีรีย์จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ธรรมดาเลย แต่พอในภาคหนังใหญ่ Do you remember love จะกลายเป็นตัวสีเขียวหัวสมองใหญ่ๆ พอไปปรากฎตัวเป็นที่ปรึกษาในมาครอสเซเว่นก็จะมีรูปร่างตัวเขียวๆหัวใหญ่ๆเหมือนที่อยู่ในภาคหนังใหญ่นะแหละ) 




สำหรับวันนี้ก็คงจะเขียนประมาณนี้นะครับ อย่างที่บอกว่าเนื้อหาที่เขียนผมมโนปะติดปะต่อเอง อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ใครที่เป็นแฟนมาครอสเหมือนผมอ่านแล้วคิดเห็นประการใดก็บอกกล่าวกันได้นะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามรับชมนะครับ

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Anime No.55 : Lycoris Recoil リコリス・リコイル

 สวัสดีครับ ก่อนหน้านี้มีข่าวการเสียชีวิตของนักร้องสาวคุณซายูริในวัยเพียง28ปีเท่านั้น ผมก็ต้องขอแสดงความเสียใจและอาลัยให้กับครอบครัวของเธอด้วย ถ้าจำไม่ผิดผมน่าจะเคยฟังเพลงที่เป็นผลงานของเธออยู่สองเพลงที่ใช้ประกอบอนิเมะ เรื่องแรกคือเพลงประกอบเรื่อง Golden Kamuy (ชื่อเพลง レイメイ Reimei )และอีกเพลงก็เป็นเรื่องที่จะรีวิวในวันนี้คือเรื่อง  Lycoris Recoil リコリス・リコイル (ชื่อเพลง 花の塔 Flower of tower) เรื่องราวอนิเมะเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวกล่าวถึงกลุ่มลึกลับใต้ดิน Lycoris ไลโคลิส กลุ่มนักเรียนหญิงม.ปลายที่คอยรักษาความสงบสุขของโตเกียวอย่างลับๆจากกลุ่มอาชญากรรมและการก่อการร้าย วันหนึ่งเมื่อ ทากินะ อิโนะอุเอะ สาวน้อยสมาชิกกลุ่มไลโคลิสดันไปใช้ความรุนแรงเกินเหตุในการช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกจับเป็นตัวประกันจึงทำให้ถูกปลดจากตำแหน่งและส่งไปทำงานที่ร้านคาเฟ่ LycoReco เป็นการดัดนิสัย ที่นั่นเธอเองได้พบกับ จิโตะเสะ นิชิคิกิ สาวน้อยผู้ร่าเริงแต่กลับมีฝีมือยิงปืนเก่งฉกาจระดับพระกาฬ ทั้งคู่ต้องแท็กทีมกันจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายและสืบหาคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆนั่นเอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวแอ็คชันยิงกันแหลกลานแนวระเบิดภูเขาเผากระท่อมนั่นแหละ นางเอกนี่เรียกได้ว่าเหมือนเอาจอห์นวิคไปใส่อินเวอร์เตอร์(กลับตาลปัตร บวกเป็นลบ ลบเป็นบวกอะนะ)ก็จะได้ออกมาเป็นจิโตะเสะนี่แหละ จากจอห์นวิคที่นิสัยเย็นชาเงียบๆก็กลายเป็นจิโตะเสะที่แสนจะร่าเริง(ดีดๆหน่อย) จอร์นวิคนี่ฆ่าคนแหลกลานแต่จิโตเสะนี่ไม่ฆ่าใครสักคน แต่ที่เหมือนกันคือทั้งคู่ยิงปืนเก่งฉกาจนี่แหละ (จนมีคนล้อว่าเรื่องไลโคริสรีคอยล์นี่คือจอห์นวิคเวอร์ชันอนิเมะชัดๆละนะ) สำหรับฉากแอ็คชันก็ทำได้สมจริง ดูได้ลื่นไหลสนุกดี งานภาพสวยงามคุณภาพเยี่ยมมาก ตัวเนื้อเรื่องอาจจะซับซ้อนไปหน่อยแต่ก็น่าจะพอเข้าใจดูรู้เรื่องอยู่ละนะครับ (ผมดูแล้วก็แอบได้กลิ่นอนิเมะแนวแอ็คชันในยุค80-90อยู่บ้างเหมือนกัน อย่างเรื่อง City Hunter อะไรแบบนั้นแหละ)

ข้อด้อย:

    เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยมีข้อด้อยอะไรเท่าไรหรอกครับ อาจจะมีที่เรื่องตัวเนื้อเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผล อย่างเช่นที่ประชาชนคนญี่ปุ่นโดนปิดหูปิดตาได้ยังไงว่าไม่มีเหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นเลย(ทั้งๆที่ยิงกันแหลกลานซะขนาดนั้น) จิโตะเสะนี่ก็เก่งจนถึงขั้นหลบกระสูนได้เงี้ย หรือปรัชญาความคิดของตัวละครหลายๆตัวก็ดูแปลกๆหรือไม่ก็สุดโต่งไปหน่อย จนดูเหมือนเป็นชุมนุมคนเพี้ยนนี่แหละ แต่ก็เข้าใจได้เพราะเรื่องนี้ก็เน้นแอ็กชันตัวละครเลยต้องโดดเด่นหน่อยนั่นแหละนะ    

    กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณชอบหนังแนวจอห์นวิคยิงกันสบั้นหันแหลก อนิเมะเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะทำให้คุณผิดหวัง งานภาพสวยงาม ตัวละครก็โดดเด่น(ถึงจะดูดีดๆเพี้ยนๆไปบ้างก็เหอะ) อีกอย่างจะจัดว่าเป็นแนวยูริก็คงได้เพราะไม่มีตัวละครพระเอกเลย ใครสนใจยังไงก็ลองหามาดูได้นะครับ (ณ.ตอนที่เขียนนี้มีซีซันเดียวอยู่นะครับ ไม่แน่ว่าจะมีภาคต่อหรือเปล่า)

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Anime No.54 : Miss Kobayashi's Dragon Maid 小林さんちのメイドラゴン

 สวัสดีครับ พอดีช่วงนี้มีการประกาศฉายภาคหนังใหญ่ของเรื่องเมดมังกร ก็เลยไปลองหาเรื่องนี้มาดูซะหน่อย เพราะงั้นสำหรับวันนี้ก็เลยจะขอรีวิวเรื่องนี้เลยละกัน Miss Kobayashi's Dragon Maid 小林さんちのメイドラゴン (ในชื่อภาษาไทยว่า เมดมังกรของคุณโคบายาชิ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

        เรื่องราวเกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่งเมื่อ โคบายาชิ โปรแกรมเมอร์สาวตื่นขึ้นมาจากการดื่มหนักไปหน่อยก่อนจะมาพบว่ามีมังกรตัวหนึ่งนามว่า โทรุ มาขออยู่ด้วย โดยขอมาทำงานเป็นเมดให้กับเธอ เมื่อสืบสาวราวเรื่องโคบายาชิจึงนึกออกได้ว่าคืนก่อนตอนที่เธอเมาหนักได้เดินเข้าไปในป่าหลังเขาและได้พบโทรุในร่างมังกรโดนดาบแทงอยู่จึงได้ช่วยดึงดาบออกและชวนโทรุมาดื่มต่อด้วยกัน ไปๆมาๆก็พลั้งปากชวนโทรุให้มาอยู่ด้วยกันซะงั้น เธอจึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้พูดออกไป เรื่องราวระหว่างมังกรเมดกับสาวโปรแกรมเมอร์จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้นี่เอง



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวตลกในชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องก็ดำเนินไปโดยมีเหล่ามังกรเป็นตัวสะท้อนมุมมองที่มีต่อมนุษย์ในแง่ต่างๆ แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ศัตรู และสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว  ก็เรียกได้ว่าดูได้สนุกสนานดีมีแง่คิดดีๆแฝงอยู่ด้วยถ้าคิดตามซะหน่อยละก็นะ สำหรับงานภาพก็สวยงาม ตัวละครก็วาดออกมาน่ารักดี การเคลื่อนไหวก็ลื่นไหลดูดีไม่มีงานเผา สมกับที่ผลิตโดยสตูดิโด Kyoto Animation ละนะ (จริงๆ ก็ติดใจสงสัยตัวละครอย่างมังกรน้ำเอลม่าอยู่ว่านี่ใช่พญานาคหรือเปล่าหว่า? เพราะเหมือนมีเขาหรือหงอนเดียวแถมผู้คนยังบูชาซะอีกต่างหาก)

ข้อด้อย :

     ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนวยูริแบบอ่อนๆ(ก็คู่โคบายาชิกับโทรุนะแหละนะ) ใครที่ไม่ได้อินกับแนวนี้ก็อาจจะไม่ชอบก็ได้ หรือจะว่าไปมันก็อาจจะจัดว่าเป็นแนวไปต่างโลกแบบกลับด้าน(คือเอาตัวละครจากโลกอื่นมาที่โลกเราแทน)ใครไม่ชอบแนวแฟนตาซีหรือไปต่างโลกก็อาจจะดูได้ไม่สนุกเท่าที่ควร อีกอย่างก็คงเป็นเรื่องที่เล่นมุกหน่มน้มหนองโพเยอะไปหน่อยละนะ เฮอๆ

    กล่าวโดยสรุป เรื่องเมดมังกรนี่ก็ดูได้สนุกสนานดีครับ มุกตลกก็ขำได้พอสมควร มีสาระข้อคิดซ่อนเอาไว้เหมือนกัน ถ้าสนใจก็ลองหามาดูกันได้นะครับ (เรื่องนี้ตอนที่เขียน ณ.ตอนนี้มีสองซีซันและภาคหนังใหญ่ก็กำลังจะออกฉายครับ)

Official Anime Website ->  https://maidragon.jp/

   

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->



วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime No. 53 : Level 1 Demon Lord and One Room Hero Lv1魔王とワンルーム勇者

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีแต่ข่าวเครียดๆ ไหนจะเรื่องน้ำท่วมทางภาคเหนือ ไหนจะเรื่องสงครามต่างๆทั่วโลก ทองแท้ทองปลอม ๙ล๙ วันนี้ก็เลยหาอนิเมะแบบเฮฮาเบาสมองมานำเสนอคงจะดีกว่า นั่นก็คือเรื่อง Level 1 Demon Lord and One Room Hero  Lv1魔王とワンルーム勇者 (ชื่อภาษาไทยคือ จอมมารเลเวล 1 กับผู้กล้าห้องเช่า) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ



Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากผู้กล้าแม็กซ์และปาร์ตี้ของเขาปราบจอมมารได้สำเร็จ เมื่อเวลาผ่านไปจอมมารได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแต่เพราะศูนย์เสียพลังไปเยอะเลยต้องอยู่ในร่างของเด็กน้อยนามว่ามาโอ (魔王=จอมมาร) ด้วยการที่มาโออยากจะประมือกับผู้กล้าแม็กซ์อีกครั้งจึงออกไปตามหาแม็กซ์ เมื่อได้เจอจึงรู้ว่าแม็กซ์นั้นโดนสังคมประมาณและต้องหลบมาอยู่แบบไม่มีอะไรจะทำในห้องเช่าแคบๆแห่งหนึ่ง เป็นแค่ตาลุงวัยกลางคนที่ไม่เหลือความเป็นผู้กล้าอีกแล้ว มาโอช็อคมากแต่ก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแม็กซ์โดยหวังว่าสักวันเขาจะกลับมาเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งได้




ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้จะมีแบ็คกราวด์เหมือนเอาแนวแฟนตาซีมาผสมกับชีิวิตประจำวันในปัจจุบันของคนญี่ปุ่น การที่ผู้กล้าตกอับต้องมาอยู่ห้องเช่าแคบๆก็เหมือนกับชีวิตคนญี่ปุ่นบางคนที่อาจจะตกงานตอนแก่ ทำให้ไม่ชอบเข้าสังคม กลายเป็นพวกเก็บตัวฮิคิโคโมริไป โทนเรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องของการที่มาโอพยายามทำให้แม็กซ์ลุกขึ้นพยายามต่อสู้กับชีวิตอีกครั้งนั้นแหละ สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นแนวตลกเฮฮา มุกที่ใช้ก็ใช้ได้(ส่วนใหญ่ก็เป็นมุกใต้สะดือกับตลกเจ็บตัวอะนะ) ดูแล้วก็ขำๆดี เครียดๆมาก็แนะนำดูเรื่องนี้ได้ละครับ

ข้อด้อย :

    เนื่องจากมันเป็นแนวตลกเลยไม่ค่อยจะได้สาระอะไรเท่าไรหรอก งานภาพก็ระดับพอดูได้ไม่ได้สวยอะไรมาก(ประมาณดราก้อนบอลละนะ) ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ดูผ่านๆเอาความตลกก็ได้อยู่ละครับ เนื้อเรื่องดูเหมือนจะจบในตัวไม่มีอะไรค้างคา(ไม่รู้ว่าจะมีซีซันสองต่อหรือเปล่าอะนะ)

