วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime No. 53 : Level 1 Demon Lord and One Room Hero Lv1魔王とワンルーム勇者

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีแต่ข่าวเครียดๆ ไหนจะเรื่องน้ำท่วมทางภาคเหนือ ไหนจะเรื่องสงครามต่างๆทั่วโลก ทองแท้ทองปลอม ๙ล๙ วันนี้ก็เลยหาอนิเมะแบบเฮฮาเบาสมองมานำเสนอคงจะดีกว่า นั่นก็คือเรื่อง Level 1 Demon Lord and One Room Hero  Lv1魔王とワンルーム勇者 (ชื่อภาษาไทยคือ จอมมารเลเวล 1 กับผู้กล้าห้องเช่า) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ



Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากผู้กล้าแม็กซ์และปาร์ตี้ของเขาปราบจอมมารได้สำเร็จ เมื่อเวลาผ่านไปจอมมารได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแต่เพราะศูนย์เสียพลังไปเยอะเลยต้องอยู่ในร่างของเด็กน้อยนามว่ามาโอ (魔王=จอมมาร) ด้วยการที่มาโออยากจะประมือกับผู้กล้าแม็กซ์อีกครั้งจึงออกไปตามหาแม็กซ์ เมื่อได้เจอจึงรู้ว่าแม็กซ์นั้นโดนสังคมประมาณและต้องหลบมาอยู่แบบไม่มีอะไรจะทำในห้องเช่าแคบๆแห่งหนึ่ง เป็นแค่ตาลุงวัยกลางคนที่ไม่เหลือความเป็นผู้กล้าอีกแล้ว มาโอช็อคมากแต่ก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแม็กซ์โดยหวังว่าสักวันเขาจะกลับมาเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งได้




ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้จะมีแบ็คกราวด์เหมือนเอาแนวแฟนตาซีมาผสมกับชีิวิตประจำวันในปัจจุบันของคนญี่ปุ่น การที่ผู้กล้าตกอับต้องมาอยู่ห้องเช่าแคบๆก็เหมือนกับชีวิตคนญี่ปุ่นบางคนที่อาจจะตกงานตอนแก่ ทำให้ไม่ชอบเข้าสังคม กลายเป็นพวกเก็บตัวฮิคิโคโมริไป โทนเรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องของการที่มาโอพยายามทำให้แม็กซ์ลุกขึ้นพยายามต่อสู้กับชีวิตอีกครั้งนั้นแหละ สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นแนวตลกเฮฮา มุกที่ใช้ก็ใช้ได้(ส่วนใหญ่ก็เป็นมุกใต้สะดือกับตลกเจ็บตัวอะนะ) ดูแล้วก็ขำๆดี เครียดๆมาก็แนะนำดูเรื่องนี้ได้ละครับ

ข้อด้อย :

    เนื่องจากมันเป็นแนวตลกเลยไม่ค่อยจะได้สาระอะไรเท่าไรหรอก งานภาพก็ระดับพอดูได้ไม่ได้สวยอะไรมาก(ประมาณดราก้อนบอลละนะ) ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ดูผ่านๆเอาความตลกก็ได้อยู่ละครับ เนื้อเรื่องดูเหมือนจะจบในตัวไม่มีอะไรค้างคา(ไม่รู้ว่าจะมีซีซันสองต่อหรือเปล่าอะนะ)

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้เป็นแนวตลกเฮฮา ตัวละครก็ยิงมุกกันโป๊ะเปะ ดูได้ขำๆคลายเครียดได้เบาสมองไม่มีปัญหาดราม่าอะไรมากมาย ใครเครียดๆมาอยากหาอะไรมาดูคลายเครียดก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้ได้เลยนะครับ

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime No.52 : Knights of Sidonia シドニアの騎士

 สวัสดีครับ ช่วงนี้มีหนังไทยแนวไซไฟเข้าฉายในโรง(แต่คงทำรายได้ไม่เท่าหนังผีหนังตลกละนะ ประชาชนชาวไทยก็คงดูรู้เรื่องแค่แนวๆนั้นแหละ เฮอๆ ) บวกกับมีข่าวเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยที่กำลังโคจรมาใกล้ๆเฉียดๆโลก ก็เลยทำให้นึกถึงอนิเมะแนวไซไฟอวกาศขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งนั่นคือเรื่องที่จะมารีวิวกันในวันนี้ Knights of Sidonia シドニアの騎士 (ชื่อภาษาไทย อัศวินอวกาศ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ 


