วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime Special 21 : ทำไมถึงไม่มีอนิเมะไทยสักที ? どうしてタイのアニメがないの?

 สวัสดีครับ หลังจากดูอนิเมะจากญี่ปุ่นมาน่าจะเป็นหลักหลายร้อยเรื่องแล้ว มันก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วทำไมไทยเราถึงไม่มีอนิเมะแบบทางญี่ปุ่นเขาบ้าง? ว่าแล้วก็ลองมารวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับอนิเมะแบบไทยๆกันดูว่ามีบ้างหรือเปล่า

    เริ่มจากอนิเมชันเรื่องแรกของไทย ถ้าถามกูเกิลดูจะได้คำตอบว่าคือเรื่อง"เหตุมหัศจรรย์"ของท่าน ปยุต เงากระจ่าง เป็นอนิเมชันสั้นๆ ฉายเมื่อปีพ.ศ 2498 (ค.ศ 1955)


แต่ถ้าเป็นอนิเมชันเรื่องยาว ในความเข้าใจของผมก็คงจะต้องเป็นเรื่อง"สุดสาคร" ออกฉายเมื่อปี ๒๕๒๒ (ค.ศ 1979) กำกับโดยท่าน ปยุต เงากระจ่าง เช่นเคย (ซึ่งท่านก็ได้รับฉายาว่าเป็น"วอลท์ ดิสนีย์ เมืองไทย"เลยทีเดียว)

 


อย่างไรก็ดี สองเรื่องนี้ก็เก่ามากขนาดว่าผมเองยังเกิดไม่ทันได้ดูเลย ถ้าถามว่าอนิเมะไทยที่ผมเคยดูตอนเด็กๆคือเรื่องอะไร มานึกดูตอนนี้น่าจะเป็นเรื่อง"ม้าเหล็ก"เป็น MV ของพี่หนุ่ยอำพลลำพูน เป็นอนิเมะแบบไทยๆแท้ๆที่แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังจำเนื้อร้องท่อนฮุกได้อยู่เลยอะนะ

หลังจากผ่านช่วงวัยเด็กมาแล้ว ช่วงวัยรุ่นของผมก็จะประมาณปีค.ศ 2000 ช่วงนั้นจริงๆเป็นช่วงที่มังงะไทย(เขาก็เรียกหนังสือการ์ตูนไทยน่ะแหละ)กำลังบูม ในความทรงจำของผม ก็จะมีพวก Thai comics ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ หรือมังงะที่เขียนโดยคนไทยที่แทรกอยู่ในนิตยสารการ์ตูนพวก Boom หรือ C-kids ก็มี แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีเรื่องไหนที่ได้ทำออกมาเป็นอนิเมะ(หรือมีทำแล้วผมไม่ทราบก็ไม่รู้เหมือนกัน)  หลังจากนั้นมาด้วยกระแสอะไรต่างๆที่เข้ามาในไทยทั้ง J-pop,K-pop สุดท้ายมังงะแบบไทยๆก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคย 

ในเวลาต่อมามันก็มีคนที่ทำอนิเมชันออกมาให้ชมอย่าง สุดสาคร(ถ้าใครจำเพลงจ๋ามะทะจิงจาได้ก็นั่นแหละ) ก้านกล้วย ปังปอนด์ นาค ซึ่งส่วนตัวผมก็ว่ามันหนักไปทางเป็นการ์ตูนเด็กหรือให้ความรู้สึกเหมือนอนิเมชัน 3D ฝั่งฮอลี่วูดเสียมากกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นอนิเมะละนะ 

ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีใครสักคนคิดที่จะทำอนิเมะไทย (เอาแบบ2Dวาดมือเป็นตอนๆมีเพลงเปิดปิดเหมือนของญี่ปุ่นน่ะ) ทั้งที่เมื่อก่อนอนิเมะญี่ปุ่นที่ดังๆอย่าง Dragon Ball เองก็เคยผลิตในประเทศไทยนี่แหละ เรื่องฝีมือคนไทยผมว่าทำได้แน่นอน เท่าที่พอจะคิดออกก็คงจะมีสาเหตุประมาณนี้

1. ขาดต้นฉบับที่ดี ก่อนจะเป็นอนิเมะได้อย่างแรกเลยมันก็ต้องมีต้นฉบับ ซึ่งก็อาจจะเป็นไลท์โนเวลหรือมังงะที่ขายได้ดีในระดับหนึ่งก่อนถึงจะถูกเอามาทำเป็นอนิเมะได้ อย่างไรก็ดีในยุคสมัยนี้ที่หนังสือการ์ตูนไทยแทบจะหาอ่านไม่ได้แล้วเรื่องต้นฉบับที่ดีก็ไม่ต้องพูดถึง ส่วนไลท์โนเวลก็แทบจะเหลือแต่แนววายแนวยูรินะแหละที่ยังขายได้(ครั้นจะเอาแนวนี้มาทำอนิเมะก็คงไม่พ้นกองเซ็นเซอร์ดูไม่รู้เรื่อง ไม่ก็ได้ฉายรอบดึกละนะ) 