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้เป็นแนวตลกเฮฮา ตัวละครก็ยิงมุกกันโป๊ะเปะ ดูได้ขำๆคลายเครียดได้เบาสมองไม่มีปัญหาดราม่าอะไรมากมาย ใครเครียดๆมาอยากหาอะไรมาดูคลายเครียดก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้ได้เลยนะครับ

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime No.52 : Knights of Sidonia シドニアの騎士

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีหนังไทยแนวไซไฟเข้าฉายในโรง(แต่คงทำรายได้ไม่เท่าหนังผีหนังตลกละนะ ประชาชนชาวไทยก็คงดูรู้เรื่องแค่แนวๆนั้นแหละ เฮอๆ ) บวกกับมีข่าวเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยที่กำลังโคจรมาใกล้ๆเฉียดๆโลก ก็เลยทำให้นึกถึงอนิเมะแนวไซไฟอวกาศขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งนั่นคือเรื่องที่จะมารีวิวกันในวันนี้ Knights of Sidonia シドニアの騎士 (ชื่อภาษาไทย อัศวินอวกาศ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

        เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 3394 หนึ่งพันปีหลังจากที่สิ่งมีชีิวิตปริศนาเกาน่าได้เข้ามาทำลายล้างโลก ยานอวกาศซิโดเนียได้ออกเดินทางลี้ภัยไปในห้วงอวกาศอย่างโดดเดี่ยวและอาจจะเป็นยานอวกาศลำสุดท้ายที่มนุษยชาติยังเหลือรอดอยู่ ในช่วงเวลานี้เองที่ นากาเตะ ทานิกาคาเซะ เด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ใต้ดินโดยคุณปู่โดยลำพังซึ่งให้เขาหัดขับหุ่นโมริโตะในระบบซิมูเลชันมาตลอด แต่เมื่อคุณปู่ของเขาเสียชีิวิตเขาจึงต้องออกมาหาอาหารด้านบนและจับพลัดจับผลูต้องมาขับหุ่นโมริโตะในตำนานรุ่น"ซึกุโมริ"เข้าต่อสู้กับเกาน่าที่เข้ามารุกรานยานซิโดเนียอีกครั้งในรอบ 100 ปี

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เป็นแนวไซไฟอวกาศหุ่นยนต์รบและเอเลี่ยนรุกรานโลก หลังจากได้ดูแล้วรู้สึกว่าด้านวิทยาศาสตร์ทำได้ดีสมเหตุสมผลเลยทีเดียว เช่น การที่ดัดแปลงให้มนุษย์สืบพันธุ์ได้โดยไม่ใช่เพศ  การที่สามารถเลือกเพศได้ภายหลังหรือให้สังเคราะห์แสงไม่ต้องกินข้าวเยอะๆก็อยู่ได้ หรือแม้แต่ยานซิโดเนียที่เหมือนสร้างอยู่บนอุกกาบาต(หรือเป็นเศษเสี่ยวของโลกที่แตกไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน)แต่มันก็ตัดปัญหาเรื่องการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลองไปได้ สำหรับเนื้อเรื่องอาจจะออกแนวดาร์คๆเข้าใจยากอยู่บ้างแต่สำหรับคนชอบดูหนังไซไฟดูแล้วก็น่าจะพอรู้เรื่องเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งละนะ

 

ข้อด้อย :

    อย่างแรกก็เพราะมันเป็นอนิเมะโมเดล3Dแนว Toon Shade ที่บางทีก็ดูจะเคลื่อนไหวไม่เนียนเท่าไรก็เลยอาจจะขัดๆตาอยู่บ้าง แสงเงาดูจะมืดๆไปหน่อยเลยดูไม่ค่อยออกในฉากต่อสู้หลายๆฉาก อีกอย่างคือตัวละครดูจะคล้ายๆกันหมด(ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นการโคลนนิ่งอะนะ) ตัวเนื้อเรื่องดูจะงงๆอยู่บ้างโดยเฉพาะตัวเกาน่าที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแถมเดาไม่ถูกว่ามีเป้าหมายอะไรจะทำอย่างงั้นไปทำไม(จนบางครั้งมันก็ดูอีหยังวะอยู่บ้าง) แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าดูได้สนุกดีอยู่ละครับ

     กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณชื่นชอบอนิเมะหรือนิยายแนวไซไฟอวกาศ เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่คุณจะพลาดไม่ได้ ยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ  (เรื่องนี้มีเป็นซีรี่ย์สองซีซันบวกกับภาคหนังใหญ่เป็นภาคจบสรุปทุกอย่างนะครับ)

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