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

        เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 3394 หนึ่งพันปีหลังจากที่สิ่งมีชีิวิตปริศนาเกาน่าได้เข้ามาทำลายล้างโลก ยานอวกาศซิโดเนียได้ออกเดินทางลี้ภัยไปในห้วงอวกาศอย่างโดดเดี่ยวและอาจจะเป็นยานอวกาศลำสุดท้ายที่มนุษยชาติยังเหลือรอดอยู่ ในช่วงเวลานี้เองที่ นากาเตะ ทานิกาคาเซะ เด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ใต้ดินโดยคุณปู่โดยลำพังซึ่งให้เขาหัดขับหุ่นโมริโตะในระบบซิมูเลชันมาตลอด แต่เมื่อคุณปู่ของเขาเสียชีิวิตเขาจึงต้องออกมาหาอาหารด้านบนและจับพลัดจับผลูต้องมาขับหุ่นโมริโตะในตำนานรุ่น"ซึกุโมริ"เข้าต่อสู้กับเกาน่าที่เข้ามารุกรานยานซิโดเนียอีกครั้งในรอบ 100 ปี

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เป็นแนวไซไฟอวกาศหุ่นยนต์รบและเอเลี่ยนรุกรานโลก หลังจากได้ดูแล้วรู้สึกว่าด้านวิทยาศาสตร์ทำได้ดีสมเหตุสมผลเลยทีเดียว เช่น การที่ดัดแปลงให้มนุษย์สืบพันธุ์ได้โดยไม่ใช่เพศ  การที่สามารถเลือกเพศได้ภายหลังหรือให้สังเคราะห์แสงไม่ต้องกินข้าวเยอะๆก็อยู่ได้ หรือแม้แต่ยานซิโดเนียที่เหมือนสร้างอยู่บนอุกกาบาต(หรือเป็นเศษเสี่ยวของโลกที่แตกไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน)แต่มันก็ตัดปัญหาเรื่องการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลองไปได้ สำหรับเนื้อเรื่องอาจจะออกแนวดาร์คๆเข้าใจยากอยู่บ้างแต่สำหรับคนชอบดูหนังไซไฟดูแล้วก็น่าจะพอรู้เรื่องเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งละนะ

 

ข้อด้อย :

    อย่างแรกก็เพราะมันเป็นอนิเมะโมเดล3Dแนว Toon Shade ที่บางทีก็ดูจะเคลื่อนไหวไม่เนียนเท่าไรก็เลยอาจจะขัดๆตาอยู่บ้าง แสงเงาดูจะมืดๆไปหน่อยเลยดูไม่ค่อยออกในฉากต่อสู้หลายๆฉาก อีกอย่างคือตัวละครดูจะคล้ายๆกันหมด(ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นการโคลนนิ่งอะนะ) ตัวเนื้อเรื่องดูจะงงๆอยู่บ้างโดยเฉพาะตัวเกาน่าที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแถมเดาไม่ถูกว่ามีเป้าหมายอะไรจะทำอย่างงั้นไปทำไม(จนบางครั้งมันก็ดูอีหยังวะอยู่บ้าง) แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าดูได้สนุกดีอยู่ละครับ

     กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณชื่นชอบอนิเมะหรือนิยายแนวไซไฟอวกาศ เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่คุณจะพลาดไม่ได้ ยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ  (เรื่องนี้มีเป็นซีรี่ย์สองซีซันบวกกับภาคหนังใหญ่เป็นภาคจบสรุปทุกอย่างนะครับ)

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime Special 13 : อนิเมะรีเมคกำลังจะมา アニメのリメイクについて

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ในแวดวงการอนิเมะดูเหมือนจะมีข่าวการประกาศ"รีเมค"การสร้างอนิเมะในช่วงยุค 80-90 กลับมาทำใหม่กันเรื่อยๆ มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่าทำไมเขาเอาเรื่องเก่าๆที่คงจะไม่ได้เข้ายุคเข้าสมัยแล้วกลับมาทำให้ดูกันอีก ผมลองนึกๆเหตุผลดูก็เลยของมาเขียนเอาไว้ณ.ที่นี้ก็แล้วกันครับ (ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับ อาจจะไม่ถูกใจไม่ถูกต้องก็ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยจ้า)

credit : spice & wolf

 

