วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

Anime No.68 : Bullbuster ブルバスター

 สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็มีเริ่มมีข่าวการกลับมาระบาดหนักอีกครั้งของปลาหมอคางดำ รวมถึงความหนักหนาสาหัสของมลพิษ PM2.5 มันก็ทำให้นึกได้ว่าจริงๆมันเป็นภัยพิบัติตามธรรมชาติหรือมีเงามืดอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังอยู่หรือเปล่า ก็เลยทำให้นึกถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือเรื่อง  Bullbuster ブルバスター เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ


Ataya's Star :    ★★★☆☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวเกิดขึ้นที่เกาะริวกังชิม่าเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เมื่อมีเหตุแก็สพิษประหลาดปกคลุมไปทั่วเกาะพร้อมการพบเห็น"สัตว์ยักษ์"สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะกลายพันธุ์ไปเพราะแก็สพิษนั่นเอง สัตว์ยักษ์เหล่านั้นได้เข้าทำร้ายชาวบ้านที่อยู่อาศัยในเกาะจึงทำให้ต้องมีการอพยพออกจากเกาะทำให้เกาะริวกังชิม่ากลายเป็นเกาะร้างไป ชาวบ้านจึงได้จ้างวานบริษัทนามิโทเมะบริษัทเล็กๆที่ใช้หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ให้มาช่วยกำจัดและตรวจหาสาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมด เท็สซึโร่ โอคิโนะ วิศวกรหนุ่มผู้ออกแบบหุ่นบูลบัสเตอร์จึงได้โอกาสร่วมงานกับพนักงานบริษัทนามิโทเมะเพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านนั่นเอง


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็เป็นแนวไซไฟหุ่นยนต์ยักษ์สู้กับสัตว์ประหลาด ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบดีไซน์ของบูลบัสเตอร์เพราะว่ามันดูจะเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นไปได้ที่สุดสำหรับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ถ้าจะเป็นหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ที่คนขึ้นไปบังคับได้ก็น่าจะประมาณเหมือนในเรื่องนี้ละครับ(ถ้าเป็นแบบกันดัมหรือพวกที่สัดส่วนเหมือนคนไปเลยมันดูจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไรในเชิงวิศวกรรมอะนะ) อีกส่วนหนึ่งที่ดีในเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่สะท้อนการดำเนินการของบริษัทเล็กๆในญี่ปุ่นซึ่งจะทำอะไรทีก็ติดเรื่องงบประมาณบ้างละ ติดต้องเดินเรื่องไปทางบริษัทแม่บ้างละ เรื่องของพนักงานแต่ละคนที่มีเรื่องมีราวคล้ายๆกับจะเจอได้ในชีวิตจริง ผมเองก็เคยทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่คล้ายๆกับในเรื่องก็เลยค่อยข้างจะอินหน่อยๆเพราะเขาถ่ายทอดมาได้ค่อนข้างจะตรงทีเดียว(ส่วนหนึ่งคงเพราะผมเองก็เหมือนตัวเอกที่ไม่ได้ชอบวัฒนธรรมการทำงานแบบเก่าๆของคนญี่ปุ่นด้วยละนะ)

ข้อด้อย:

    ตัวเนื้อเรื่องเองไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ดูๆไปสักพักก็น่าจะพอเดาได้ว่าใครเป็นตัวต้นเหตุละนะ ตอนท้ายๆเรื่องดูจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันอีหยังวะไปสักนิดแต่ก็คงหยวนๆแหละ อีกประเด็นก็คงเป็นตัวหุ่นยนต์เนี่ย CG ดูดีนะแต่ตัวสัตว์ประหลาดทำออกมาดูหยาบๆไปสักหน่อย ไม่ค่อยจะน่ากลัวเท่าไร

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี่ก็คงเหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวไซไฟหุ่นยนต์ที่สมจริงหน่อยไม่เวอร์เกินไป ผมรู้สึกว่ามันให้อารมณ์คล้ายๆกับ Patlabor อยู่นิดๆนะ ใครชอบแนวๆนี้ก็ลองหามารับชมได้นะครับ ตอนที่เขียนบล็อกนี้ก็มีออกมาหนึ่งซีซันนะครับ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568

