วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime No.84 : Иногда Аля внезапно кокетничает по-русски 時々ボソッとロシア語でデレる隣のアーリャさん

 สวัสดีครับ จริงๆผมก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องการเมืองสักเท่าไร แต่บางทีมันก็มีเหลืออดเหลือทนจนต้องมาระบายกันบ้างละนะครับ ถ้าพูดถึงการเมืองในโรงเรียนดูบ้างก็เหมือนจะมีอนิเมะเรื่องหนึ่งที่นำเสนอออกมาได้น่าสนใจทีเดียว นั่นก็คือเรื่องที่รีวิวกันในวันนี้ Иногда Аля внезапно кокетничает по-русски 時々ボソッとロシア語でデレる隣のアーリャさん (ชื่อภาษาไทย คุณอาเรียโต๊ะข้างๆ พูดรัสเซียหวานใส่ซะหัวใจจะวาย) ชื่อยาวเป็นหางว่างเช่นเคยตามตำรับไลท์โนเวลญี่ปุ่นสมัยนี้ละครับ ว่าแล้วก็มาลองดูกัน

Source : https://roshidere.com/special/present_wp.html

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ อาริสะ มิฮาอิลลอฟนา คุโจ (ชื่อเล่นอาเรีย) สาวม.ปลายลูกครึ่งญี่ปุ่นรัสเซียผู้จริงจังอยู่เสมอ เธอนั้นทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกให้กับสภานักเรียนด้วย กลับกันชายที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆเธอ  มาซาจิกะ คุเซะ เด็กติดเกมติดอนิเมะที่ดูเหมือนจะทำตัวไร้สาระไปวันๆ แต่ดูเหมือนเจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยวอย่างอาเรียจะสนใจเขาอยู่ไม่น้อยแถมยังหลุดพูดจาหวานๆเลี้ยนๆเป็นภาษารัสเซียให้เจ้าตัวฟังอยู่บ่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าแท้จริงแล้วมาซาจิกะเขาฟังภาษารัสเซียออกทั้งหมดนั่นแหละ 

 


ความคิดเห็น:

     ตอนแรกที่ดูผมก็นึกว่ามันเป็นแนวรอมคอมรักวัยรุ่นในรั่วโรงเรียนทั่วๆไป แต่พอดูๆไปแล้ว ผมว่ามันเป็นแนวการเมืองคมเฉือนคมกันมากกว่า คนดูจะได้เทคนิคการบริหารจัดการข้อขัดแย้ง การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ และเทคนิคการพูดจูงใจผู้คน (ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองถนัดกันละนะ เฮอๆ) เรียกได้ว่าถ้าคนดูลองเอาเทคนิคต่างๆไปใช้ก็อาจจะจัดการสถานการณ์ข้อขัดแย้งอะไรได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว สำหรับงานภาพก็จัดได้ว่าสวยมาก เพลงเปิดปิดก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาครับ (คุณซูมิเระนักพากย์ก็ร้องเพลงปิดได้ไม่ซ้ำกันทุกตอนละนะ) ผมบวกคะแนนเพิ่มจากการที่คุณซูมิเระแกต้องไปเรียนภาษารัสเซียเพิ่มเพื่อพากย์เรื่องนี้ด้วยละนะ(ถึงคนรัสเซียจะบอกว่าฟังไม่ค่อยออกก็เหอะ)

Source : https://roshidere.com/special/present_wp.html

ข้อด้อย:

    ก่อนอื่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเซ็ทติ้งให้นางเอกเป็นลูกครึ่งรัสเซียด้วย ยิ่งมีเหตุสงครามรัสเซียยูเครนกันอยู่ก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน(จังหวะนรกไปหน่อยหรือเปล่า) อีกอย่างก็มีตอนที่เหมือนมีสาระแล้วก็ตัดกับตอนที่ดูแล้วอิหยังวะ(ฉากเซอร์วิสที่อาจจะไม่ค่อยจำเป็น)อยู่ด้วย มุกตลกที่ใช้ในเรื่องก็พอขำแฮะๆละไม่ถึงกับขำก๊ากอะไร แต่โดยรวมแล้วก็เป็นอนิเมะที่สนุกดีถ้าไม่คิดอะไรมากละนะ    