1. ความซ้ำซากของอนิเมะยุคนี้

    ก็คงทราบกันดีว่าอนิเมะยุคนี้ถ้าให้พูดตรงๆก็ว่าเนื้อหาค่อนข้างจะซ้ำซาก โดยเฉพาะเรื่องแนวไปต่างโลก(異世界) ถึงอนิเมะมันจะเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยก็ตามทีแต่การที่สมัยนี้สตูดิโอต่างๆเล่นเอาแต่ทำเรื่องแนวไปต่างโลกกันจนเรียกว่าซ้ำกันไปหมด มันก็คงสร้างความน่าเบื่อให้กับคนดูอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ก็คงมีใครที่แอบถึงถึงความหลากหลายของอนิเมะในสมัยยุครุ่งเรืองตอนปี 80-90 อยู่บ้างก็ได้

 

Credit : Rebuild of Evangelion

2. ฐานแฟนคลับเดิมที่ยังมีอยู่

    การที่เขาเสี่ยงเอาอนิเมะเก่าๆมารีเมคโดยที่คนรุ่นนี้ก็คงไม่ได้อินหรืออาจจะไม่ดูเลยก็ได้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะอนิเมะเก่าๆยังไงก็ยังมีฐานแฟนคลับที่เคยดู ซึ่งทางสตูดิโอผู้สร้างก็คงจะอยากขายอนิเมะรีเมคให้กับคนกลุ่มนี้เสียมากกว่า ถ้าเปรียบเทียบไปก็คงเหมือนคอนเสิร์ตของศิลปินยุค 90 ในบ้านเราที่ยังขายได้อยู่นะแหละ อีกส่วนนึงก็คงเพราะว่าเด็กๆในยุค90ตอนนั้นก็โตมาเป็นลุงเป็นป้าในยุคนี้กันแล้ว แถมก็มีกำลังซื้อกำลังจับจ่ายมากกว่าเด็กเจนวายเจนแซดที่ตอนนี้พูดได้ว่ามีหนี้ซะมากกว่ามีทรัพย์สินละนะ เฮอๆ (อีกเหตุผลหนึ่งที่คิดออกก็อาจจะเป็นเพราะยุคนั้นมันต้องดูอนิเมะผ่านทางทีวีอย่างเดียว ถ้ามีธุระพลาดไปสักตอนสองตอนมันก็ปะติดปะต่อเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว ถ้าเอามาทำใหม่ยุคนี้ดูผ่านสตรีมมิ่งจะดูที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ลุงๆป้าๆตอนนี้ที่พลาดบางตอนไปในตอนนั้นก็คงยอมควักตังค์จ่ายค่าสมาชิกหามาดูก็เป็นได้กระมัง)

Credit : Lamù (Urusei Yatsura)

3.เทคโนโลยีการสร้างที่ดีขึ้น

    ถ้าจะเอาอนิเมะมารีเมคแล้วแน่นอนว่าทั้งภาพทั้งเสียงมันก็คงดีกว่าอนิเมะต้นฉบับในยุค 80-90 มาก พอเป็นดิจิตอลภาพเสียงคมชัดลึกมันก็คงสร้างความประทับใจให้ผู้ชมยุคเก่าๆได้ไม่ยากและก็คงทำให้อยากกลับมาดูอีกครั้งนึง(แม้ว่าจะรู้พล๊อตหมดแล้วก็เหอะ) มันก็คงเหมือนกับละครน้ำเน่าบ้านเราที่รีเมคกันมาไม่รู้กี่สิบรอบ ถึงจะรู้ตอนจบว่าสุดท้ายพระเอกก.มันก็ต้องถูกระเบิดตายในอ้อมแขนนางเอกอ.อยู่ดีแต่คนก็ยังอยากดูอยู่นั่นแหละ อาจเป็นเพราะคนคงอยากเห็นพระเอกหล่อๆนางเอกสวยๆตามยุคสมัยใหม่โปรดักชันที่อลังการขึ้นในสมัยใหม่อยู่ดีนะแหละ ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับอนิเมะรีเมคละนะ

Credit : Ranma 1/2 remake


4.หรืออาจจะเกี่ยวกับลิขสิทธิ์?

    อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์งานศิลปะงานสร้างสรรค์วรรณกรรมต่างๆในญี่ปุ่นเป็นยังไง แต่ผมเคยอ่านเจอว่าฝั่งอเมริกาเนี่ยถ้าผ่านในรอบสิบปีไม่ทำอะไรสร้างสรรค์ต่อยอดใหม่ๆลิขสิทธิ์ผลงานอาจจะหลุดจากผู้จดลิขสิทธิ์ได้ นั่นเลยเป็นสาเหตุให้ภาพยนต์ฮอลิวูดต้องเอาหนังกลับมาทำใหม่ทุกๆสิบปี ยกตัวอย่างเช่น StarWars พอออกฉายเสร็จครบสิบปีก็มีการออกแผ่นดีวีดี เนื้อหาเหมือนเดิมแต่เพิ่มฉากCGที่เมื่อก่อนไม่มีเข้าไป ส่วนหนึ่งก็คงอยากจะต่อลิขสิทธิ์นี่แหละนะ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอนิเมะญี่ปุ่นเองก็อาจจะอยู่ในกฎหมายลักษณะเดียวกันก็ได้ ก็เลยต้องมีการรีเมคหรือออกภาคใหม่ๆทุกๆสิบปีนี่แหละ 