Anime No.67 : The Girl I Like Forgot Her Glasses 好きな子がめがねを忘れた

 สวัสดีครับ ช่วงนี้่มีข่าวดราม่าคนวงการบันเทิงที่ฟ้องชู้นู้นนั่นนี่กันอยู่ พอดูไปแล้วก็อดนึกถึงวลีดังหนึ่งขึ้นมาไม่ได้นั่นคือ"ความรักมักทำให้คนตาบอด"  พอมานึกถึงอนิเมะแล้วก็คงไม่มีเรื่องไหนที่มีคนตาบอดเพราะความรักจริงๆหรอก แต่มีตัวละครตัวหนึ่งที่เหมือนสายตาจะไม่ดีเพราะมีความรักนี่แหละ เรื่องที่มีตัวละครที่ว่าก็คือเรื่อง The Girl I Like Forgot Her Glasses 好きな子がめがねを忘れた (ชื่อภาษาไทยคือ สาวลืมแว่นแสนวุ่นละมุนรัก) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ



Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ คาเอเดะ โคมุระ  เด็กหนุ่มม.ต้นธรรมดาที่ออกจะขี้อายหน่อยๆ เขาตกหลุมรัก ไอ มิเอะ สาวน้อยน่ารักใส่แว่นตาหนาเตอะเพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นหนุ่มขี้อายคาเอเดะเลยไม่กล้าจะสารภาพรักกับเธอ อยู่มาวันหนึ่งไอจังดันลืมส่วนแว่นมาโรงเรียนทำให้เธอประสบกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก คาเอเดะเลยอาสาคอยช่วยดูแลเธอ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นนั่นเอง 

 


ความคิดเห็น:

     เรื่องนี้ก็เป็นแนวรักโรแมนติดของเหล่าวัยรุ่นที่ยังไม่ประสีประสาในความรัก มีฉากจิ้นๆฟินๆตลอดเรื่อง เรียกได้หวานจนน้ำตาลขึ้นกันเลยแหละ คนที่ชอบแนวๆนี้ก็น่าจะชอบเรื่องนี้ละนะครับ ตัวละครออกแบบได้น่ารักดี ภาพประกอบก็สวยมาก มีการใช้เทคนิคให้ภาพออกมามีประกายแสงสีที่ดูแวบวับ(บางทีก็อาจจะมากไปนิดนึงก็ได้อะนะ แสบตาซะนะ) โดยรวมแล้วก็จัดได้ว่าดีเลยทีเดียว

ข้อด้อย:

    ก่อนอื่นก็คงเป็นเรื่องที่มันเป็นแนวที่พอจะเดาเนื้อเรื่องได้แหละ ก็ไม่มีอะไรหักมุมเท่าไร ออกจะเดินเรื่องตามแพทเทิร์นแนววัยรุ่นวุ่นรักนี่แหละ อีกอย่างคือเซ็ทติ้งที่เป็นเด็กม.ต้นแล้วก็เริ่มมีความรักกันแล้วนี่มันก็ดูจะเร็วไปหน่อยมั่ง(สำหรับคนรุ่นลุงอะนะ แต่เด็กสมัยนี้อนุบาลมีแฟนสามสี่คนก็คงไม่แปลกแล้วแหละ เฮอๆ) 

    กล่าวโดยสรุป สำหรับคนที่ชอบแนวรักโรแมนติกในรั่วโรงเรียน เรื่องนี้นับว่าคงตอบโจทย์ของท่านไม่มากก็น้อย ตอนที่เขียนบล๊อกนี้ก็ออกฉายมาหนึ่งซีซัน คาดว่าคงมีภาคต่อเร็วๆนี้ละครับ สนใจยังไงก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อยครับ มังงะ Remember 1999 ประธานใจร้ายกับยัยจอมตื้อ ->