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่จริงๆแล้วเป็นแนวการเมืองในโรงเรียน สำหรับ"ท่านผู้นำ"บางประเทศที่พูดต่อหน้าผู้คนไม่ค่อยเก่ง ต้องอ่านโพยอ่านไอแพดไปด้วยนี่ก็ลองหาอนิเมะเรื่องนี้มาดูได้ เพราะมาซาจิกะเขาจะสอนเทคนิคการพูด public  speaking แบบมืออาชีพให้ละนะ เฮอๆ (ณ.ตอนที่เขียนบล๊อกตอนนี้ออกมาหนึ่งซีซัน และคาดว่าซีซันสองคงจะตามมาในไม่ช้านี้ครับ)

Official Anime Website -> https://roshidere.com/

ส่งท้ายขายของ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

 

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime No.83 : Bakemonogatari 化物語

 สวัสดีครับ ช่วงนี้เข้าหน้าฝนเต็มตัวแล้ว แถวบ้านผมนอกจากยุงจะเยอะแล้ว หอยทากก็เริ่มอาละวาดกันแล้ว พูดถึงหอยทากแล้วก็นึกถึงตัวละครตัวหนึ่งในอนิเมะที่เคยดู นั่นก็คือ ฮาจุคุจิ มาโยอิ หอยทากโลลิจอมหลงทางจากเรื่อง Bakemonogatari 化物語 (ชื่อภาษาไทย ปกรณัมของเหล่าภูต)ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่จะรีวิวกันในวันนี้ครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ โคโยมิ อารารากิ เด็กหนุ่มม.ปลายที่บังเอิญไปรับตัวของสาวน้อย ฮิตากิ เซ็นโจวกาฮาระ ที่ลื่นตกบันไดเวียนลงมา ที่แปลกคือโคโยมิไม่รูัสึกถึงน้ำหนักตัวของเธอเลย เมื่อถูกฮิตากิข่มขู่ไม่ให้มายุ่งกับเรื่องของเธออีก โคโยมิก็บอกกับเธอว่าจริงๆแล้วเขาเคยเป็นแวมไพร์มาก่อนเลยและเข้าใจถึงเรื่องราวแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับเธอ เขาจึงพาเธอไปหา โอชิโนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบไคอิ( 怪異 สิ่งแปลกประหลาด)เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาเหนือธรรมชาติของเธอให้นั่นเอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวเรื่องเหนือธรรมชาติที่พระเอกโคโยมิของเราต้องมาเจอกับปัญหาต่างๆนาๆที่เกิดจากไคอิ ตัวเซ็ทติ้งบรรยากาศของเรื่องดูจะแปลกๆเหมือนโลกที่ดูบิดเบี้ยวไม่ได้อยู่ในโลกความเป็นจริง เนื้อหาเหมือนจะว่าเป็นแนวจิตวิทยาจริงจังก็ได้ จะว่าเป็นข้อความไร้สาระก็ไม่เชิง ว่าจริงๆเป็นอนิเมะที่ดูยากอีกเรื่องหนึ่งละนะ (อารมณ์เหมือนอีวานแกเลียนฉบับทีวีซีรี่ย์ดังเดิมตอนสุดท้ายที่ดูไม่รู้เรื่องนะแหละ แต่เรื่องนี้มันเป็นแบบนั้นแทบจะทุกตอนก็ว่าได้)  ผมว่าคนดูแล้วชอบก็มี ดูแล้วเกลียดไปเลยก็คงจะมีแหละ

ข้อด้อย:

     นอกจากเนื้อหาที่ลึกซึ้งจนเข้าใจยากแล้ว ตัวอนิเมะที่ทำออกมาหลายภาคก็ยังไม่ได้เรียงไทม์ไลน์ กระโดดไปเล่นตรงนู้นกลับไปพูดถึงตอนนี้บ้าง ถ้าคนดูไม่เรียงลำดับให้ดีก็คงจะสับสนไปกันใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาล่อแหลมลามกอยู่หลายตอนก็เลยไม่เหมาะสำหรับเด็กด้วยประการทั้งปวงละนะครับ 