Credit : One Piece Remake

     โดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเป็นอนิเมะสักยุค80ถึง90ต้นๆที่ภาพยังมีคุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไร ยังเป็นอนิเมะที่ฉายบนทีวีแบบจอสี่เหลี่ยมจตุรัสอยู่ หากจะนำมารีเมคทำใหม่ให้คมชัดขึ้นสำหรับฉายบนจอแบบ Wide screen สี่เหลี่ยมผืนผ้ามันก็คงจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นอนิเมะที่สร้างหลังปี 2000 ไปแล้ว ผมว่าต้นฉบับมันก็ได้คุณภาพระดับนึงอยู่นะ การจะเอามาทำรีเมคอีกรอบสำหรับผมแล้วคิดว่าตอนนี้มันยังเร็วไปหน่อยน่ะ อนึ่งด้วยงบประมาณที่จำกัดในสมัยนี้ ผมไม่ก็ไม่คิดว่าเขาจะรีเมคได้แบบทุกตอน (ยิ่งอนิเมะสมัยก่อนนี่จำนวนตอนฉายเยอะมาก เรื่องนึ่ง 40-70 ตอนก็ยังมี) อย่างเก่งเขาคงย่อเวอร์ชันรีเมคให้เหลือสัก 24 -30 ตอนละกระมั้ง ซึ่งมันก็คงจะเสียอรรถรสลงไปอีกนะแหละ อีกทั้งสมัยนี้นี่มีการเซ็นเซอร์วิพากษ์วิจารณ์หนักกว่าสมัยก่อนมาก (ยกตัวอย่าง ชินจังสมัยฉายใหม่ๆนี่แกลามกทะลึ่งกว่าชินจังยุคปัจจุบันมาก ชนิดที่ถ้าเทียบกันแล้วเรียกได้ว่าเป็นชินจังสมัยใหม่นี่เป็นเด็กดีไปเลย) ฉนั้นแล้วก็มีความกังวัลกันว่าถ้าเอาอนิเมะสมัยเก่าๆมารีเมคกันจริงๆ บางบทบางตัวละครก็อาจจะโดนเซ็นเซอร์โดนลดบทบาทลงไปแน่นอน (เช่น ตัวละครตาลุงลามกที่ชอบขโมยชุดชั้นในสาวๆ ฮัปโปไซ ในเรื่องรันม่า ถ้าโดนรีเมคคงกลายเป็นเด็กดีเหมือนชินจังละกระมัง) 

    กล่าวโดยสรุป ส่วนตัวอนิเมะที่โดนรีเมคแล้วผมไม่เคยดูมาก่อนหรือตอนนั้นดูบ้างไม่ได้ดูบ้างจำตอนจบไม่ได้ ผมก็อาจจะสนใจที่จะหาเวอร์ชันรีเมคมาดูก็เป็นได้ แต่ถ้าตอนเด็กๆดูตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็คงไม่ดูเวอร์ชันรีเมคหรอกครับ ขอเก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำดีกว่าละนะครับ 


ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->



 