2. ผู้ใหญ่ยังเข้าใจว่าอนิเมะคือการ์ตูนสำหรับเด็ก ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าอนิเมะคือการ์ตูนสำหรับเด็ก ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็คือสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งที่มีเรทมีเนื้อหาไม่ต่างอะไรกับภาพยนต์เรื่องหนึ่งนะแหละ พอคิดว่ามันเป็นแค่การ์ตูนเด็กก็อาจจะไม่เห็นศักยภาพว่าอนิเมะเรื่องหนึ่งสามารถต่อยอดไปทำอะไรได้หลายอย่างก็เลยไม่ได้ลงทุนลงแรงสร้างอนิเมะไทยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น อนิเมะเรื่อง Yuru Camp ที่เป็นเรื่องของสาวน้อยที่ชอบไปออกแคมปิ้งก็ยังสามารถขายของอุปกรณ์ตั้งแคมป์ของกินของฝากต่างๆเข้ามาในเรื่องได้ด้วย รวมถึงโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ ยังไม่นับรวมพวกฟิกเกิยร์ของเล่นเอยอะไรเอยอีกละนะ ส่วนคนที่เถียงว่าใช้ละครไทยบ้านเราโปรโมทเอาก็ได้นิ มันก็จริง แต่ดาราเนี่ยยังไงก็มีวันแก่ อาจจะมีข่าวคาวเรื่องซุบซิบนินทาได้จนเสียภาพพจน์ภายหลังได้ แต่ตัวละครอนิเมะน่ะเป็นอมตะ(ถ้าไม่วาดให้แก่ละก็นะ) ดียังไงก็ยังดียังงั้น ไม่มีทางเสื่อมเสียแน่น่อนแหละ

 3. เงินไม่มางานไม่มี เท่าที่เคยได้ยินมาอนิเมะแบบคุณภาพกลางๆ 12 ตอนแบบที่เราเห็นๆอยู่ทุกวันนี้จะต้องใช้เงินสร้างตกอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท(ใช้เวลาสร้างอีก1-2ปี) ถ้าไม่มีวิธีที่จะขายงานได้แบบอนิเมะญี่ปุ่น จู่ๆจะมีเศรษฐีโอตาคุที่ไหนควักเงินตัวเองออกไปก่อนล้านนึงจะเจ๊งก็ช่างช่วยสร้างอนิเมะไทยให้หน่อย มันก็คงจะไม่มีน่ะแหละนะ (แม้แต่อนิเมะญี่ปุ่นเองที่เห็นออกมาซีซันเดียวแล้วไม่มีภาคต่อเลย มันก็เรื่องเงินนะแหละ ถ้าออกมาแล้วขายไม่ได้ไม่ดังก็ไม่ได้ไปต่อละนะ) สุดท้ายมันก็จะกลับไปที่ต้องมีต้นฉบับที่มันต้องศักยภาพพอที่นักลงทุนจะมั่นใจว่าพอเอามาทำอนิเมะแล้วจะขายได้แน่ๆก่อนละครับ

4.เนื้อเรื่องโบราณเกินไป จริงๆก็มีโปรเจ็คอนิเมชันหลายๆอย่างที่ได้ทุนให้เปล่ามาทำ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวอนุรักษ์นิยมจนเกินไปอย่างโขน รามเกียรติ์ หรือแนวสอนธรรมะ ซึ่งมันก็ไม่ได้ไม่ดีอะไรหรอกเพียงแต่คนเขาก็ไม่ค่อยจะดูกันนะแหละ ถ้าอยากจะทำให้ปังจริงๆ ก็ควรจะประยุกต์เนื้อเรื่องให้ดูง่ายสนุกสนานมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น โดราเอม่อน แม้จะเป็นแนวไซไฟชีวิตประจำวัน แต่ผมว่าจริงๆแล้วโดราเอม่อน มันคือการ์ตูนคุณธรรมต่างหาก ทุกครั้งที่โนบิตะทำอะไรไม่ดีก็มักจะได้รับกรรมที่ก่อไว้ตอนจบ อาจารย์ฟูจิโกะฟูจิโอะแกก็ไม่ได้บอกโต้งๆท้ายเรื่องว่า กมฺมุนา วตฺตตีโลโก กรรมใดใครก่อกรรมนั่นย่อมตอบสนอง ใช่มัยละ เนื้อเรื่องมันสอนเป็นนัยอยู่แล้วไม่ต้องมาท่องบาลีให้ฟังหรอก (หรือพอพล็อตมันไม่ธรรมะจ๋าๆแล้วผู้หลักผู้ใหญ่เขาจะไม่ให้ผ่านหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ) หรืออย่างรามเกียรติ์ ถ้าเอามาทำโต้งๆก็ไม่มีใครดูหรอกครับ เนื้อเรื่องมันเอาท์ไม่เข้ายุคเข้าสมัยเสียแล้ว (สมัยนี้ไม่มีใครนิยมเอาลิงมาฆ่าล้างโคตรเพื่อแย่งผู้หญิงคนเดียวกันแล้วเฟ้ย) ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเอามาประยุกต์กับแนวชีวิตประจำวันอาจจะดีกว่า เช่น ให้พระรามเป็นนักเรีย ม.ปลาย สีดาเป็นดาวโรงเรียน ทศกัณฐ์เป็นนักเลงประจำโรงเรียน พระลักษณ์เป็นบราคอน อะไรแบบนี้มันคงจะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากกว่าละนะ 