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นแนวเหนือธรรมชาติอิงจิตวิทยา ด้านงานภาพก็สวยเป็นเอกลักษณ์ดี เพลงเปิดเพลงปิดเยอะมากแทบจะเปลี่ยนไปตามตัวละครหญิงที่โพล่มาในเรื่องก็ว่าได้ เนื้อเรื่องเข้าใจยากไปนิด ส่วนใหญ่เป็นบทสนทนากันซะมากกว่าแอ็คชันมีอยู่นิดหน่อยละนะ ยังไงลองหามาดูกันสักตอนสองตอนแล้วกันครับ ถ้าชอบก็คงดูกันยาวเลย (ผมเองดูได้ไม่หมดทุกภาคละนะครับ หมดแรงซะก่อน เฮอๆ)

ส่งท้ายขายของครับ สติกเกอร์ไลน์บัวคำแม่หญิงล้านนา(จากเรื่อง ตำนานแมงสี่หูห้าตาฉบับนวนิยาย) ->

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime Special 21 : ทำไมถึงไม่มีอนิเมะไทยสักที ? どうしてタイのアニメがないの?

 สวัสดีครับ หลังจากดูอนิเมะจากญี่ปุ่นมาน่าจะเป็นหลักหลายร้อยเรื่องแล้ว มันก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วทำไมไทยเราถึงไม่มีอนิเมะแบบทางญี่ปุ่นเขาบ้าง? ว่าแล้วก็ลองมารวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับอนิเมะแบบไทยๆกันดูว่ามีบ้างหรือเปล่า

    เริ่มจากอนิเมชันเรื่องแรกของไทย ถ้าถามกูเกิลดูจะได้คำตอบว่าคือเรื่อง"เหตุมหัศจรรย์"ของท่าน ปยุต เงากระจ่าง เป็นอนิเมชันสั้นๆ ฉายเมื่อปีพ.ศ 2498 (ค.ศ 1955)


แต่ถ้าเป็นอนิเมชันเรื่องยาว ในความเข้าใจของผมก็คงจะต้องเป็นเรื่อง"สุดสาคร" ออกฉายเมื่อปี ๒๕๒๒ (ค.ศ 1979) กำกับโดยท่าน ปยุต เงากระจ่าง เช่นเคย (ซึ่งท่านก็ได้รับฉายาว่าเป็น"วอลท์ ดิสนีย์ เมืองไทย"เลยทีเดียว)

 


อย่างไรก็ดี สองเรื่องนี้ก็เก่ามากขนาดว่าผมเองยังเกิดไม่ทันได้ดูเลย ถ้าถามว่าอนิเมะไทยที่ผมเคยดูตอนเด็กๆคือเรื่องอะไร มานึกดูตอนนี้น่าจะเป็นเรื่อง"ม้าเหล็ก"เป็น MV ของพี่หนุ่ยอำพลลำพูน เป็นอนิเมะแบบไทยๆแท้ๆที่แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังจำเนื้อร้องท่อนฮุกได้อยู่เลยอะนะ

หลังจากผ่านช่วงวัยเด็กมาแล้ว ช่วงวัยรุ่นของผมก็จะประมาณปีค.ศ 2000 ช่วงนั้นจริงๆเป็นช่วงที่มังงะไทย(เขาก็เรียกหนังสือการ์ตูนไทยน่ะแหละ)กำลังบูม ในความทรงจำของผม ก็จะมีพวก Thai comics ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ หรือมังงะที่เขียนโดยคนไทยที่แทรกอยู่ในนิตยสารการ์ตูนพวก Boom หรือ C-kids ก็มี แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีเรื่องไหนที่ได้ทำออกมาเป็นอนิเมะ(หรือมีทำแล้วผมไม่ทราบก็ไม่รู้เหมือนกัน)  หลังจากนั้นมาด้วยกระแสอะไรต่างๆที่เข้ามาในไทยทั้ง J-pop,K-pop สุดท้ายมังงะแบบไทยๆก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคย 