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568

Anime No. 66 : Boku wa Tomodachi ga Sukunai 僕は友達が少ない

 สวัสดีครับ สัปดาห์ก่อนนำเสนอเรื่องฮารุฮิไปแล้ว วันนี้ก็จะขอนำเสนออนิเมะที่คล้ายๆกันไปเลยดีกว่า นั่นก็คือเรื่อง Boku wa Tomodachi ga Sukunai 僕は友達が少ない (ชื่อภาษาไทย ชมรมคนไร้เพื่อน) เรื่องราวจะเป็นเช่นไรมาลองดูกันครับ



Ataya's Star :    ★★★★☆

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ โคดากะ ฮาเซกาว่า เด็กหนุ่มที่ย้ายมาเข้าโรงเรียนเซ็นต์โคนิก้า เนื่องจากเขามีผมทองแซมดำและตาขวางๆทำให้ดูเหมือนพวกนักเลงจึงทำให้หาเข้าหาคนได้ยากเลยส่งผลให้ไม่มีเพื่อนเลยสักคน  วันนึงเขาได้พบกับ โยโซระ มิคาซากิ เด็กสาวเพื่อนร่วมห้องที่ชอบอยู่คนเดียวกำลังคุยกับเพื่อนในจินตนาการอยู่ เมื่อทั้งคู่ได้พูดคุยกันก็รู้ว่าเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกันคือขาดทักษะในการเข้าสังคมกันทั่งคู่ โยโซระจึงออกไอเดียจะตั้งชมรมเพื่อนบ้านขึ้นมาเพื่อให้ฝึกทักษะการเข้าสังคมและหาเพื่อนให้ได้เยอะๆ โคดากะเลยต้องตกกระไดพลอยโจรเข้าร่วมชมรมนี่ไปด้วยโดยปริยาย


ความคิดเห็น:

    ตอนดูเรื่องนี้ช่วงแรกๆแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ได้อิทธิผลจากเรื่องฮารุฮิมาอยู่พอสมควร ทั้งการตั้งชมรมเอย การที่มีนางเอกประเภทซึนเดเระเอย เซ็ทติ้งตัวละครต่างๆก็คล้ายๆกันอยู่ อย่างไรก็ดี ถ้าไม่คิดมากดูๆไปก็สนุกดีนะ ตัวเนื้อเรื่องเองก็ออกแนวฮาเร็มเสียมากกว่า มีความทะลึ่งตึงตังตามภาษาแนวๆนี้แหละ มุกตลกที่เล่นก็ลื่นไหลดี เรียกได้ว่าเป็นอีกเรื่องที่ดูได้สนุกสนานอีกเรื่องนึงน่ะแหละ

ข้อด้อย:

     สำหรับข้อด้อยก็อาจจะเหมือนเรื่องฮารุฮินะแหละ คือการมีนางเองซึนเดเระที่ชอบบงการนู้นนั่นนี่ ถ้าคนไม่ชอบนางเอกประเภทนี้ก็อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน อีกเรื่องก็คือ ณ.ตอนที่เขียนบล็อกตอนนี้เรื่องนี้ก็ออกมาแค่สองซีซันแล้วก็ยังไม่ทราบว่าจะมีภาคสามต่อหรือเปล่า ซึ่งก็บอกไว้ได้เลย(แบบไม่สปอยล์)ว่าตอนจบซีซันสองมันจะค้างๆคาๆอยู่อย่างงั้นแหละ ถ้าไม่มีภาคสามต่อคนที่คาใจอยู่ก็อาจจะต้องไปหาหนังสือไลท์โนเวลหรือมังงะอ่านต่อกันเองละนะ 

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งเรื่องที่ได้รับอิทธิผลความดังจากสาวน้อยซึนเดเระฮารุฮิ เนื้อเรื่องก็สนุกสนานดี ตัวละครออกแบบมาได้น่ารักโมเอะมากๆ ใครชอบแนวๆฮาเร็มสาวน้อยก็ลองหามารับชมกันได้นะครับ 

 

