วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566

Anime No.10 : Macross Δ マクロスデルタ

 สวัสดีครับ หลังจากดูไล่ดูมาครอสภาคเก่าๆไปเกือบหมดแล้วก็เลยมาดูมาครอสเดลต้าซึ่งเป็นมาครอสภาคล่าสุด(ฉายปี 2016) ซึ่งภาคนี้เท่าที่ดูเสียงของคนที่ดูแล้ว ดูเหมือนว่าเสียงจะแตกเป็นสองส่วนว่ามันไม่ค่อยสนุกหรือไม่ก็บอกว่าสนุกมากไปเลย จริงๆส่วนตัวผมดูแล้วก็คงบอกว่ามันสนุกมากนะ แต่ผมก็เข้าใจคนที่บอกว่าไม่ค่อยสนุกอยู่เหมือนกัน เพราะอะไรกันนั้นเรามาดูกันครับ 

source : https://en.wikipedia.org/wiki/Macross_Delta

Ataya's Star :    ★

เรื่องย่อ :

    ปี2067หลังเหตุการณ์ในมาครอสฟรอนเทียร์สิ้นสุดลง 8 ปี ณ.กลุ่มดาราจักรบริสซิงเกอร์ในทางช้างเผือกอันห่างไกล มีการระบาดของโรค VAR ที่ทำให้คนที่ติดโรคเกิดอาการคลุ้มคลั่งและใช้ความรุนแรงขึ้นมา มีเพียงเสียงเพลงของกลุ่มยุทธการเสียงพิเศษเหล่าไอดอล Vakure เท่านั้นที่จะสยบอาการของโรคลงได้ ณ.ดาวทะเลทรายอัลชาฮาลสาวน้อยชาวดาววินเดอเมียร์ เฟรยา วีออน ได้แอบหนีจากดาวของเธอเพื่อมาสมัครออดิชันเข้าวงวัลคิวเร่ เธอได้พบกับ ฮายาเตะ อิลเมลมัล ที่ทำงานพิเศษขนของอยู่ที่ดาวดวงนี้ ขณะนั้นเองก็เกิดการกำเริบของโรค VAR ขึ้นพร้อมๆกับการโจมตีจากกลุ่มเครื่องวัลคิวรี่ลึกลับ ตอนนั้นเองที่กลุ่มไอดอลวัลคิวเร่และหน่วยเดลต้าโดยร้อยโท มิราจ ฟาริน่า จีนัส ได้เขามาช่วยทั้งคู่ไว้ ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินทางไปยังดาวแร็กน่าเพื่อเข้าร่วมกับองค์กรเคออสในการต่อสู้กับศัตรูลึกลับในคราวนี้


 

ความคิดเห็น:  

    ต้องบอกว่าคนที่จะดูภาคนี้ได้สนุกจะต้องดูมาครอสภาคก่อนหน้ามาให้ครบทุกภาคก่อนละครับ เพราะเรื่องนี้เหมือนกับว่ารวมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่มาจากภาคอื่นมาไว้เลยทีเดียว ถ้าคุณดูแค่ภาคฟรอนเทียร์แล้วมาดูภาคนี้เลยคุณอาจจะรู้สึกงงๆเกี่ยวกับเนื้อหาว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ (จริงๆผมว่าภาคเดลต้านี่มันเป็นภาคต่อของมาครอสเซเว่นมากกว่าเป็นภาคต่อของฟรอนเทียร์ละนะ) สำหรับแฟนๆมาครอสแล้วภาคนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาครวมของดีของแต่ภาคมาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการสู้กันกลางอากาศ dog fight แบบมาครอสซีโร่ การสู้กันด้วยเสียงเพลงแบบมาครอสทู การที่พระเอกไม่ฆ่าใครและตัวละครที่คิดถึงจากมาครอสเซเว่น เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบมาครอสฟรอนเทียร์ รวมถึงมีการกล่าวถึงพวกโปรโตคัลเจอร์มากกว่าภาคอื่นๆทีผ่านมาด้วย

ข้อด้อย : 