ในเวลาต่อมามันก็มีคนที่ทำอนิเมชันออกมาให้ชมอย่าง สุดสาคร(ถ้าใครจำเพลงจ๋ามะทะจิงจาได้ก็นั่นแหละ) ก้านกล้วย ปังปอนด์ นาค ซึ่งส่วนตัวผมก็ว่ามันหนักไปทางเป็นการ์ตูนเด็กหรือให้ความรู้สึกเหมือนอนิเมชัน 3D ฝั่งฮอลี่วูดเสียมากกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นอนิเมะละนะ 

ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีใครสักคนคิดที่จะทำอนิเมะไทย (เอาแบบ2Dวาดมือเป็นตอนๆมีเพลงเปิดปิดเหมือนของญี่ปุ่นน่ะ) ทั้งที่เมื่อก่อนอนิเมะญี่ปุ่นที่ดังๆอย่าง Dragon Ball เองก็เคยผลิตในประเทศไทยนี่แหละ เรื่องฝีมือคนไทยผมว่าทำได้แน่นอน เท่าที่พอจะคิดออกก็คงจะมีสาเหตุประมาณนี้

1. ขาดต้นฉบับที่ดี ก่อนจะเป็นอนิเมะได้อย่างแรกเลยมันก็ต้องมีต้นฉบับ ซึ่งก็อาจจะเป็นไลท์โนเวลหรือมังงะที่ขายได้ดีในระดับหนึ่งก่อนถึงจะถูกเอามาทำเป็นอนิเมะได้ อย่างไรก็ดีในยุคสมัยนี้ที่หนังสือการ์ตูนไทยแทบจะหาอ่านไม่ได้แล้วเรื่องต้นฉบับที่ดีก็ไม่ต้องพูดถึง ส่วนไลท์โนเวลก็แทบจะเหลือแต่แนววายแนวยูรินะแหละที่ยังขายได้(ครั้นจะเอาแนวนี้มาทำอนิเมะก็คงไม่พ้นกองเซ็นเซอร์จนดูไม่รู้เรื่อง ไม่ก็ได้ฉายรอบดึกละนะ) 

2. ผู้ใหญ่ยังเข้าใจว่าอนิเมะคือการ์ตูนสำหรับเด็ก ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าอนิเมะคือการ์ตูนสำหรับเด็ก ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็คือสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งที่มีเรทมีเนื้อหาไม่ต่างอะไรกับภาพยนต์เรื่องหนึ่งนะแหละ พอคิดว่ามันเป็นแค่การ์ตูนเด็กก็อาจจะไม่เห็นศักยภาพว่าอนิเมะเรื่องหนึ่งสามารถต่อยอดไปทำอะไรได้หลายอย่างก็เลยไม่ได้ลงทุนลงแรงสร้างอนิเมะไทยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น อนิเมะเรื่อง Yuru Camp ที่เป็นเรื่องของสาวน้อยที่ชอบไปออกแคมปิ้งก็ยังสามารถขายของอุปกรณ์ตั้งแคมป์ของกินของฝากต่างๆเข้ามาในเรื่องได้ด้วย รวมถึงโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ ยังไม่นับรวมพวกฟิกเกิยร์ของเล่นเอยอะไรเอยอีกละนะ ส่วนคนที่เถียงว่าใช้ละครไทยบ้านเราโปรโมทเอาก็ได้นิ มันก็จริง แต่ดาราเนี่ยยังไงก็มีวันแก่ อาจจะมีข่าวคาวเรื่องซุบซิบนินทาได้จนเสียภาพพจน์ภายหลังได้ แต่ตัวละครอนิเมะน่ะเป็นอมตะ(ถ้าไม่วาดให้แก่ละก็นะ) ดียังไงก็ยังดียังงั้น ไม่มีทางเสื่อมเสียแน่น่อนแหละ