ปิดท้ายขายของ สติกเกอร์ไลน์ลูกเจี๊ยบจ้า ->


วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568

Anime No. 65 : The Melancholy of Haruhi Suzumiya 涼宮ハルヒの憂鬱

 สวัสดีครับ ช่วงสัปดาห์ก่อนก็มีข่าวการกลั่งแกล้งต่างๆนาๆจนลามไปถึงให้ดื่มเหล้ารวดเดียวจนเสียชีิวิต พอพูดถึงการบูลลี่หรือ Power Harassment แล้วมันก็พาลไปนึกถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที นั่นก็คือเรื่อง The Melancholy of Haruhi Suzumiya 涼宮ハルヒの憂鬱 เรื่องราวจะเป็นเช่นไรไปลองดูกันครับ



 

Ataya's Star :    ★★★★★

เรื่องย่อ :

    เรื่องราวของ เคียว หนุ่มม.ปลายผู้แสนจะธรรมดาและอยากจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่เขาก็ได้พบกับ ฮารุฮิ ชุซึมิยา สาวน้อยเพื่อนร่วมห้องเรียนแสนสวยแต่กลับชอบทำตัวประหลาดๆ เธอปราถนาจะได้เจอกับเรื่องราวลึกลับเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว นักเดินทางข้ามกาลเวลา หรือผู้มีพลังจิต เมื่อตกเป็นเป้าหมายของฮารุฮิแล้วเคียวจึงตกกระไดพลอยโจรต้องไปก่อตั้งชมรม SOS เพื่อวิจัยเรื่องลึกลับที่ฮารุฮิต้องการนั่นเอง 


ความคิดเห็น:

    เรื่องนี้ก็ออกฉายประมาณปี 2006 เรียกได้ว่าสร้างปรากฎการณ์ฮารุฮิฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตัวนางเอกอย่างฮารุฮิเองก็ขึ้นชื่อเป็นนางเอกประเภทซึนเดเระแบบเต็มตัว(ก่อนหน้านี้ก็มีนางเอกซึนเดเระแหละแต่ประเภทซึนหนักๆฮาร์ดคอร์อย่างฮารุฮินี่น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อนิเมะก็ว่าได้) ตัวเนื้อเรื่องก็ว่าแปลกใหม่สำหรับยุคสมัยนั้นละนะ ภาพสวยตามสไตล์สตูดิโอ Kyoto Animation เพลงเปิดเพลงปิดก็ดังมากด้วย 

ข้อด้อย:

    อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่านางเอกประเภทซึนเดเระ(ツンデレ นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ชอบบงการ ปากไม่ตรงกับใจ)นี่ดูในอนิเมะก็อาจจะสนุกดีที่ได้เห็นพระเอกโดยทรมานทรกรรมต่างๆนาๆจากนางเอก แต่ในชีวิตจริงใครได้เจอคนประเภทนี้คงจะจิตตกเป็นแน่ บางคนที่ไม่ชอบนางเอกประเภทนี้ก็อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้เท่าไรก็ได้(ผมเองกลับชอบนางรองอย่างมิคุรุจังหรือยูกิมากกว่าละนะ) อีกอย่างภาคต่อลูปนรกนี้ก็คงไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปแน่นอน (ยกเว้นแฟนพันธ์แท้เท่านั้นละ)

    กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในอนิเมะที่มีอิทธิพลต่อวงการ หลังจากเรื่องนี้ออกฉายก็เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มเข้าสู่ยุคทองของนางเอกซึนเดเระก็ว่าได้ ภาคแรกผมว่าสนุกสุดหลังจากนั้นก็มีภาคต่อภาคแยกออกมาเยอะแยะดีบ้างไม่ดีบ้างก็แล้วแต่คนชอบ ใครยังไม่ได้ดูถ้าสนใจยังไงก็ลองหามาดูกันนะครับ 

 

Thumbnail Seller Link
4 Ears 5 Eyes Monster Tale ตำนานแมงสี่หูห้าตา ฉบับนวนิยาย
Ataya P
www.mebmarket.com
จากตำนานเล่าขานแมงสี่หูห้าตาของชาวล้านนา สู่เรื่องราวในฉบับนวนิยายที่เรียบเรียงใหม่ให้มีความสมจริง สนุกสนาน อ่านได้สนุกทุกเพศทุกวัย เชิญลองมาอ่านกันเน...
Get it now