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567

Anime No.51 : Yuri !!! On Ice ユーリ!!! on ICE

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ได้ดูคลิปที่บอกว่ามีอนิเมะใดบ้างที่มีตัวละครที่เป็นคนไทยอยู่ในเนื้อเรื่อง หนึ่งในนั้นมีอยู่เรื่องนึงที่ดูเหมือนว่าจะเป็นประเด็นอยู่มากอยู่เหมือนกันนั่นคือเรื่องนี้เลยครับ Yuri !!! On Ice ユーリ!!! on ICE ผมก็เลยไปลองหามาดู เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ ยูริ คัสซึกิ นักกีฬาฟิเกียร์สเก็ตน้ำแข็งผู้ผ่ายแพ้อย่างหมดท่าในการแข่งขันกรังปรีไฟนอล เมื่อกลับมาบ้านที่ฮาเซ็ทซึที่ภูมิภาคคิวชูปรากฎว่า วิคเตอร์ นิคิฟอรอฟ แชมป์เหรียญทองห้าสมัยได้เห็นคลิปวิดีโอที่ยูริซ้อมตามโปรแกรมของเขา จึงตัดสินใจหยุดเข้าแข่งขันและเปลี่ยนมาเป็นโค้ชให้กับยูริแทน นั่นทำให้ ยูริ พริเซทสกี แชมป์ระดับจูเนียร์ผู้ที่จะเดบิวในการแข่งระดับเวิร์ดกรังปรีรู้สึกไม่พอใจเพราะหวังไว้ว่าจะได้วิคเตอร์มาช่วงออกแบบโปรแกรมให้ เขาก็เลยตามมาท้าสู้กับยูริญี่ปุ่น ทั้งยูริญี่ปุ่นและยูริรัสเซียเลยกลายเป็นคู่แข่งที่ต้องต่อสู้กันในการแข่งขันระดับเวิร์ดกรังปรีนั่นเอง

 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้เป็นแนวกีฬาผสมกับเรื่องราวดราม่าของเหล่านักกีฬาฟิเกียร์สเก็ตน้ำแข็งลีลา ตัวเนื้อเรื่องค่อนข้างจะเน้นไปที่การพัฒนาตัวเอง การต่อสู้กับความคิดของตัวเอง การไม่ยอมแพ้และการเดินตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อ ทุกตัวละครมีแบ็คกราวด์สตอรี่ของตัวเอง ภาพลีลาการสเก็ตก็งดงามลื่นไหลเข้ากับเสียงเพลง มุกตลกที่ใส่เข้ามาก็พอขำๆยิ้มๆแหละ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูได้สนุกสนานเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


ข้อด้อย:

    เนื่องจากกีฬาฟิเกียร์สเก็ตน้ำแข็งลีลานี่ไม่ได้เป็นที่นิยมในเมืองไทยเท่าไร คนที่ไม่รู้จักระบบการแข่งขันการให้คะแนนก็อาจจะดูแล้วไม่อินขนาดนั้น(แต่ที่ญี่ปุ่นนี้กีฬาชนิดนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมมาก มีการถ่ายทอดสดให้ดูทุกปี เพราะว่าเขาเองก็มีนักกีฬาติดระดับท๊อปของโลกด้วยละนะ) อีกอย่างก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นแนววาย สาววายก็น่าจะชอบกันแต่สำหรับผู้ชายธรรมดาอย่างอย่างผมดูแล้วก็รู้สึกจักจี้หน่อยๆละนะ 


 

    ว่าแล้วก็ต้องเขียนถึงตัวละครคนไทยอย่าง พิชิต จุฬานนท์ ตัวบทเขาให้เป็นเพื่อนกับพระเอกยูริญี่ปุ่น(ที่เป็นคนค่อนข้างเก็บตัวไม่ค่อยจะมีเพื่อนแต่ดันมีเพื่อนเป็นคนไทยนิสัยร่าเริงสุดๆซะงั้น) ซึ่งถ้าไม่นับไอ้สามตัวหลักแล้วนี้ พิชิตค่อนข้างจะโดนเด่นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเขาใส่นิสัยคนไทยเข้ามาเต็มๆ ทั่งเรื่องที่ชอบเล่นโซเชียล แชร์อะไรๆแบบไม่ค่อยคิด เป็นคนรักสัตว์ ยิ้มง่ายเป็นมิตร มีความมั่นใจในตัวเอก(แถมยังดังขนาดได้ถ่ายรูปกับนายกคนนั้นด้วยอะนะ เฮอๆ) เรียกได้ว่าถ้ามันไม่ใช่อนิเมะญี่ปุ่นที่ต้องให้ตัวเอกเป็นคนญี่ปุ่นแล้วละก็ผมว่าพิชิตนี่มันพระเอกตัวจริงกระทิงแดงชัดๆ ซึ่งมันก็สร้างความแปลกใจให้กับผมเหมือนกันเพราะสมัยก่อนอนิเมะญี่ปุ่นค่อนข้างจะเขียนบทให้คนไทยเป็นตัวร้ายบ้างเป็นตัวประกอบที่ไม่ค่อยสำคัญบ้าง จะมีเรื่องนี้แหละที่ดูเหมือนว่าคนไทยกลายเป็นเหมือนได้บทพระรองกลายๆอยู่อะนะ 

    กล่าวโดยสรุป สำหรับคนที่สนใจอนิเมะแนวกีฬาแนววายแล้วละก็เรื่องนี้ก็พลาดไม่ได้ ยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->