 3. เงินไม่มางานไม่มี เท่าที่เคยได้ยินมาอนิเมะแบบคุณภาพกลางๆ 12 ตอนแบบที่เราเห็นๆอยู่ทุกวันนี้จะต้องใช้เงินสร้างตกอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท(ใช้เวลาสร้างอีก1-2ปี) ถ้าไม่มีวิธีที่จะขายงานได้แบบอนิเมะญี่ปุ่น จู่ๆจะมีเศรษฐีโอตาคุที่ไหนควักเงินตัวเองออกไปก่อนล้านนึงจะเจ๊งก็ช่างช่วยสร้างอนิเมะไทยให้หน่อย มันก็คงจะไม่มีน่ะแหละนะ (แม้แต่อนิเมะญี่ปุ่นเองที่เห็นออกมาซีซันเดียวแล้วไม่มีภาคต่อเลย มันก็เรื่องเงินนะแหละ ถ้าออกมาแล้วขายไม่ได้ไม่ดังก็ไม่ได้ไปต่อละนะ) สุดท้ายมันก็จะกลับไปที่ต้องมีต้นฉบับที่มันต้องศักยภาพพอที่นักลงทุนจะมั่นใจว่าพอเอามาทำอนิเมะแล้วจะขายได้แน่ๆก่อนละครับ

4.เนื้อเรื่องโบราณเกินไป จริงๆก็มีโปรเจ็คอนิเมชันหลายๆอย่างที่ได้ทุนให้เปล่ามาทำ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวอนุรักษ์นิยมจนเกินไปอย่างโขน รามเกียรติ์ หรือแนวสอนธรรมะ ซึ่งมันก็ไม่ได้ไม่ดีอะไรหรอกเพียงแต่คนเขาก็ไม่ค่อยจะดูกันนะแหละ ถ้าอยากจะทำให้ปังจริงๆ ก็ควรจะประยุกต์เนื้อเรื่องให้ดูง่ายสนุกสนานมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น โดราเอม่อน แม้จะเป็นแนวไซไฟชีวิตประจำวัน แต่ผมว่าจริงๆแล้วโดราเอม่อน มันคือการ์ตูนคุณธรรมต่างหาก ทุกครั้งที่โนบิตะทำอะไรไม่ดีก็มักจะได้รับกรรมที่ก่อไว้ตอนจบ อาจารย์ฟูจิโกะฟูจิโอะแกก็ไม่ได้บอกโต้งๆท้ายเรื่องว่า กมฺมุนา วตฺตตีโลโก กรรมใดใครก่อกรรมนั่นย่อมตอบสนอง ใช่มัยละ เนื้อเรื่องมันสอนเป็นนัยอยู่แล้วไม่ต้องมาท่องบาลีให้ฟังหรอก (หรือพอพล็อตมันไม่ธรรมะจ๋าๆแล้วผู้หลักผู้ใหญ่เขาจะไม่ให้ผ่านหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ) หรืออย่างรามเกียรติ์ ถ้าเอามาทำโต้งๆก็ไม่มีใครดูหรอกครับ เนื้อเรื่องมันเอาท์ไม่เข้ายุคเข้าสมัยเสียแล้ว (สมัยนี้ไม่มีใครนิยมเอาลิงมาฆ่าล้างโคตรเพื่อแย่งผู้หญิงคนเดียวกันแล้วเฟ้ย) ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเอามาประยุกต์กับแนวชีวิตประจำวันอาจจะดีกว่า เช่น ให้พระรามเป็นนักเรียน ม.ปลาย สีดาเป็นดาวโรงเรียน ทศกัณฐ์เป็นนักเลงประจำโรงเรียน พระลักษณ์เป็นบราคอน อะไรแบบนี้มันคงจะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากกว่าละนะ 