    เนื่องจากเขารวมเรื่องราวรายละเอียดไว้ค่อนข้างเยอะมาไว้ในเรื่องเดียว บางทีมันก็อาจจะเยอะเกินไป จนคนที่ไม่ได้ดูมาครอสแบบเก็บรายละเอียดมาก่อนก็อาจจะดูไม่รู้เรื่องได้ ตัวละครหลักภาคนี้ก็เยอะมากแถมโพล่มาทีเดียวแทบจะครบทุกตัว(พระเอกนางเอกAนางเอกBพวกวัลคีเร่อีกสี่คนหน่วยเดลต้าอีกสี่คนพวกภาคีอัศวินอีกหกคน)กว่าจะดูรู้เรื่องว่าใครเป็นใครทำอะไรก็ปาเข้าไปตอนที่ 4ที่ 5 นู้นแหละครับ ภาคนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เน้นรักสามเศร้าเท่าไร(เข้าใจว่าผู้สร้างเขาจงใจให้เป็นแบบนั้นละครับ)ก็เลยไม่ค่อยมีฉากใจเต้น ไม่มีการพลิกโพลอะไร พวกติดพล็อตรักสามเศร้าก็อาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไร ส่วนด้านเพลงประกอบเพราะว่ามันเป็นวงไอดอลเพลงมันก็เลยอาจจะไม่ค่อยเด่นมากเท่าที่ควร แต่พอผมลองไปฟังซ้ำไปซ้ำมามันก็ติดหูดีนะ โดยเฉพาะเสียงร้องของมิกุโมะนี่เรียกได้ว่าเด่นมาก น่าจะร้องเพลงแนวบลูหรือแจ็สได้ดีทีเดียวแหละ

    ส่วนตอนจบค่อนข้างจะจบเร็วไปหน่อย ตัวบอสก็ตายง่ายไปนิดนึง (แต่เขาก็ไปแก้ตัวในภาคหนังใหญ่ละนะ)ผมแนะนำให้ดูภาคหนังใหญ่ทั้งสองเรืื่องต่อละครับ น่าจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น(แต่เตือนไว้ก่อน ระวังดูจบแล้วน้ำตาจะไหลไม่รู้ตัวนะจ๊ะ)

 *** Spoiler Alert ต่อไปผมจะเขียนเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาคนี้และหนังใหญ่รวมถึงภาคก่อนหน้าด้วย ถ้าใครไม่อยากจะถูกสปอยล์ก่อนก็ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้นะครับ 

    1. Who is Lady M.? ดูแรกๆผมเดาว่าเลดี้เอ็มนี่น่าจะเป็นมิเลนหรือมิเรียมากกว่า ด้วยที่ว่าถ้าเป็นมินเมย์นี่น่าจะแก่เกินไปแล้วสำหรับภาคนี้(จริงๆก็น่าจะ70-80กว่าๆเหมือนเฮียแม็กซ์นะแหละ มิเรียนี่ว่าเป็นเมลทราดี้อาจจะแก่ช้ากว่าคนธรรมดาก็ได้) แถมดูเหมือนว่าเลดี้เอ็มจะมีอิทธิพลในวงการทหารของกองทัพร่วมด้วย สามารถสั่งหรือขอร้องให้ชะลอคำสั่งให้ระเบิดโบราณสถานได้นี้ก็ต้องเป็นระดับบิ๊กๆแหละ(ซึ่งลินน์มินเมย์ก็คงจะไม่มีบทบาทอะไรแบบนี้)แต่พอเขาเฉลยในภาคหนังใหญ่ Zettai Live !!ว่า M เนี่ยคือ Megaroad-1 น่ะแหละ ซึ่งเมก้าโรดวันนี่คือยานอพยพพลเมืองลำแรกที่ออกเดินออกจากโลก ซึ่งบนนั้นมีมิสะกับฮิคารุและลินน์มินเมย์ไปด้วย(ก็แปลกๆอยู่ว่าสามคนนี่ยังคบกันกันได้อยู่หน่อ)ซึ่งปรากฏว่ายานมันเกิดหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ฉนั้นแล้วเลดี้เอ็มก็คงหมายถึงทั้งมิสะและมินเมย์นะแหละ(สังเกตุตอนที่ตัวร้ายยิงลำแสงใส่เมก้าโรดวันจะมีเงาคนสองคนอยู่ละนะ)