เท่าที่คิดออกก็คงจะประมาณนี้ ช่วงหลังๆนี้ผมเองก็เห็นผลงานอนิเมะแบบไทยๆที่คนไทยสร้างมาเรื่อยๆ(แต่เป็นคลิปสั้นๆอะนะ) คุณภาพก็โอเคเลย เอาเข้าจริงๆถ้าจะทำออกมาเป็นตอนๆก็คงจะได้แหละ ยังไงถ้ามีเศรษฐีโอตาคุที่พร้อมจะเจ๊งมาอ่านบล๊อกนี้ก็รบกวนให้การสนับสนุนอนิเมะไทยให้ได้สร้างกันด้วยละกันนะครับ (รวมถึงรัฐบาลที่เอาแต่พูดซอฟต์พาว์เวอร์ๆด้วยนะ เฮอๆ)

 


สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime No.82 : School Babysitters 学園ベビーシッターズ

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็เปิดเทอมกันแล้ว ยังไงก็ระวังโรคติดต่อทางเดินหายใจ ทั้งโควิด ไข้หวัดใหญ่ RSV กันด้วยละนะครับ พูดถึงเด็กๆแล้วก็ทำให้นึกถึงอนิเมะแนวพี่เลี้ยงเด็กขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่อง School Babysitters 学園ベビーシッターズ (ชื่อภาษาไทย นักเรียนพี่เลี้ยงเด็ก) มาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของเด็กม.ปลาย ริวอิจิ คาชิมา และน้องชายวัยกระเตาะ โคทาโร่ ที่ประสบกับโศกนาฏกรรมเมื่อพ่อแม่ของพวกเขาประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งให้ริวอิจิต้องอยู่กับน้องชายกันแค่สองคน แต่กระนั้น โยโก โมริโนมิยะ เจ้าของโรงเรียนโมริโนมิยะที่สูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปในเหตุการณ์เครื่องบินตกเดียวกันกับพ่อแม่ของริวอิจิ เธอได้ตัดสินใจรับอุปการะพี่น้องทั้งสองคนแต่มีเงื่อนไขให้ริวอิจิจะต้องไปช่วยงานที่รับเลี้ยงเด็กในโรงเรียนที่เอาไว้ฝากเด็กๆของบุคลากรในโรงเรียนในเวลากลางวัน ริวอิจิเลยต้องรับภาระเป็นนักเรียนม.ปลายและเป็นพี่เลี้ยงเหล่าเด็กป่วนไปด้วยนั่นเอง 

 



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวๆการ์ตูนเด็กผู้หญิงที่นำเสนอความน่ารักปั่นๆป่วนๆของเหล่าเด็กน้อยในสถานรับเลี้ยงเด็กนั่นแหละ ตัวเนื้อเรื่องก็ไปเรื่อยๆไม่ได้เครียดมีดราม่าอะไรกันนักกันหนา สำหรับคนที่ได้ดูก็น่าจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือชอบเด็กน้อยอยากมีลูกมีน้อง และกลุ่มที่สองคือเลี้ยงเด็กมันลำบากแต้ๆอยู่คนเดียวสบายใจกว่าละนะ เฮอๆ สำหรับงานภาพก็สวยงามพอสมควรตามสไตล์การ์ตูนเด็กผู้หญิง เป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยไม่มีปัญหาอะไรครับ

ข้อด้อย:

    เนื้อเรื่องดูจะไปเรื่อยๆเอื่อยๆไม่ได้มีอะไรเร้าใจขนาดนั้น(ก็ตามสไตล์แนว slice of life  ละนะ) ณ.ตอนที่เขียนออกมาแค่ซีซันเดียวแล้วก็ไม่รู้จะมีต่อเหรือเปล่า ก็เลยอาจจะรู้สึกว่ามันจบเร็วไปนิดน่าจะมีต่ออีกหน่อยหรือเปล่านะ

    กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็นำเสนอความน่ารักน่าชังของเหล่าเด็กน้อย มีความสนุกขำๆอยู่ระดับหนึ่งละ เนื้อหาไม่ได้หนักหน่วงอะไรดูได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย ใครอยากได้อนิเมะมาดูคลายเครียดก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ สติกเกอร์ไลน์ "นางสาว C" จากมังงะเรื่อง Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Anime No.81 : The Rising of the Shield Hero 盾の勇者の成り上がり

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็มีข่าวดังพระเฒ่าโดนหญิงแบล็กเมล์ไถ่ตังค์วัดไปเล่นพนันออนไลน์จนต้องเข้าคุก พูดถึงผู้ชายที่โดนผู้หญิงทรยศหักหลังแล้วก็นึกถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งที่ได้ดูไป นั่นก็คือเรื่อง The Rising of the Shield Hero 盾の勇者の成り上がり (ชื่อภาษาไทย ผู้กล้าโล่ผงาด) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ นาโอฟุมิ อิวาตานิ ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นทั่วๆไปที่จู่ๆก็โดนอัญเชิญไปยังต่างโลกในฐานะของผู้กล้าพร้อมกับชายอีกสามคน ทั่งสี่คือสี่ผู้กล้าในตำนาน ผู้กล้าหอก ผู้กล้าดาบ ผู้กล้าธนู และนาโอฟุมิเป็นผู้กล้าโล่ ทั่้งสี่คนได้รับการไหว้วานให้มารับมารับมือกับมหันตภัยที่เรียกว่า"คลื่น" ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกแห่งนี้ แต่เพราะนาโอฟุมิเป็นผู้กล้าโล่ที่เอาไว้ป้องกันอย่างเดียวไม่สามารถโจมตีใครได้ทำให้ไม่มีใครอยากเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยนอกจากเจ้าหญิงของอาณาจักรเพียงคนเดียว ไมน์ ได้เข้ามาให้คำแนะนำกับนาโอฟุมิเป็นอย่างดี แต่จู่ๆวันหนึ่งหลังจากที่เขาตื่นขึ้นกลับพบว่าอุปกรณ์และเงินทองของเขากลับถูกไมน์ขโมยไป แถมยังถูกใส่ความว่าทำมิดีมิร้ายไมน์อีกต่างหาก นาโอฟุมิจึงถูกอัปเปหิให้ไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง ด้วยข่าวคาวที่แพร่สะพัดออกไปทำให้ไม่มีใครอยากคบหากับนาโอฟูมิอีกต่อไป ด้วยความสิ้นหวังนาโอฟูมิจึงต้องไปซื้อทาสเพื่อให้มาเป็นคนในปาร์ตี้ของเขา และนั่นเองที่เขาได้พบกับ ราฟทาเลีย เด็กสาวครึ่งมนุษย์ครึ่งทานุกิที่ถูกจับมาเป็นทาส ทั้งคู่จึงต้องออกเดินทางพจญภัยในโลกอันโหดร้ายเช่นนี้นี่เอง 

 


ความคิดเห็น:

     เรื่องนี้ก็เป็นแนวไปต่างโลกในเกม(คล้ายๆกับเรื่อง SAO แต่เป็นโลกคู่ขนานไม่ใช่เกมซะทีเดียวละนะ) ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นต้นแบบสำหรับแนวไปต่างโลกประเภทที่พระเอกโดนทรยศหรือโดนขับจากปาร์ตี้นี่แหละ ตัวเนื้อเรื่องก็สนุกดีครับ คนที่ชอบแนวพจญภัยไปต่างโลกก็น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากนะแหละนะ ตัวผมเองชอบตัวละครราฟทาเลียเป็นพิเศษด้วยละนะครับ เรื่องงานภาพก็สวยงาม ฉากต่อสู้ใช้เวทมนต์ก็อลังการ เพลงปิดเปิดก็ไพเราะเข้ากับเนื้อเรื่องด้วยครับ

ข้อด้อย:

    เนื่องจากมันเป็นแนวไปต่างโลกอาจจะมีพล็อตบางอย่างที่ดูซ้ำๆกับเรื่องอื่นๆอยู่บ้าง แล้วมันก็อิงระบบในเกมออนไลน์ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมประเภทนี้พอมาดูแล้วก็จะงงๆ อยู่บ้าง อีกอย่างคือพอเนื้อเรื่องมันดำเนินไป ตัวละครมันก็เยอะขึ้นเรื่องๆ จนพอมาดูภาคหลังๆแล้วก็เกิดอาการลืมว่าไอ้ตัวนี้มันมายังไงแล้วหว่า 