เท่าที่คิดออกก็คงจะประมาณนี้ ช่วงหลังๆนี้ผมเองก็เห็นผลงานอนิเมะแบบไทยๆที่คนไทยสร้างมาเรื่อยๆ(แต่เป็นคลิปสั้นๆอะนะ) คุณภาพก็โอเคเลย เอาเข้าจริงๆถ้าจะทำออกมาเป็นตอนๆก็คงจะได้แหละ ยังไงถ้ามีเศรษฐีโอตาคุที่พร้อมจะเจ๊งมาอ่านบล๊อกนี้ก็รบกวนให้การสนับสนุนอนิเมะไทยให้ได้สร้างกันด้วยละกันนะครับ (รวมถึงรัฐบาลที่เอาแต่พูดซอฟต์พาว์เวอร์ๆด้วยนะ เฮอๆ)

 


สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Anime No.82 : School Babysitters 学園ベビーシッターズ

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็เปิดเทอมกันแล้ว ยังไงก็ระวังโรคติดต่อทางเดินหายใจ ทั้งโควิด ไข้หวัดใหญ่ RSV กันด้วยละนะครับ พูดถึงเด็กๆแล้วก็ทำให้นึกถึงอนิเมะแนวพี่เลี้ยงเด็กขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่อง School Babysitters 学園ベビーシッターズ (ชื่อภาษาไทย นักเรียนพี่เลี้ยงเด็ก) มาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของเด็กม.ปลาย ริวอิจิ คาชิมา และน้องชายวัยกระเตาะ โคทาโร่ ที่ประสบกับโศกนาฏกรรมเมื่อพ่อแม่ของพวกเขาประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งให้ริวอิจิต้องอยู่กับน้องชายกันแค่สองคน แต่กระนั้น โยโก โมริโนมิยะ เจ้าของโรงเรียนโมริโนมิยะที่สูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปในเหตุการณ์เครื่องบินตกเดียวกันกับพ่อแม่ของริวอิจิ เธอได้ตัดสินใจรับอุปการะพี่น้องทั้งสองคนแต่มีเงื่อนไขให้ริวอิจิจะต้องไปช่วยงานที่รับเลี้ยงเด็กในโรงเรียนที่เอาไว้ฝากเด็กๆของบุคลากรในโรงเรียนในเวลากลางวัน ริวอิจิเลยต้องรับภาระเป็นนักเรียนม.ปลายและเป็นพี่เลี้ยงเหล่าเด็กป่วนไปด้วยนั่นเอง 

 



ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวๆการ์ตูนเด็กผู้หญิงที่นำเสนอความน่ารักปั่นๆป่วนๆของเหล่าเด็กน้อยในสถานรับเลี้ยงเด็กนั่นแหละ ตัวเนื้อเรื่องก็ไปเรื่อยๆไม่ได้เครียดมีดราม่าอะไรกันนักกันหนา สำหรับคนที่ได้ดูก็น่าจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือชอบเด็กน้อยอยากมีลูกมีน้อง และกลุ่มที่สองคือเลี้ยงเด็กมันลำบากแต้ๆอยู่คนเดียวสบายใจกว่าละนะ เฮอๆ สำหรับงานภาพก็สวยงามพอสมควรตามสไตล์การ์ตูนเด็กผู้หญิง เป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยไม่มีปัญหาอะไรครับ

ข้อด้อย:

    เนื้อเรื่องดูจะไปเรื่อยๆเอื่อยๆไม่ได้มีอะไรเร้าใจขนาดนั้น(ก็ตามสไตล์แนว slice of life  ละนะ) ณ.ตอนที่เขียนออกมาแค่ซีซันเดียวแล้วก็ไม่รู้จะมีต่อเหรือเปล่า ก็เลยอาจจะรู้สึกว่ามันจบเร็วไปนิดน่าจะมีต่ออีกหน่อยหรือเปล่านะ

    กล่าวโดยสรุป อนิเมะเรื่องนี้ก็นำเสนอความน่ารักน่าชังของเหล่าเด็กน้อย มีความสนุกขำๆอยู่ระดับหนึ่งละ เนื้อหาไม่ได้หนักหน่วงอะไรดูได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย ใครอยากได้อนิเมะมาดูคลายเครียดก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

ส่งท้ายขายของหน่อยครับ สติกเกอร์ไลน์ "นางสาว C" จากมังงะเรื่อง Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->