    2. ในตอนจบซีรี่ย์ทีวีของภาคฟรอนเทียร์ จะมีอยู่ฉากนึ่งที่เจ้าของหน่วย S.M.S ที่เป็นมนุษย์ยักษ์แกเปิดล็อกเก็ตที่มีรูปของมินเมย์อยู่แล้วเหมือนจะเศร้าเสียใจอะไรบางอย่างด้วย ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่ามันแปลกๆเพราะเราก็ไม่ทราบเหตุว่าทำไมเขามาร่วมขบวนการที่จะจัดการกับวาจูร่าด้วย แต่ผมก็ติดใจกับประโยคของแคลร์ที่ว่า"ใครที่ควบคุมวาจูร่าได้ก็เหมือนกับได้พลังของพระเจ้า สามารถไปมิติไหนก็ได้ ข้ามผ่านกาลเวลาได้ หรือแม้แต่จะเอาคนที่ตายไปแล้วกลับมาก็ยังได้" ซึ่งมันก็ทำให้คิดไปได้ว่าหรือจริงๆเจ้าของ S.M.S นี่อาจจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของลินน์มินเมย์ ก็เลยพยายามจะเข้าควบคุมวาจูร่าเพื่อที่จะพาลินน์มินเมย์กลับมาอีกครั้งก็เป็นได้(จริงๆเมก้าโรดวันอาจจะไม่เคยหายไปไหนแต่เพราะเหตุการณ์ที่วาจูร่าถูกมนุษย์ควบคุมได้นี่แหละที่ทำให้เมก้าโรดวันถูกพาข้ามมิติกาลเวลามาอยู่ในยุคของมาครอสเดลต้า มิสะกับมินเมย์ก็เลยอาจจะไม่ได้แก่ลงเลยก็เป็นไปได้นะ)

    3.จากคำพูดของอีตาแขกขายอาวุธนี่ การเคลื่อนไหวของ Lady M เนี่ยดูเหมือนจะเริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้กับวาจูร่า(ซึ่งก็ตรงกับข้อสังเกตุในข้อ2.) เพียงแต่ว่าเมก้าโรดวันนี้อาจจะติดอยู่ในมิติปริภูมิย่อย(เริ่มยากแหละ)ก็เลยออกมาไม่ได้ก็เป็นได้(ใครงงๆว่ามันเป็นยังไงให้ดูเรื่อง Interstellaตอนที่ตัวเอกไปติดอยู่หลังตู้หนังสือน่ะแหละ)ก็เลยอาจจะทำได้แค่ทำการสื่อสารกับคนของเคออสให้ช่วยทำนู้นทำนี่ให้ ซึ่งมิติที่ติดอยู่นี่อาจจะเหมือนหรือคล้ายๆกับวิมานหรือสวรรค์ของเทพเจ้า(โปรโตคัลเจอร์?)ที่สามารถมองเหตุเหตุการณ์ความเป็นไปในจักวาลมาครอสได้ เลดี้เอ็มถึงได้ส่งข้อความเตือนหรือรู้ได้ทันท่วงทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ไง

    4.ตอนท้ายๆในมาครอสเซเว่นมีการจัดตั้งหน่วยยุทธการเสียงพิเศษ Jamming Birds ขึ้น(เพราะบาซ่าร่าไม่ยอมทำตามคำสั่งกองทัพ ทางกองทัพก็เลยบอกว่าไม่ง้อก็ได้ตั้งวงใหม่ขึ้นมาเองเลยละกัน)ซึ่งหน่วยนี้ก็ดูเหมือนจะไปไม่รอดในตอนนั้น แต่ผมว่ามันก็กลายเป็นต้นแบบของวงวัลคีเร่นี่แหละ มีการฝึกให้วิ่งไปร้องเพลงไปเหมือนกันด้วย แถมมีข่าวว่ามิเลนเข้าเทคโอเวอร์วงแจมมิ่งเบิร์ดนี่ภายหลังเพื่อจะแก้เผ็ดบาซ่าร่า(ถึงมันจะอยู่แค่การ์ตูนเสริม Mylene Beat ไม่อยู่ในภาคหลักก็เหอะ)ก็เลยทำให้คิดไปไกลว่าเลดี้เอ็มนี่คือมิเลน แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่อะนะ