    กล่าวสรุป เรื่องผู้กล้าโล่ผงาดนี้ก็เป็นแนวไปต่างโลกที่ดูได้สนุกสนานดีครับ ได้ข้อคิดอยู่พอสมควร(อย่างน้อยก็เรื่องการอย่าไปไว้ใจใครง่ายๆอะนะ) ณ.ตอนที่เขียนมีสามซีซันแล้วก็จะมีภาคสี่ออกมาในเร็วๆนี้ด้วยครับ (ผมชอบซีซันหนึ่งมากที่สุดนะ ซีซันสองดูจะเรื่องเยอะไปนิด ซีซันสามก็ดูโอเคอยู่) สนใจยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ สติกเกอร์ไลน์ "นาย A" จากมังงะเรื่อง Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

 

  

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Anime No.80 : Sword Art Online ソードアート・オンライン

 สวัสดีครับ พูดถึงกระแส AI ที่กำลังมาแรง จนใครหลายๆคนก็กังวัลกันว่าสักวันมันจะครองโลกทำคนตกงานกันหรือเปล่า ผมว่ามันก็ไม่แน่หรอกนาย เอาเป็นว่าวันนี้เรามาดูอนิเมะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI และเมตาเวิร์สกันบ้างดีกว่า นั่นก็คือเรื่อง Sword Art Online ソードアート・オンライン (เรียกย่อๆว่า SAO) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเริ่มขึ้นในปี 2022 เมื่อมีการเปิดตัวเกมสวมบทบาทออนไลน์เสมือนจริง(VRMMORPG)ชื่อ Sword Art Online ซึ่งผู้เล่นจะสวมอุปกรณ์ที่เรียกว่าเนิร์ฟเกียร์ NerveGear และจะสามารถเข้าสู่เกมได้โดยใช้ความรู้สึกนึกคิดในการควบคุมตัวละคร ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ในการเปิดตัวเกมอย่างเป็นทางการ มีผู้เล่นเกือบ 10000 คนล็อกอินเข้าเกม ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ คายาบะ อากิฮิโกะ ผู้สร้างเกมและเนิร์ฟเกียร์จะโพล่ออกมาในเกมและบอกว่าต่อจากนี้ผู้เล่นทุกคนจะล็อกเอ้าท์ออกจากเกมไม่ได้ และจะต้องเอาชนะบอสที่อยู่ชั้นที่100ของหอคอยไอคราดถึงจะออกจากเกมได้และถ้าหากผู้เล่นคนไหนเกิดตายในเกม ในชีวิตจริงก็จะถูกคลื่นไมโครเวฟจากเนิร์ฟเกียร์ทำลายสมองตายไปด้วยเช่นกัน ท่ามกลางความโกลาหล ผู้เล่นคนหนึ่งชื่อ"คิริโตะ"ซึ่งเคยเป็นผู้เล่นทดสอบระบบเกมก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวหาทางรอดจากเกมมรณะนี้ไห้ได้นั่นเอง



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นอนิเมะแนวไซไฟแนวพจญภัย(หรือจะว่าเป็นแนวไปต่างโลกในเกมก็ว่าได้) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะดังทีเดียว ผมคิดว่ามาร์คซักเกอร์เบิร์กเองอาจจะได้ดูเรื่องนี้แล้วก็ได้แรงบันดาลใจอยากจะพลักดันเรื่อง Metaverse ให้เป็นจริงก็ได้ (แต่มันก็แป้กละนะ เพราะเทคโนโลยีมันยังไม่ถึงน่ะแหละ) โดนส่วนตัวผมชอบไอเดียเรื่องระบบ VR ในเรื่องรวมถึง AI ที่จะมีการกล่าวถึงในภาค Alicization ซึ่งค่อนข้างจะเป็นไอเดียที่ตรงกับ AI ในโลกความเป็นจริงของเราอยู่พอสมควร ไม่แน่ว่าสักวัน ChatGPT ก็อาจจะกลายเป็นเหมือน AI ในเรื่องก็เป็นได้ สำหรับเรื่องงานภาพก็ถือได้ว่าสวยงามดี ฉากแอ็คชันก็อลังการ เพลงเปิดปิดก็ไพเราะแล้วก็ดังพอๆกับตัวอนิเมะละนะ

ข้อด้อย :

    ปัญหาน่าจะอยู่ที่การเดินเรื่องที่บางทีรู้สึกเหมือนคนเขียนบทขี้เกียจเขียนต่อก็หักมุมให้เรื่องมันคลี่คลายไปอีกทางซะงั้น แถมพอเรื่องดำเนินไปก็กลายเป็นอนิเมะแนวฮาเร็มซะอีก เพราะมีแต่ตัวละครหญิงโผล่มาติดพันคิริโตะเยอะแยะเต็มไปหมด (ในชีวิตจริงมันจะมีผู้หญิงที่ไหนมาเล่นเกมเยอะแยะอะไรขนาดนั่นเชียว) สงสารก็แต่นางเอกที่นอกจากบทบาทจะจางลงๆ ก็ยังมักจะโดนลวนลามเป็นฉากเซอร์วิสคนดูซะงั้น(ซึ่่งก็ไม่เห็นจะจำเป็นขนาดนั้นละนะ) 