ซื้อที่กูเกิลบุ๊ค -> ตรงนี้ <-


วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568

Anime Special 16 : ท๊อปเทนโพสท์ปี 2024 「2024年のトップテン投稿」

 สวัสดีปีใหม่ครับ ปีนี้ก็ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกๆท่านนะครับ สำหรับบล็อกนี้ก็เขียนมาได้ปีกว่าๆแล้ววันนี้ก็เลยมาเขียนถึงท๊อปเทนโพสท์ที่เป็นที่นิยมในปีที่แล้วกันดีกว่า(จริงๆก็ขี้เกียจเขียนรีวิวอะไรใหม่ๆช่วงปีใหม่นี่ละนะครับ เฮอๆ) มีโพสท์อะไรบ้างไปดูกันครับ 

 

อันดับที่ 10 ->  Anime No.61 : Blue Archive The Animation ブルーアーカイブ

อันดับที่  9  ->  Anime No.50 : Kaina of the Great Snow Sea 大雪海のカイナ

อันดับที่  8  ->  Anime Special 13 : อนิเมะรีเมคกำลังจะมา アニメのリメイクについて  

อันดับที่  7  -> Anime Special 12 : เรื่องน่าสงสัยในอนิเมะ アニメに対する疑問 

อันดับที่  6  -> Anime No.60 : A Certain Scientific Railgun とある科学の超電磁砲

อันดับที่  5  -> Anime No.52 : Knights of Sidonia シドニアの騎士

อันดับที่  4  -> Anime No. 53 : Level 1 Demon Lord and One Room Hero Lv1魔王とワンルーム勇者

อันดับที่ 3 ->  Anime No.54 : Miss Kobayashi's Dragon Maid 小林さんちのメイドラゴン

อันดับที่ 2 -> Anime Special 14 : มาครอสกับประวัติศาสตร์ในชีวิตจริง 現実の歴史とマクロス

อันดับที่ 1 -> Anime No. 56 : TenPuru: No One Can Live on Loneliness てんぷる


ใครยังไม่ได้อ่านก็ลองไปอ่านดูนะครับ สำหรับรางวัลอนิเมะยอดเยียมแห่งปี 2024 ได้แก่... Frieren: Beyond Journey's End คำอธิฐานในวันที่จากลา โดยการจัดอันดับของ IGN ซึ่งผมก็เห็นด้วยทุกประการ (เคยเขียนรีวิวเรื่องนี้ไปแล้วให้ 5 ดาวบวกๆ อ่านได้ที่นี่ครับ

ว่าถึงที่มาการเขียนบล็อกรีวิวอนิเมะนี่ก็จริงๆมาจากการที่ผมต้องการทบทวนการฟังภาษาญี่ปุ่นก็เลยลองหาอนิเมะแบบซาว์ดแทร็คมารับชม พอดูไปเยอะๆก็เลยคิดได้ว่าดูไปเฉยๆมันก็ไม่ได้อะไร ไหนๆก็ไหนๆมาเขียนรีวิวไปด้วยดีกว่าอะนะ เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ

สำหรับแนวทางที่จะเขียนบล็อกนี้ต่อไปในปีนี้ ก็ตั้งใจจะเขียนรีวิวอนิเมะให้ได้ถึงสักร้อยเรื่อง(Anime No. 100) อนึ่งเรื่องที่ออกใหม่ๆผมอาจจะไม่ได้ตามดูทันทีเพราะผมไม่ชอบดูแบบต้องรอดูตอนใหม่ทุกอาทิตย์ ก็เลยจะดองไว้จนออกมาครบซีซันก่อนแล้วค่อยดูรวดเดียววันละตอนจนจบ ฉนั้นแล้วเรื่องที่รีวิวก็อาจไม่ได้ทันสมัยเหมือนคนอื่นๆละนะครับ (คนแก่ก็งี้แหละ ไม่รีบอะไรเท่าไร) 

 ยังไงก็ขอให้ติตตามอ่านกันได้นะครับ หวังว่าบล็อกของผมคงจะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย 


ส่งท้ายขายของหน่อยครับ ไลน์สติกเกอร์ของเฟย์จัง ->