Source : https://macross.fandom.com/wiki/Jamming_Birds

Source : https://macross.fandom.com/wiki/Jamming_Birds


    5.ในซี่รี่มาครอสนี่จริงๆมีตัวละคร LGBTQ+ อยู่ตลอด แต่ภาคเดลต้านี่น่าจะเป็นภาคแรกที่มีบทที่ดูคล้ายๆว่าจะเป็นความรักแบบ LGBTQ+ อยูู่ ซึ่งก็คือเรนะกับมากินะน่ะแหละ เห็นจับมือกันตลอด ส่วนฝ่ายชายที่ออกจะวายๆนี่ก็เหมือนจะมีอะไรลึกๆระหว่างนายกรอยด์กับท่านอัศวินขาวคีสละนะ แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรขนาดนั้น อนิเมะสมัยนี้นิดๆหน่อยๆก็ต้องใส่บทแบบนี้เขามาแหละ

    6.สำหรับคนที่ว่าภาคหนังใหญ่นี่ไม่มีอะไร เป็นแค่เอาภาพจากทีวีซีรี่มาตัดต่อเปลี่ยนบทนิดหน่อย มันก็จริงละครับ เพราะภาคหนังใหญ่ของมาครอสเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนเหล้าเดิมในขวดใหม่แต่เขาก็จะตัดบทหรือเพิ่มบทเพิ่มเพลงให้คนดูเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้น(อารมณ์เหมือนละครคู่กรรมฉายทางทีวีเสร็จแล้วเรายังไปทำหนังคู่กรรมฉายทางโรงหนังต่อน่ะแหละนะ) มันก็เลยอาจจะเหมาะกับคนที่ไม่เคยดูซีรี่ทางทีวีมาก่อน คนที่ดูแบบไม่ครบทุกตอน หรืออาจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่อาจจะอยากเห็นฉากต่อสู้กลางอากาศบนจอใหญ่อีกทีก็ได้ (ถ้าคุณพอใจบทสรุปในทีวีซีรี่แล้วก็ไม่ต้องดูภาคหนังโรงก็ได้อะนะ) จะมีก็แค่หนังใหญ่ของมาครอสเซเว่นเท่านั้นแหละครับที่เป็นตอนพิเศษที่เอาฉายควบกับมาครอสพลัสฉบับโรงภาพยนตร์น่ะ

    กล่าวโดยสรุป จะเห็นได้ว่ามาครอสเนี่ยมันมีความลึกซึ้งในเนื้อหามากๆ ทั้งเรื่องความเป็นไซไฟ เนื้อหาที่อิงมาจากความเป็นจริงในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ของตัวละครในแต่ละภาค ซึ่งถ้าจะดูให้สนุกคุณต้องดูแบบคิดวิเคราะห์แยกแยะไปด้วยละครับ ถ้าดูเอาเพลินๆเฉยๆก็อาจจะคิดไปได้ว่ามันเป็นแค่หนังไซไฟน้ำเน่ารักสามเศร้าที่มีคนร้องเพลงกับหุ่นยนต์ยักษ์แปลงร่างได้ได้นะ ฮึๆ 

 

สุดท้ายก็ขอขายของหน่อย เป็นนิยายแนววิทยาศาตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับAIและสิ่งแวดล้อมที่พังทลายที่ผมเขียนขึ้นมา ใครสนใจก็ลองซื้อหามาอ่านได้นะครับ 

 

Google Book -> https://play.google.com/store/books/details?id=GmG6EAAAQBAJ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น