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวไซไฟแฟนตาซีที่ผสมเกมออนไลน์ เมตาเวิร์ส และAIเข้าไปได้อย่างลงตัว ส่วนตัวผมคิดว่าด้วยความดังของเรื่องSAOนี่แหละที่ทำให้เกิดกระแสอนิเมะแนว"ต่างโลก" 異世界 มันบูมขึ้นมาในระยะหลังๆ (ก็ว่าเลียนแบบ SAO กันนี่แหละ ถ้าตัวเอกเรื่องไหนใส่ชุดสีดำถือดาบใหญ่ๆนี่มันก็คือโคลนของคิริโตะละนะ เฮอๆ ) ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก็อาจจะมีเรื่องของการติดเกมมากเกินไป หรือการแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือเกมอันไหนคือโลกจริงๆ ซึ่งก็เป็นปัญหาของเด็กยุคนี้ด้วยละนะ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ก็ออกมาหลายภาค มีภาคแยกนู้นนั่นนี่เต็มไปหมด ผมเองก็หามาดูได้ไม่หมดหรอกครับ ถ้าสนใจยังไงก็ลองหามาดูกันได้นะครับ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Anime No.79 : From Bureaucrat to Villainess: Dad's Been Reincarnated! 悪役令嬢転生おじさん

 สวัสดีครับ จริงๆแล้วผมไม่ค่อยจะดูอนิเมะพวกแนวไปต่างโลกสักเท่าไรแม้แต่เรื่องดังๆ เพราะว่าพอดูไปก็เริ่มรู้สึกว่ามันซ้ำซากน่ะแหละนะ แต่เผอิญได้ไปดูอนิเมะต่างโลกเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกว่ามันก็สนุกดี วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำกันครับ นั่นก็คือเรื่อง From Bureaucrat to Villainess: Dad's Been Reincarnated! 悪役令嬢転生おじさん (ชื่อภาษาไทย เมื่อตาลุงเกิดใหม่เป็นนางร้ายที่ต่างโลก ) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ เกรส ออร์เวน คุณหนูลูกสาวดยุกผู้สูงศักดิ์หลังจากประสบอุบัติเหตุตกม้าทำให้เธอกลายเป็น เคนซาบุโร่ ทงดะบายาชิ ตาลุงข้าราชการอายุ 52 ปี ที่วันนึ่งขณะกลับบ้านได้ไปช่วยเด็กจากการถูกรถชนจนตัวเองต้องประสบอุบัติเหตุซะเองและมาอยู่ในร่างของเกรสซะงั้น ไม่นานเคนซาบุโร่ก็ตระหนักได้ว่าเขาได้มาอยู่ในโลกของเกมจีบหนุ่มแนวแฟนตาซีที่เรียกว่า Love & Beast ที่ลูกสาวของเขาซื้อมาเล่นและเกรสเองก็เป็นนางร้ายประจำเกมที่ต้องคอยกลั่นแกล้ง แอนนา นางเอกของเกม ทว่าด้วยนิสัยคุณลุงใจดีของเคนซาบุโร่ทำให้เขาทำบาปกับแอนนาไม่ขึ้นสักที

 


ความคิดเห็น:

     ว่าที่จริงแนวไปต่างโลกอยู่ในเกมจีบหนุ่มที่ก็มีให้เห็นบ่อยๆ แต่ตัวเอกที่ไปส่วนใหญ่จะเป็นเด็กสาวไม่ก็เด็กหนุ่มละนะ(ไปเป็นนางเอกนางร้ายตัวประกอบอะไรก็มี) แต่พอเรื่องนี้กลายเป็นตาลุงมันก็ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี นอกจากความแตกต่างของวัยแล้ว เรื่องนี้ยังให้ข้อคิดในด้านของการรักษาความสัมพันธ์ของเพื่อน(ร่วมงาน) การบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆในแบบประนีประนอม(ในแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน) เรียกได้ว่าคนดูน่าจะพอได้ข้อคิดในด้านนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย งานภาพสวยพอสมควร เพลงประกอบก็ทำได้ดี เนื้อเรื่องสนุกสนานดูได้ทุกเพศทุกวัยไม่มีปัญหาอะไรครับ

ข้อด้อย:

    มีการใช้มุกซ้ำเยอะไปนิด อย่างมุกที่จะตบว่ามุมมองคนเป็นพ่อ 親目線 นี่ออกมาบ่อยไปหน่อย  นอกจากนั้นเนื่องจากตัวเอกเป็นตาลุงอดีตโอตาคุอายุ 52 บางทีแกก็พูดถึงเรื่องอนิเมะเก่าๆ(ยุค80-90นู้นแหละ)ที่เด็กๆเจนวายเจนแซดสมัยนี้ก็คงไม่เก็ตเท่าไร(แต่ผมรู้นะเพราะอายุก็ไล่ๆกับลุงเคนซาบุโร่นะแหละ เฮอๆ) เด็กรุ่นนี้คงต้องไปถามคุณพ่อคุณแม่เอาละนะ 

     กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวไปต่างโลกในเกมจีบหนุ่ม การที่เขาให้นางร้ายมีนิสัยเป็นตาลุงก็อาจจะเป็นนัยยะว่าถ้าคุณผู้หญิงไม่วี๊ดว้ายโวยวายเหมือนนางอิจฉาในละครหลังข่าวแต่รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นรู้จักประนีประนอมบ้าง ก็น่าจะแต่คนรักคนหลงเหมือนเกรสก็เป็นได้ ณ.ตอนที่เขียนนี้ออกมาหนึ่งซีซัน ใครสนใจก็ลองหามาดูได้นะครับ 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ สติกเกอร์ไลน์ "นางสาว B" จากมังงะเรื่อง Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->


วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Anime No.78 : Amagi Brilliant Park 甘城ブリリアントパーク

 สวัสดีครับ ช่วงที่ผ่านมาก็มีเรื่องราวของการที่ประเทศไทยจะให้มีคาสิโนหรือที่ใช้ชื่อหรูๆครอบไปว่า Entertainment Complex หรือไม่ เนื่องจากในนั่นมันก็มีสวนสนุกรวมอยู่ด้วยก็เลยพาลไปนึกถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับสวนสนุกเต็มๆ นั่นก็คือเรื่อง Amagi Brilliant Park 甘城ブリリアントパーク (ชื่อภาษาไทย ปฏิบัติการพลิกวิกฤตสวนสนุก) เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ เซยะ คานิอิ หนุ่ม ม.ปลายอัจฉริยะหน้าตาดีที่หลงตัวเองสุดๆ ซึ่งจู่ๆก็โดนสาวสวยอย่าง อิซูซู เซนโตะ มาชวนไปเดท(แกมบังคับ)ที่สวนสนุกแห่งหนึ่ง พอไปถึงที่นั่นจึงรู้ว่าสวนสนุกอามากิบรินเลี่ยนพาร์คแห่งนี้คือสวนสนุกประหลาดๆที่กำลังจะเจ๊งอยู่บรมล่อ  แถมพนักงานที่ทำงานอยู่ในสวนสนุกแห่งนี้จริงๆคือเหล่าทูตที่มาจากดินแดนแฟนตาซีจริงๆอย่างดินแดน Maple Land ซึ่งต้องอาศัยพลังงานความสุขจากผู้คนที่ได้มาสวนสนุกแห่งนี้ถึงจะมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ได้ เซยะได้พบกับเจ้าหญิง ลาติฟา  ฟลูเรนซ่า เจ้าของสวนสนุกที่ได้ขอร้องให้เขามาเป็นผู้จัดการสวนสนุกที่กำลังจะล้มละลายหากไม่สามารถทำยอดผู้เข้าสวนสนุกได้ถึง 250,000 คนภายในสามเดือน ด้วยเหตุผลบางอย่างเซยะก็ได้ตกลงรับตำแหน่งนี้ เขาจะสามารถทำยอดได้ตามที่มุ่งหวังได้หรือไม่ ก็ต้องลองดูกันครับ 

 


ความคิดเห็น:

     เรื่องนี้ก็เป็นแนวตลกขบขันกวนๆปนๆกันความแฟนตาซี(หรือจะว่าเป็นแนวไปต่างโลกแบบกลับด้าน Reverse Isekai ก็ว่าได้) มุกฮาก็ใช้ได้แหละ นอกจากความสนุกสนานที่ได้แล้ว หากมองในเรื่องของการที่พระเอกเซยะจะต้องพยายามพลิกฟื้นสวนสนุกที่กำลังจะเจ๊งให้กลับมาให้ได้ มันก็ให้ข้อคิดในการบริหารธุรกิจอยู่เหมือนกัน ทั้งการลดต้นทุน การบริหารจัดการบุคคล การทำการตลาดประชาสัมพันธ์ ซึ่งจริงๆพระเอกมันก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ตามตำรานะแหละ(คนดูจะมองข้ามความฮาแล้วเห็นประเด็นนี้หรือเปล่าอะนะ) งานภาพก็สวยงามตามสไตล์สตูดิโอเกียวโตนะแหละ เรียกว่าดูได้เพลินๆสนุกสนานดีไม่มีปัญหาอะไรครับ

ข้อด้อย:

    ข้อด้อยอาจจะมีเป็นเรื่องที่มันจบเร็วไปนิด ตอนท้ายๆพระเอกก็เหมือนใช้วิธีอิหยังวะไปซักหน่อย ถ้าจบแบบสวยๆก็อาจจะประทับใจมากกว่านี้ละนะ(ถ้าเป็นผมอาจจะให้เอาคาสิโนใส่มาในสวนสนุกเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนคอมเพล็กไปซะ จะได้ดึงดูดคนเข้าสวนสนุกได้เยอๆละนะ เฮอๆ ) แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้ทั้งความฮาและความประทับใจอยู่ดีนั่นแหละครับ

    กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็เป็นแนวตลกแฟนตาซีที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยไม่มีปัญหาอะไร ใครชอบแนวนี้ก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ (มีหนึ่งซีซัน + OVA ขอรับ) 

ส่งท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ยัยจอมตื้อ จากมังงะเรื่อง Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->



วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Anime No.77 : Trigun Stampede トライガン・スタンピード

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็ว่างเว้นจากการแนะนำอนิเมะแนวไซไฟไปพอสมควร(หลังๆมันก็มีแต่แนวไปต่างโลกกับแนวรอมคอมอะนะ) วันนี้ก็เลยไปลองหาอนิเมะแนวไซไฟที่อยากจะแนะนำมารีวิวกัน ก็เลยได้มาเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ Trigun Stampede トライガン・スタンピード เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของนักข่าวรุ่นพี่ โรเบิร์ต เดอ เนโร กับนักข่าวสาวรุ่นน้องจอมเหวี่ยง เมริล สเตริฟ ที่เผอิญดวงซวยไปเจอกับ วาซ เดอะ สแตมพีค มือปืนระดับพระกาฬผู้มีค่าหัวถึง 6 หมื่นล้านดับเบิลดอลล่า ทุกๆที่ที่เขาไปจะต้องเจอกับหายนะจนได้รับฉายาว่า Humanoid Typhoon (มนุษย์หายนะระดับไต้ฟุ่น) หลังผ่านเหตุการณ์ต่างๆในที่สุดทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปที่ต่างๆด้วยกันพร้อมกันต้องเผชิญหน้ากับเหล่านักล่าที่ต้องการค่าหัวของวาชไปด้วยนั่นเอง

 




ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวไซไฟแอคชันที่รีเมคมาจากอนิเมะไตรกันซึ่งโด่งดังมากในยุคประมาณปี 2000 (ผมเองก็เคยดูแล้วก็มีมังงะครบด้วยแหละ) ตัวเนื้อเรื่องก็อาจจะไม่เหมือนต้นฉบับซะทีเดียวแต่ก็ยังเดินตามโครงเรื่องเดิมอยู่ละนะ พูดถึงตัวคุณภาพของอนิเมะแล้วต้องบอกว่าสุดยอดมากเพราะเป็นอนิเมะแบบ 3D ตูนเชดที่เคลื่อนไหวได้เนียนตาระดับที่เรียกได้ว่าดีกว่าภาพยนต์3Dของทางฝั่งฮอลลิวูดดังๆหลายเรื่องด้วยซ้ำ ฉากแอ๊คชันก็ทำได้ดีทีเดียว เรียกว่าคนที่เคยดูไตรกันฉบับดังเดิมมาดูแล้วก็คงไม่ผิดหวังละนะ


 

ข้อด้อย:

     สำหรับข้อด้อยก็คงเป็นรายละเอียดบางอย่างที่มันขาดหายไปพอสมควร เพราะอนิเมะฉบับดังเดิมนี่มีหลายตอนก็เลยมีรายละเอียดอะไรใส่มาได้เยอะ แต่พอรีเมค(อาจจะเพราะงบทำอนิเมะสมัยนี้มันไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน)จำนวนตอนก็เลยเหลือน้อยลง ตัวละครเอย รายละเอียดบางอย่างก็พลอยโดนลดหายไปด้วยโดยปริยายละนะ (อีกอย่างที่ขัดใจคือทรงผมไม้กวาดหัวตั้งของวาชมันก็ดันเป็นทรงนกหัวจุกเปียกน้ำไปแทนอะนะ) 

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้คงเหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวแอ็คชันไซไฟ คนที่เคยดูไตรกันมาแล้วก็กลับมาดูได้ไม่มีปัญหา สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมนี่คนที่จะดูน่าจะฟังภาษาญี่ปุ่นออกสักหน่อยเพราะทีมพากย์ค่อนข้างจะพากย์เร็วแล้วก็ซับซ้อน(อารมณ์เหมือนอนิเมชันพิกซ่าเลยนะแหละ) ถ้าคุณมัวแต่อ่านซับนี่จะไม่ทันได้ดูภาพแน่ๆ นอกนั้นก็ดีหมดละครับ ลองหามารับชมกันได้ (ภาคจบจะมาประมาณปีหน้านะครับ )

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